ตอนที่ 998: หาผู้ช่วย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 998: หาผู้ช่วย

รัมกุยเนสมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย เหมือนกับว่านางต้องการที่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยระดับการฝึกฝนของนาง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงดูเหมือนคนธรรมดาในสายตาของนาง

“พวกเราทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณมากที่ท่านผู้มีพระคุณจะช่วยพวกเรา แต่ราชาของตระกูลกิลลิกันนั้นทรงพลังมากเกินไป อีกทั้ง เขายังได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 7 อีกหลายคน พวกเราจะไม่ไปเสี่ยงง่าย ๆ จนกว่าพวกเราจะมั่นใจว่าพวกเราสามารถเอาชนะได้” รัมกุยเนสพูด แม้ว่านางจะรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินในตลอดหลายปีที่ผ่านมาจากเสือขาว แต่นางก็ยังไม่มั่นใจถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตาม รัมกุยเนสก็คาดเดาได้ ในตอนแรกที่นางพบกับเจี้ยนเฉิน เขายังเป็นแค่เซียนปฐพีอยู่เลย เขาไม่ได้มีค่าให้เห็นความสำคัญเลยในสายตาของนาง สำหรับนางแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้าวผ่านนางในเวลานี้ ไม่ว่าพรสวรรค์ของเขาจะยอดเยี่มขนาดไหนก็ตาม

รัมกุยเนสยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับสมบัติป้องกันตัวที่เจี้ยนเฉินมี กับเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงไม่สามารถรับรู้ความแข็งแกร่งของเขาได้ เพราะวัตถุเซียนก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่เป็นสมบัติป้องกัน

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นรัมกุยเนสขาดความมั่นใจ “ผู้อาวุโสกังวลมากเกินไปแล้ว ราชาของตระกูลกิลลิกันอาจจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 8 ซึ่งเทียบเท่ากับเซียนราชามนุษย์ แต่เขาก็ยังอ่อนแอกว่าเซียนราชาอยู่ดี ข้ามีวิธีที่จะจัดการกับเขาแล้ว เขาทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก”

“จริงหรือ ? ท่านมีพลังพอที่จะเอาชนะตระกูลกิลลิกันได้งั้นหรือ ? ” รัมกุยเนสพูด้วยความตกใจ นางดีใจมาก

เจี้ยนเฉินพยักหน้าแล้วพูดออกมา “ผู้อาวุโสฟื้นฟูกำลังของท่านก่อน เมื่อท่านอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้งแล้ว พวกเราจะไปที่เทือกเขาครอสทันทีและจัดการตระกูลกิลลิกันซะ พวกเราจะแก้แค้นให้สามีของท่านและพ่อของเสี่ยวไป๋”

หลังจากนั้น รัมกุยเนสก็กลับไปที่โถงเพื่อฟื้นฟู เจี้ยนเฉินไม่ได้รบกวนนูบิสที่กำลังทำความเข้าใจในทักษะการต่อสู้อยู่ ดังนั้นเขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปมารอบ ๆ มิติวัตถุเซียนกับโหยวเยว่

มิติวัตถุเซียนที่อยู่มาหลายแสนปี หลังจากที่ผ่านเวลามานานขนาดนี้ สถานที่นี้จึงเต็มไปด้วยสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน มีสัตว์อสูรระดับ 7 ที่ยังอยู่อีกหลายตัวพร้อมกับระดับ 8 ด้วย

สัตว์อสูรระดับ 7 เกิดและตายในมิติของวัตถุเซียน พวกเรารู้ว่ามีโลกอยู่ที่ด้านนอกของมิติวัตถุเซียน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปได้เลย พวกเขาติดอยู่ด้านในมิติวัตถุเซียน เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะสำเร็จถึงระดับ 9 ที่เทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่มีโอกาสเห็นโลกภายนอกได้

“มีสัตว์อสูรระดับ 7 อยู่ค่อนข้างมากในมิติวัตถุเซียน ถ้าพวกเราใช้พวกมันอย่างถูกวิธี พวกมันจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากที่เดียว” เจี้ยนเฉินคิด เขาเริ่มคิดที่จะใช้สัตว์อสูรระดับ 7 แต่เขาก็เลิกคิดไปชั่วคราวหลังจากที่พิจารณาอย่างระมัดระวังแล้ว

ถ้าเขาปล่อยสัตว์อสูรระดับ 7 เหล่านั้นทั้งหมดออกไป คนแรกที่จะมาหยุดเขาก็คงเป็นตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบแน่ เขารู้ดีว่าตระกูลผู้พิทักษ์คงจะไม่ยอมปล่อยให้สัตว์อสูรระดับ 7 มากมายออกมาปรากฏตัวอยู่บนทวีปเทียนหยวนหรอก เพราะมันจะทำให้อำนาจของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางเพิ่มมากขึ้น

เขาไม่กลัวตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบอีกแล้ว แต่ทั้งหมดนี่เป็นเพราะรุยจินและเฮยยู่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ ถ้าทั้งสองไม่อยู่ที่นี่ มันคงเป็นการยากมากที่จะสู้กับตระกูลผู้พิทักษ์อื่นด้วยตระกูลเจียงหยางและพวกเขาเอง

“ข้าจะเก็บพวกสัตว์อสูรระดับ 7 พวกนั้นเอาไว้ก่อน หลังจากที่ข้าแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับตระกูลผู้พิทักษ์ได้เองแล้ว มันจะมีสักวันที่พวกนี้จะมีประโยชน์กับข้า” เจี้ยนเฉินคิด เขาแน่วแน่มาก เขาไม่อยากที่จะเสียกำลังรบใหญ่ที่อยู่ในมิติวัตถุเซียนไป

เขาแค่ยังไม่สามารถใช้มันได้ในตอนนี้

มิติวัตถุเซียนยังมีสมบัติสวรรค์อีกจำนวนมาก เจี้ยนเฉินจะจัดการเก็บเกี่ยวสมบัติสวรรค์จำนวนมากในสองสามวันข้างหน้านี้ เขาวางแผนที่จะนำมันไปมอบให้นักปรุงยาและสกัดให้มันเป็นเม็ดในอนาคต นี่จะทำให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเขาเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นและทำให้คนที่จงรักภักดีกับเขาแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อม ๆ กันด้วย

เขาใช้สมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่เขาได้รับมาจากเทียนเจียนก่อนหน้านี้ไปกับเสือขาวจนเกลี้ยง นอกเหนือจากหญ้าน้ำลายมังกรที่เขาเก็บไว้ก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่มีสมบัติสวรรค์อื่นแล้ว

เจี้ยนเฉินพบกับราชาอีการะดับ 7 อีกครั้งในระหว่างสองสามวันนี้ ครั้งหนึ่งเจี้ยนเฉินได้ฆ่าลูกหลานของราชาอีกาไปเป็นจำนวนมากในตอนที่เขาเข้ามาแข่งขันภายมิติของวัตถุเซียนในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง นี่ทำให้มันค่อนข้างอาฆาตพยาบาทเจี้ยนเฉิน ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ว่าสัตว์อสูรระดับ 7 ทั้งหมดและที่เหนือกว่านั้นถูกกักเอาไว้โดยวัตถุจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ เขาอาจจะถูกราชาอีกาฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างกันแล้วในตอนนี้ เมื่อเจี้ยนเฉินพบกับสัตว์อสูรระดับ 7 อีกครั้ง มันก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อเจี้ยนเฉินเลย มันคำนับเจี้ยนเฉินด้วยความเคารพ ในขณะที่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเช่นเดียวกัน เพราะว่ามันเป็นไปได้สำหรับราชาอีกาที่จะมากลายเป็นแม่ทัพภายใต้การควบคุมของเขาในอนาคต

หลายวันต่อมา ความแข็งแกร่งของรัมกุยเนสก็ฟื้นฟูเต็มที่ นางกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จากนั้นนางก็ออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินพร้อมด้วยโหยวเยว่ เสือขาว และรัมกุยเนสออกมาจากมิติของวัตถุเซียนและกลับมาที่โพรงที่บึง เขาเห็นรุยจินและเฮยยู่ทำสมาธิอยู่ใกล้ ๆ ทันทีที่เขาออกมา ทั้งสองเฝ้าอยู่ตรงนี้มาตลอดสองสามวันที่ผ่านมานี้

รุยจินและเฮยยู่ลืมตาขึ้นช้า ๆ และยืนขึ้นพร้อม ๆ กัน พวกเขามองไปที่รัมกุยเนสอย่างเฉยชาในขณะที่แววแห่งความสนใจฉายลึกอยู่ในแววตาของพวกเขา แม้ว่าความแข็งแกร่งของรัมกุยเนสจะไม่ได้สำคัญอะไรกับทั้งสองคน แต่ฐานะของนางที่เป็นมารดาของพยัคฆ์ปีกเทวะก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับความเคารพเป็นพิเศษ

“ผู้อาวุโส ในตอนนี้พวกเราก็เจอแม่ของเสี่ยวไป๋แล้ว พวกเราไปแก้แค้นที่เทือกเขาครอสกันเถอะ ได้โปรดช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเราที่นั่นด้วย” เจี้ยนเฉินพูดกับทั้งสอง

รุยจินพูดขึ้นหลังจากคิด “ในหลายวันที่ผ่านมาที่พวกเราได้อยู่ที่เมืองทหารรับจ้าง พวกเราได้เข้าใจในสถานการณ์ของทวีปเทียนหยวนมาคร่าว ๆ แล้ว เทือกเขาครอสอยู่ภายใต้อำนาจของทวีปสัตว์เทวะ ดังนั้นถ้าเจ้าไปยั่วยุพวกเขาแบบซึ่ง ๆ หน้า มันเป็นไปได้มากที่ทวีปสัตว์เทวะจะตอบโต้กลับอย่างรุนแรง พวกเราเกือบจะกลายเป็นศัตรูกับทั้งทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะในเวลาตอนนี้ ในขณะที่ทวีปสัตว์เทวะนั้นมีสัตว์อสูรระดับ 9 อยู่ถึง 3 คน ซึ่งสองในนั้นพยายามที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ ในขณะที่อีกคนก็ไม่น่าไว้ใจถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ฝ่ายพยัคฆ์ปีกเทวะก็ตาม”

“ยังมีเซียนจักรพรรดิมนุษย์จากทวีปเทียนหยวนอีก แม้ว่าการโจมตีทางวิญญาณของเขาจะไม่สามารถทำอะไรเฮยยู่และข้าได้ แต่เป้าหมายของเขาก็คือพยัคฆ์ปีกเทวะเช่นเดียวกัน ถ้าเขาร่วมมือกับสัตว์อสูรระดับ 9 ของทวีปสัตว์เทวะ มันจะเป็นการยากมากที่พวกเราจะจัดการกับพวกนั้นได้ด้วยการที่มีแต่ข้ากับเฮยยู่ เช่นนั้นแล้ว พวกเราจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังรบของพวกเรา”

“ผู้อาวุโสรุยจิน ท่านต้องการที่จะรวบรวมสัตว์อสูรระดับ 8 ที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในมิติวัตถุเซียนอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกตกใจอย่างมาก

“ข้าไม่ได้พูดถึงพวกนั้น พวกนั้นไม่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับ 9 ได้แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน ข้ากำลังพูดถึงฟีนิกซ์เทวะเพลิงของตระกูลฟีนิกซ์เทวะ” รุยจินพูด จากนั้น เขาก็หันไปหาเฮยยู่แล้วพูด “เฮยยู่ ไปกับเจี้ยนเฉินที่เทือกเขาครอส ข้าจะไปหาหงเหลียน ถ้ามีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ ให้เจ้าติดต่อข้าผ่านทักษะพิเศษ”

เฮยยู่พยักหน้าเงียบ ๆ

รุยจินหมายความเช่นนั้นจริง ๆ ตอนที่เขาบอกว่าจะไป เขาเปิดประตูมิติออกทันทีแล้วจากไป เฮยยู่ไม่ชักช้าอยู่เช่นกัน เขาก็เปิดประตูมิติออกเพื่อไปที่เทือกเขาครอสและออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ

เจี้ยนเฉินผ่านประตูมิติไปพร้อมกับโหยวเยว่ และพวกเขาก็เดินทางไปได้หลายล้านกิโลเมตรในทันที ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงที่เขตแดนของเทือกเขาครอส หลังจากนั้น พวกเขาก็บินไปที่ส่วนลึกของเทือกเขา

สมาชิกระดับสูงของตระกูลผู้พิทักษ์อีก 9 ตระกูลรวมตัวอยู่ด้วยกันในตอนนี้โดยไม่มีตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง นอกเหนือจากท่าทางของคนของอารามจิตพิสุทธิ์ที่ดูเฉยเมยแล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือก็ขมวดคิ้วและเคร่งเครียด

นี่ไม่ใช่การประชุมครั้งแรกที่พวกเขาจัดขึ้นในหลายปีที่ผ่านมานี้ อย่างไรก็ตาม แต่ความเข้มข้นของการประชุมในแต่ละครั้งก็เหมือนกันทุกครั้ง ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ มันคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินและตระกูลเจียงหยาง

เจี้ยนเฉินกลับมาพร้อมกับความได้เปรียบที่มีโถงศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่เซียนราชาในระดับสูงสุดยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถูกคุกคามจากเจี้ยนเฉินในขณะที่พยัคฆ์ปีกเทวะยังติดตามเขาอยู่ พร้อมกับความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลเจียงหยางด้วย พวกเขายังรู้สึกไม่สบายใจในตอนนี้ที่เจี้ยนเฉินมีสองจอมยุทธที่สุดยอดอย่างรุยจินและเฮยยู่ที่อยู่เคียงข้างเขาอีกด้วย

แม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะมีกองกำลังที่สุดยอดที่คอยปกป้องทวีปอยู่และรักษาสมดุลระหว่างตระกูลของพวกเขาเองด้วยในเวลาเดียวกัน พวกเขาคานอำนาจซึ่งกันและกัน ดังนั้นถ้ามีตระกูลไหนที่ทรงพลังเกินไป พวกเขาจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ อย่างไรก็ตามตระกูลเจียงหยางในตอนนี้ได้เลยเส้นความอดทนที่อีกทั้งเก้าตระกูลสามารถทนได้มาแล้ว

ถ้าตระกูลเจียงหยางได้รับการช่วยเหลือจากรุยจินและเฮยยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรตระกูลเจียงหยางได้แม้ว่าพวกเขาทั้งเก้าตระกูลจะร่วมมือกัน พวกเขามีพลังที่ซ่อนอยู่อีกมาก แต่พลังนี้ก็ใช้ต่อต้านการรุกรานของคนนอกได้เท่านั้น หรือในตอนที่พวกเขาต้องมาเจอกับอะไรก็ตามที่พวกเขาไม่สามารถขับไล่ได้

ไคเซอร์และจักรพรรดิเสือแลงคีรอสรวมตัวกันอยู่บนชั้นที่ 98 ของหอคอยสัตว์เทวะที่กึ่งกลางของทวีป พวกเขาทั้งหมดมีใบหน้ามืดครึ้ม

“ซ่างเฉียงขัดขวางข้าในวินาทีที่สำคัญ ถ้าเขาลงมือในวันนั้น พยัคฆ์ปีกเทวะก็คงอยู่ในมือของพวกเราไปนานแล้ว” ไคเซอร์กำหมัดแน่น เขาโกรธมาก