ตอนที่ 2372 ราชายมโลกผู้ดุร้าย

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“วางใจได้ ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กองทัพผีนับล้านได้เข้าประจำตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้แล้ว น่าเสียดายที่ตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นดินแดนที่ไม่อาจแปลงกายได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราก็คงจะสามารถใช้ทางข้าดินแดนนี้ของฝ่ายตรงข้ามได้ ตรงเข้าไปโจมตีกลับดินแดนของฝ่ายตรงข้ามได้โดยตรง ตอนนี้สามารถใช้การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งมาแก้ไขเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเสียจากดินแดนเล็กๆ นี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามกับพวกเราก็ไม่ได้มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ใดอีก” สุดท้ายแล้วร่างเงาเล็กสั้น ก็ส่งเสียงคมชัดราวกับเด็กเอ่ยตอบกลับมา

“และจากการค้นหาจิตวิญญาณของเชลยเหล่านั้นทำให้รู้ได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามราวกับว่าจะเป็นเพียงแค่ดินแดนเล็กๆ และขาดการติดต่อกับแดนเซียนไปนานแล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าตกตะลึงจากดินแดนเล็กๆ ในครั้งนี้แล้ว และบังเอิญติดกับดินแดนหลักได้สองดินแดนพอดี พวกเราเองจึงไม่อาจจะทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้ และเพราะเหตุนี้เอง วิธีการฝึกบำเพ็ญเพียรของฝ่ายตรงข้ามก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากสมัยโบราณมากนัก อีกทั้งยังหลงเหลือเคล็ดวิชาลับบางอย่างที่พบได้น้อยในกลุ่มดินแดนอื่น ฉะนั้นเจ้าแห่งยมโลกจึงได้ส่งพวกเราทั้งห้าออกมา ด้านหนึ่ง หวังว่าพลังของพวกเราจะสามารถกดข่มการผูกขาดกับดินแดนเล็กๆ นี้ อีกด้านหนึ่ง หวังว่าพวกเราทั้งห้าจะสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างจากการต่อสู้ในครั้งนี้ที่แตกต่างไปจากศัตรูก่อนหน้านี้ พวกเจ้าไม่ได้สังกตุอะไรบางอย่างเลยหรือ พวกเราทั้งห้าในสิบคนนั้นล้วนแต่ติดอยู่ตรงคอขวดมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว พลังความแข็งแกร่งของพวกเราเองก็ไม่อาจที่จะก้าวหน้ามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ” เงาร่างดำน้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“เอ่ยออกมาเช่นนี้ก็ไม่ผิดนัก เจ้าแห่งยมโลกช่างมีใจแล้ว เฮ่อเฮ่อ วิธีการฝึกฝนในสมัยโบราณ นี้ช่างพบเห็นได้ยากจริง หวังว่าพวกเขาคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังหรอกนะ” ร่างเงาดำสูงใหญ่เมื่อได้ยินแล้ว ดวงตาทั้งสองก็เป็นประกายขึ้นมา

“เอาหล่ะ ในเมื่อทุกคนไม่มีคำถามอื่นแล้ว วันนี้พวกเราก็พูดกันเพียงเท่านี้เถอะ กลับไปพักผ่อนกันให้เต็มที่ พรุ่งนี้ก็จะต้องเริ่มส่งคนออกไปติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว เริ่มสร้างเขตต้องห้ามตามที่ตกลงกันเอาไว้ในการต่อสู้” ร่างเงาน้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยออกมาอย่างตัดสินใจออกมาแล้ว

ส่วนร่างเงาดำอื่นแน่นอนว่าย่อมพยักหน้าออกมาอย่างเห็นด้วย

ดังนั้นในเช้าวันที่สอง ตรงเขตแบ่งดินแดนของยอดเขาทั้งห้า มีทหารชุดเกราะและพลังดำมืดของผีเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ต่างก็พากันเริ่มยุ่งกันขึ้นมา

หลังจากนั้นครึ่งวัน ปรมาจารย์เขตอาคมของทั้งสองฝ่ายต่างก็สร้างเขตอาคมเสร็จสิ้น จากนั้นก็ทำการแลกเปลี่ยนตำแหน่งกันแล้วต่างก็ช่วยกันตรวจสอบในทันที

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยาม ปรมาจารย์เขตอาคมต่างก็ถอนตัวออกมาจากยอดเขา ต่างก็เหลือไว้เพียงแค่ทหารยามคอยรักษาการณ์ที่แห่งนั้นเอาไว้อย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ในตอนที่หานลี่เดินออกมาจากที่พักมาถึงยังห้องโถงชั่วคราวในป้อมปราการ ในที่สุดก็ได้พบกับผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงของแดนนภาสีเลือดท่านนั้น “เซวี่ยซา” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูเหมือนธรรมดาๆ แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีเทา บนศีรษะนั้นมีผลึกใสสีโลหิต ด้านล่างนั้นมีเคราที่ค่อนข้างจะสั้นอยู่เล็กน้อย

แต่ว่าเมื่อหานลี่ใช้สายตากวาดมองไปยังบนกายของเขาแล้ว กลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในกายของอีกฝ่ายนั้นแอบซ่อนรัศมีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ ทำให้ในใจของอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวขึ้นมา

หานลี่ยังไม่ทันได้เอ่ยอันใดออกมากับผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งจะปรากฏตัวออกมาใหม่ท่านนี้ ก็ถูกปี้อิ่งร้องเรียกและออกจากห้องโถงไปด้วยกัน แล้วบินตรงไปยัง “เกาะ” กลางอากาศสูงนั้น

วินาทีถัดมา ศาสตราวุธขนาดใหญ่นี้ก็พุ่งตรงมายังด้านหน้าของคนทั้งหลาย

ไม่นานนัก เกาะแห่งนั้นก็ห่างออกไปจากยอดเขาทั้งห้านั้นเพียงระยะสูงสิบกว่าลี้ แล้วก็หยุดลงชั่วคราวอีกครั้ง

จากนั้นหานลี่และคนอื่นทั้งร่างกายสั่นไหว ก็ไปปรากฏกายอยู่บนเกาะแล้วพากันหันมองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ

มองเห็นเพียงแค่ที่ไกลๆ ตรงเขตแบ่งดินแดนอีกฝ่ายนั้นมีเพียงแค่ไอพลังสีดำ เสียงดังปึงปังดังขึ้นมา เขากระดูกสีขาวขนาดใหญ่ลูกหนึ่งลอยออกมาจากตรงกลางนั้น หลังจากที่กะพริบวาบขึ้นมาไม่กี่ครั้งก็ไปหยุดอยู่ยังใกล้ๆ กับยอดเขานั้นเช่นกัน

เมื่อเสียง “ปัง” ดังออกมา ไอพลังสีดำก็พุ่งออกมาจากยอดเขากระดูกแห่งนั้น ด้านในนั้นมีร่างเงาสีดำสูงต่ำแตกต่างกันออกไปอยู่หลายร่างกำลังวูบวาบอยู่ด้านใน

รูม่านตาของปี้อิ่งหดเล็กลง เงยหน้าขึ้นมองยังบนท้องฟ้า จากนั้นสีหน้าก็ดูมืดมนลงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา

หานลี่และคนอื่นๆ แน่นอนว่าจ้องมองไปยังไอพลังสีดำที่อยู่ด้านหน้านั้นไม่หยุดหย่อน แต่ว่าทั้งหมดนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เปิดเผยสิ่งผิดปกติใดออกมา

หลังจากรอเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหารแล้ว ดวงอาทิตย์ที่แต่เดิมส่องแสงสว่างแผดเผาอยู่บนท้องฟ้าสูง จู่ๆ ก็หรี่แสงสลัวลงสามส่วน

เหล่าทหารชุดเกราะและพวกภูตผีที่แต่เดิมหยุดอยู่ตรงบริเวณใกล้กันกับยอดเขา ชั่วขณะนั้นก็เหมือนจะตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วก็พากันแยกย้ายออกไป พากันบินลอยอพยพออกไปยังฝั่งของตนด้วยความรวดเร็ว

ปี้อิ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ท่าทางก็เปลี่ยนไปแล้วกำหมัดให้แก่คนอื่นๆ พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า

“นักพรตทุกท่าน ได้เวลาแล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ รางวัลที่ข้าน้อยได้สัญญาเอาไว้ไม่มีทางที่จะน้อยลงแม้แต่นิดเดียว”

“มีคำพูดนี้ของพี่ปี้ ก็พอแล้ว” เซวี่ยซายิ้มออกมาเบาๆ หัวไหล่สั่นไหวขึ้น แล้วก็แปลงกายเป็นสายรุ้งสีโลหิตขึ้นมาก่อนพุ่งตรงไปทางของยอดเขานั้น

“ของสิ่งนั้นที่ผู้แซ่เหลยต้องการ เจ้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้วหรือ”

“พี่เหลยวางใจได้ ของตามหาพบไว้นานแล้ว รอแค่เพียงนักพรตไปรับมันเท่านั้น”

ชายร่างใหญ่แซ่เหลยชุดเกราะสีเงินเมื่อได้ยินปี้อิ่งเอ่ยคำสัญญาออกมาด้วยตนเองแล้ว ก็ส่งเสียงหัวเราะดังออกมา เกิดเสียงคำราม ตามมาด้วยเมฆสายฟ้าปรากฏออกมาจากกลางอากาศ แล้วก็พากายของเขาลอยออกไป

ส่วนเหวินซินเฟิ่งหญิงสาวคนนี้ส่งเสียงโอ้วหวานออกมา หลังจากที่โยนสัตว์อสูรตัวน้อยในมือออกไป มันก็ม้วนตัวแปลงกายเป็นมิงค์ตัวขนาดใหญ่ยักษ์ด้านหลังนั้นมีปีกสีเงินออกมา

ปีกคู่ของสัตว์อสูรตนนี้เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ก็กลายเป็นลำแสงสีเงินแล้วพุ่งออกไป หลังจากที่หมุนวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่อย่างกะทันหันแล้ว จากนั้นอุ้มเอาเหวินซินเฟิ่งไว้บนกาย แล้วพุ่งออกไปไกลจริงๆ

หานลี่ที่กำลังยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็กำหมัดให้แก่ปี้อิ่งที่อยู่ด้านข้าง แล้วจึงเดินก้าวใหญ่ออกไปยังด้านหน้า

เห็นเพียงแค่หลังจากที่เขาตกอยู่ในภวังค์แล้ว ก็หายออกไปจากจุดเดิมจนมองไม่เห็น แต่ในวินาทีถัดมาก็ไปปรากฏยังที่ไกลๆ นับพันจั้ง หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็พุ่งตรงไปยังยอดเขาลูกที่สองด้านซ้ายมือ

ปี้อิ่งเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็ออกเดินทางกันไปแล้ว กลับเหลือยอดเขาตรงกลางไว้ให้แก่ตนราวกับว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จึงหัวเราะเยาะออกมาให้แก่ตนเองในทันที แขนเสื้อทั้งสองสะบัดขึ้นและก็กระโดดออกไปยังด้านหน้า ราวกับว่าเป็นนกยักษ์ลอยพุ่งตรงไปยังทางด้านนั้น

และเกือบจะในเวลาเดียวกันกับคนของทางฝั่งหานลี่เคลื่อนไหวนั้น ท่ามกลางไอพลังสีดำบนเกาะของฝั่งตรงข้างเองก็ส่งเสียงคำรามดังออกมา เพียงพริบตาก็แบ่งออกเป็นห้ากลุ่มแล้วลอยพุ่งออกไปยังยอดเขาทั้งห้า

ในตอนที่เท้าทั้งคู่ของหานลี่เหยียบลงบนพื้นของยอดเขา ไอพลังสีดำกลุ่มหนึ่งก็ส่งเสียงผิวปากขึ้นมาแล้วก็ตกลงมาจากกลางอากาศสูงอย่างรวดเร็ว

เสียง “ปัง” ดังลั่นออกมา

ทั่วทั้งยอดเขาสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ร่างเงาสีดำผิดปกติก็ม้วนตัวออกมาจากไอพลังสีดำแล้วปรากฏตัวกลางหลุมขนาดใหญ่ตรงหน้า

ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่หรี่ลง จ้องมองขึ้นลงยังฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายในใจของเขาเกิดสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย

เห็นเพียงแค่ร่างเงาสีดำสูงใหญ่นี้ ทั่วทั้งกายราวกับว่ามีม่านพลังมืดมิดปกคลุมเอาไว้ชั้นหนึ่ง นอกจากกายที่พร่ามัวแล้ว ก็ไม่อาจจะมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้

ทำได้เพียงแค่มองร่างเงาสีดำนี้ได้โดยประมาณว่าบนหัวของอีกฝ่ายนั้นมีเขาโค้งขนาดใหญ่อยู่คู่หนึ่ง แขนขาต่างก็ยาวกว่าคนทั่วไปนัก ดวงตาสีแดงก่ำกลับเต็มไปด้วยความเผด็จการอย่างไม่สิ้นสุด และเมื่อได้สัมผัสเข้า ก็ให้ความรู้สึกสะพรึงกลัวราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในป่าลึกขนาดใหญ่

“เจ้าหนุ่ม เจ้าเลือกข้าราชาซยงซือเป็นคู่ต่อสู้ นับว่าเลือกได้ถูกต้องแล้ว อีกประเดี๋ยว ข้าจะทำให้เจ้าตายไปโดยที่ไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย” ร่างเงาสีดำสูงใหญ่ใช้สายตาดุร้ายจ้องมองไปยังหานลี่ครู่หนึ่ง ทั้งสองมือก็ประสานเข้าด้วยกัน และทันใดนั้นก็ส่งยิ้มเยาะเย้ยออกมา

“ราชาซยงซือ! น่าสนใจ ความสามารถของท่านหากว่าแข็งแกร่งพอๆ กับคำพูดของท่านแล้ว ข้าเองก็จะตั้งตารอให้นักพรตทำอย่างที่เอ่ยออกมา” หานลี่หาวออกมา ท่าทีดูเฉยเมย

ในเวลานี้ทั่วทั้งภูเขาจู่ๆ ก็เกิดเสียงดังหึ่งๆ ออกมา ตามมาด้วยลำแสงนับร้อยก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มแล้วพุ่งตัวขึ้นสู่บนท้องฟ้าจากหินและดินพร้อมกัน หลังจากที่พร่ามัวและสั่นไหวแล้ว ก็กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีขนาดใหญ่สองชั้น ปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาเอาไว้ด้านในทั้งหมด

หานลี่กวาดตามองออกไปรอบๆ ก็พบว่าเมื่อจิตสัมผัสโดนเข้ากับม่านลำแสงนั้นก็ถูกย้อนกลับออกมาในทันที ทุกอย่างภายนอกนั้นต่างก็ถูกตัดขาดออกในทันที ไม่อาจที่จะตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเนินเขาที่อยู่ใกล้กันได้แม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าเขตต้องห้ามทั้งสองนั้นราวกับว่าจะให้ทั้งสองฝ่ายมุ่งสนใจไปยังการต่อสู้ของตนเองก่อน ป้องกันไม่ให้เมื่อเริ่มต้นไปแล้วได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ของผู้อื่น

ในตอนที่ในใจของหานลี่กำลังคิดออกมาเช่นนี้นั้น ร่างเงาดำสูงใหญ่ฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่เงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปยังม่านลำแสงแล้ว กลับส่งเสียงคำรามต่ำออกมาในทันที

พลังขนาดมหึมาก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาในทันที แล้วกลายเป็นพายุดำมืดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

และหลังจากที่พายุลูกนี้หายไปอย่างฉับพลันราวกับว่าถูกฉีกขาดออกจากกันแล้ว ร่างเงาดำสูงใหญ่ดุร้ายในที่สุดก็ปรากฏออกมาในที่สุด

เป็นผีขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีกายเป็นมนุษย์หัวเป็นวัวสูงถึงสองจั้ง

ผิวกายของผีตนนี้นั้นเป็นสีเทา กายสวมชุดเกราะสีดำเข้ม รูปร่างแปลกประหลาด ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลมยาวนับไม่ถ้วน มือข้างหนึ่งถือกระบองสีแดงโลหิตที่ไม่รู้ว่าใช้วัตถุดิบใดสร้างขึ้น บนจมูกนั้นมีวงแหวนทองแดงสีเหลืองอยู่บนนั้นใช้สายตาดุร้ายมองไปยังหานลี่

“น่าสนใจ ถึงกลับแปลงกายเป็นร่างของสัตว์อสูรดุร้ายที่ได้มาจากการฝึกบำเพ็ญเพียร เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว ราชาซยงซือท่านนี้คงมั่นใจในกายนี้มากนัก” หานลี่เมื่อมองเห็นรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามชัดเจนแล้ว กลับหัวเราะออกมาเบาๆ

“มั่นใจหรือไม่นั้น เจ้าก็ลองสัมผัสมันด้วยตนเอง ก็จะรู้ได้แล้วไม่ใช่หรือ” ราชาซยงซือส่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่งออกมา จากนั้นก็เก็บอาวุธสีแดงโลหิตในมือฟาดลงไป แล้วทุบไปยังกลางอากาศเบื้องหน้าสองสามครั้งราวกับสายฟ้าฟาด

เสียง “ปึงปัง” ดังก้องออกมา ทันใดนั้นกลางอากาศเหนือหานลี่เกิดระเบิดขึ้นมา

จากนั้นก็เกิดเป็นระลอกคลื่น ภูตผีกระบองมากมายก็ปรากฏออกมาจากกลางอากาศนั้น ขณะเดียวก็ฟาดลงมาพร้อมกัน

และก่อนที่จะฟาดลงมานั้น พลังมหาศาลของกระบองเหล่านี้ที่ราวว่าลมพายุอันบ้าคลั่ง

หานลี่ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมา แต่หลังจากที่แขนข้างหนึ่งพร่ามัวแล้ว กำปั้นสีทองข้างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อพุ่งไปยังกลางอากาศสูงอย่างไร้จุดมุ่งหมาย และทันใดนั้นกำปั้นสีทองก็กระแทกเข้ากับอากาศสูงนั้นอย่างแรง

เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น

หลังจากที่คลื่นลมสีขาวและลำแสงสีทองมาบรรจบกันแล้ว ภูตผีกระบองและกำปั้นสีทองก็สว่างวาบขึ้นและดับสลายไปพร้อมกัน

“เอ๋ พลังของกายเจ้าก็ไม่ได้นับว่าอ่อนแอ” ราชายมโลกที่แต่เดิมนั้นแววตายังคงมีร่องรอยของความดูถูกหลบซ่อนอยู่ รูม่านตาก็หดลงเล็กน้อยในทันที

ถึงแม้ว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้จะยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกไปแม้แต่หนึ่งหรือสองส่วน แต่ว่าเมื่อดูจากท่าทีการพูดของอีกฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำปั้นนี้ก็ยังไม่ได้ใช้อิทธิฤทธิ์ออกไปสักเท่าไหร่

ทำให้ราชาซยงซือท่านนี้ในแดนยมโลกที่ขึ้นชื่อว่าดุร้าย รู้สึกได้ถึงความประหลาดใจอยู่หลายส่วน

แต่หานลี่ที่อยู่ตรงข้ามนั้น กลับไม่ได้รอให้ฝ่ายตรงข้ามได้คิดอะไรมากนัก มือข้างหนึ่งก็คว้าออกไปกลางอากาศ ลำแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้น ดาบยาวสีฟ้าก็ปรากฏออกมาในทันที หลังจากที่ข้อมือสั่นไหว ชั่วขณะนั้นเสียงดังออกมา เส้นไหมสีฟ้านับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมาจากตรงที่เขายืนอยู่ พุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้าของฝ่ายตรงข้าม