อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1106 ไม่ชอบคู่หมั้น
“พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ แบบคาดไม่ถึงเสียอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีล่ะ เอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีออกมา”
“ใครเป็นคนฆ่าล้างตระกูลมู่?” กู้ชูหน่วนจ้องมองดูเขา ไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของเขา
นางยืดหลังตรง เผชิญหน้ากับไป๋หลี่เฉิงขั้นสูงสุดระดับสี่ อย่างไม่หวาดกลัวเลย
“ตนเองก็ยากที่จะเอาตัวรอดแล้ว ยังคิดที่จะแก้แค้นให้กับมดพวกนั้นหรือ?”
“ใครเป็นคนฆ่าล้างตระกูลมู่?”
กู้ชูหน่วนถามอีกครั้ง พร้อมก้าวเดินไปข้างหน้า
นางเป็นเพียงเริ่มเข้าสู่ระดับสาม แต่ลมหายใจของนางที่เปล่งออกมา น่ากลัวยิ่งกว่าระดับห้า โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนาง
ถึงแม้จะไม่มีความเกลียด ไม่มีความอาฆาต แต่ก็ทำให้รู้สึกขนลุก
แขนไป๋หลี่เฉิงขนลุกขึ้นมา ในใจยิ่งโกรธโมโห
อยู่ในวังแล้วราชินีไม่ไว้หน้าเขาก็ช่วงเถอะ คิดไม่ถึงว่าอยู่ตรงนี้ แค่มู่หน่วนตัวคนเดียวก็กล้าไม่ไว้หน้าเขา ยังกล้าข่มขู่เขา
“เจ้าเฒ่ามู่ดื้อรั้น ให้มอบตัวเจ้ามา เขาก็ไม่ยอม สมน้ำหน้าที่ถูกฆ่า”
“ดังนั้น คนที่ฆ่าล้างตระกูลมู่คือพวกเจ้าตระกูลไป๋หลี่?”
“ใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง แค่เจ้าคนเดียวคิดอยากแตะต้องตระกูลไป๋หลี่ แก้แค้นให้กับมดพวกนั้นหรือ?”
ไป๋หลี่เฉิงพูดคำว่ามดออกมาแต่ละคำ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจกับดูถูก
กู้ชูหน่วนอมยิ้มอย่างเย้ยหยันตรงมุมปาก
“เจ้าพูดถูก ต่อให้ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าไม่ใช่ฆาตกร ก็ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่มีพวกเจ้า ตระกูลมู่ของข้าก็ไม่ต้องตายอย่างอนาถ”
“พลั่ก….” เสียงดังขึ้น กู้ชูหน่วนโยนเสื้อคลุมของตนเองทิ้งไป กระตุกขวามือ ดาบอ่อนตรงเอวก็อยู่ในมือแล้ว
“ไม่สำนึกใช่ไหม วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือยอดฝีมือที่แท้จริง”
ไป๋หลี่เฉิงถือเคียวไว้ในมือ กำลังภายในถูกส่งไปบนเคียว หมุนวนหนึ่งที เคียวหลุดออกจากมือของเขา พุ่งไปหากู้ชูหน่วนอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า
กู้ชูหน่วนหัวเราะเย้ย ขยับเข้าหาอย่างไม่ถดถอย ตวัดดาบอ่อนในมือขวา ต้านรับเคียวไว้
สองพลังกระทบกัน อาวุธส่งเสียงดังพร้อมประกายไฟ
“ปัง ๆ ๆ ……”
คนหนึ่งตวัดเคลื่อนไหวเคียว
คนหนึ่งต้านรับได้ทุกกระบวนท่า
ภายในพริบตา ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายสิบกระบวนท่า
ขึ้นต้นระดับสามต่อสู้กับขั้นสูงสุดระดับสี่ กลับไม่มีท่าทีพ่ายแพ้เลย
“ฝีมือการต่อสู้ของเจ้าไม่ใช่ของตระกูลมู่ ถึงว่าทำไมเจ้าโอหังขนาดนั้น ที่แท้เจ้าแอบเรียนวิทยายุทธ์ข้างนอก ฮ่าๆ หากเจ้าอดทนฝึกตนอีกหน่อย เก็บคมในฝัก วิทยายุทธ์สูงขึ้น บางทีข้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่เจ้าใจร้อนไปหน่อย แค่ระดับสามก็คิดจะมาเผชิญหน้ากับข้า”
“ระดับสามเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าแล้ว”
กู้ชูหน่วนเปลี่ยนกระบวนท่า รวบรวมกำลังภายใน ดาบอ่อนแยกกลายเป็นแปดเล่ม ทั้งแปดเล่มพุ่งไปหาไป๋หลี่เฉิงตรงจุดฝังเข็มทั้งแปดพร้อมกัน
ไป๋หลี่เฉิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
แม้ว่ากระบวนท่าของนางจะมีเล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลง รวดเร็วและไร้ความปรานีอย่างไม่มีช่องว่าง
แต่แค่ต่อสู้กับระดับสามคนหนึ่ง ยังคงมีความมั่นใจอยู่
เห็นดาบทั้งแปดเล่มของนางพุ่งแทงมาพร้อมกัน
ไป๋หลี่เฉิงยิ่งดูถูกเหยียดหยาม
ถึงแม้กระบวนท่านี้ร้ายกาจ ขอเพียงนางไม่ใช้พลังชั่วร้าย อาศัยกระบวนท่านี้ทำร้ายเขา ฝันไปเถอะ
ส่วนพลังชั่วร้าย……
หากนางสามารถนำออกมาใช้ได้ วันนั้นในงานประชุมมอบรางวัลใหญ่ นางก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย
ไป๋หลี่เฉิงตวัดเคียว กำลังภายในพุ่งออกมา สลัดกระบี่อ่อนทั้งแปดอย่างไร้ความปรานี
ด้านความแข็งแกร่ง ต่อให้ดาบทั้งแปดร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานเคียวได้
ดาบทั้งแปดลอยผ่านไปอย่างไม่ต่อสู้
ดูแล้วเหมือนกู้ชูหน่วนได้เปรียบ
ส่วนไป๋หลี่เฉิงกลับตกตะลึง
เพราะดาบทั้งแปดเป็นเพียงภาพลวงตา ดาบที่แท้จริงคือกู้ชูหน่วน
นางรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ กลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง พุ่งแทงตรงหัวใจของเขา
หากไม่ใช่เพราะไป๋หลี่เฉิงไหวตัวเร็ว ดาบเล่มนี้ก็พุ่งแทงตรงหัวใจของเขาแล้ว
เขาตอบโต้โดยใช้ฝ่ามือฟาดออก ถึงดาบเล่มนั้นจะเบี้ยวไป แต่ก็แทงถูกหัวใจของเขาแล้ว
ตรงหัวใจมีเลือดไหลออกมา เขาเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว
ไป๋หลี่เฉิงจับจ้องมองดูกู้ชูหน่วนอย่างอาฆาต
“นังหนู นานมากแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำร้ายข้า เจ้ารู้ไหมทำให้เลือดไหลต้องแลกกับอะไร?”
กู้ชูหน่วนเช็ดรอยเลือดตรงมุมปาก ใบหน้างดงามที่สุดในแผ่นดินเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ทำร้ายเจ้า? วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า”
ความอาฆาตปกคลุมไปทั่ว
ไม่ว่าจะเป็นกู้ชูหน่วนหรือไป๋หลี่เฉิง ทั้งสองต่างแสดงออกถึงความอาฆาต ต้องการที่จะทำร้ายให้อีกฝ่ายถึงตาย
ไม่รู้ว่าใครลงมือก่อน ใบไผ่ในป่าไผ่พลิ้วไหว ต้นไผ่เรียวตรงถูกถอนพร้อมราก กลายเป็นกระบอกไม้ไผ่ แล้วถูกวางเป็นค่ายกล
“ตูม…..”
แผ่นดินภูผาสั่นคลอน
ฟ้าดินมืดครึ้ม
นกและสัตว์ป่าในป่าไผ่ต่างพากันหนีตาย หวาดกลัวว่าถ้าช้าไปหนึ่งก้าว อาจจะตายอย่างอนาถอยู่ที่นี่
เหนือท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งของป่าไผ่
ชายรูปงามดั่งหยก ภูมิฐานสง่างามราวกับเทพ มองดูภาพการต่อสู้นี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย บนใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
เขาสวมชุดสีขาว ลมพัดปลิวมา เส้นผมดำสลวยพลิ้วไหว
ชุดขาว ผมดำ ป่าไผ่รวมกันเป็นหนึ่ง งดงามราวกับภาพวาด
เขาสวมหน้ากากรูปผีเสื้อ ด้านหลังมีทหารองครักษ์ฝีเท้าเบาคนหนึ่ง เหยียบอยู่บนใบไผ่เหมือนกัน ยืนอยู่กลางเวหา เฝ้าอยู่ข้างกายเวินเส้าหยี พร้อมพูดขึ้นว่า
“นายท่าน คนทั้งสี่ตระกูลใหญ่ที่ราชินีรับสั่งให้เข้าวัง นอกจากซ่างกวนหมิงหลางกับหนิงเทียนโย่วแล้ว ไม่มีใครรอด ล้วนถูกทรมานจนตาย”
“เรา…..รวมทั้งศิษย์ตระกูลเวินของเราก็เหมือนกัน แต่ดีที่นายท่านเตรียมการล่วงหน้า ศิษย์ที่เข้าร่วมงานชุมนุมควบคุมสัตว์ในวันนั้นมีน้อยมาก คนของตระกูลเวินจึงถูกเลือกแค่สองคน”
“สืบลักษณะการตายของพวกเขาหรือยัง?”
องครักษ์อารั่วพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “สืบแล้ว เป็นเหมือนอย่างที่นายท่านคาดเดา ล้วนตายเพราะถูกสูบเลือดกับมันสมองจนหมด หลังจากตายไปสองชั่วยาม ศพ….กลายเป็นสองท่อน ราชินีจึงสั่งคนเผาศพของพวกเขาอย่างไม่เหลือร่องรอย”
สีหน้าอารั่วย่ำแย่
เป็นถึงราชินีคนหนึ่ง กลับโหดเหี้ยมขนาดนี้ ไม่ปรานีชีวิตคนเลย
นายท่านกับราชินีเป็นคู่หมั้นกัน
ซึ่งการหมั้นนี้มีมาตั้งแต่ก่อนนายท่านเกิด
หลังจากที่นายท่านรับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเวิน เงื่อนไขอำนาจทั้งหมดของตระกูลเวินตลอดจนหน่วยย่อยเผ่าเทียนเฟิ่น ก็ต้องแต่งงานกับราชินี
ราชินีโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ หากนายท่านแต่งงานไป จะได้มีชีวิตที่ดีหรือ
“เรื่องนี้นอกจากพวกเรา ยังมีใครรู้อีก?”
“ไม่มีใครรู้ ราชินีกระทำอย่างลึกลับมาก แม้แต่สามตระกูลใหญ่ก็ไม่รู้ พวกเขายังรอเข้าเฝ้าราชินีอยู่ในวัง ราชินีไม่ให้เข้าเฝ้า ให้ไป๋หลี่เฉิงเข้าเฝ้าเพียงคนเดียว”
เวินเส้าหยีเงียบ
ให้ไป๋หลี่เฉิงเข้าเฝ้าคนเดียวหรือ?
ภายในนี้….น่าจะมีอะไรแอบแฝง
หากราชินีไว้หน้าตระกูลไป๋หลี่ ก็จะไม่เรียกตัวลูกศิษย์ยอดฝีมือของตระกูลไป๋หลี่เข้าวัง
ราชินีสูบเลือดกับมันสมองของพวกเขาไปทำอะไร?
นางเป็นถึงราชินีแล้ว มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง ภายใต้อำนาจก็มียอดฝีมือมากมาย ยังมีอะไรที่นางต้องการ?
เขาไม่เชื่อว่า ราชินีทำไปเพียงเพราะชื่นชอบ
คิดถึงงานอภิเษกระหว่างตนเองกับนาง บวกกับผู้อาวุโสเร่งเร้า
เวินเส้าหยีเกลียดชังอย่างมาก