ตอนที่ 999: กลับมาอย่างยิ่งใหญ่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 999: กลับมาอย่างยิ่งใหญ่

ใบหน้าของแลงคีรอสน่ากลัวมากในขณะที่เขายืนเปลือยอกอยู่ตรงข้ามไคเซอร์ ดวงตาของเขาเป็นประกายและเขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ซ่างเฉียงปฏิบัติต่อพยัคฆ์ปีกเทวะโดยแตกต่างจากพวกเรา เขาจะทำลายแผนของเราไม่ช้าก็เร็ว การมีอยู่ของเขาเป็นภัยซ่อนเร้นที่ใหญ่หลวง”

ตาของไคเซอร์ก็เป็นประกาย เขาคำรามออกมาหลังจากสักพัก “ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะกำจัดซ่างเฉียง อย่างไรก็ตาม เขาเป็นหนึ่งในสามผู้คุมกฎของทวีป ถ้าเขาพลาดพลั้งไป กำลังในทวีปของพวกเราก็จะได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งมันยากแค่ไหนที่จะฆ่าสัตว์อสูรระดับ 9 ? นี่ยังไม่พูดถึงว่าซ่างเฉียงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเปิงอีก ความเร็วของพวกเขายอดเยี่ยมที่สุดในโลก ดังนั้นเขาจึงไปที่ไหนก็ได้ตามปรารถนา ถ้าเขาต้องการที่จะหนี พวกเราก็จะไม่มีใครที่จะหยุดเขาได้”

“ถ้างั้น พวกเราจะทำยังไงตอนนี้ ? เราจะมัวแต่เฝ้ามองพยัคฆ์ปีเทวะเติบโตอย่างรวดเร็วในมือของเจ้าหนุ่มมนุษย์นั้นอย่างนั้นหรือ ? ” แลงคีรอสขมวดคิ้ว เขาเคร่งเครียดมาก “พยัคฆ์ปีกเทวะเติบโตเร็วกว่าที่พวกเราคาดหวังไว้มากในมือของเจ้าหนุ่มมนุษย์นั้น ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นระดับ 7 ได้เร็วขนาดนี้ ถ้ามีเวลามากกว่านี้หน่อย มันอาจจะไม่นานนักที่พยัคฆ์ปีกเทวะจะเติบโตจนถึงระดับที่พวกเราไม่สามารถจัดการได้ ในตอนนั้น มันจะเป็นหายนะของพวกเรา การที่พวกเราพยายามทำร้ายมันก่อนหน้านี้ และการตายของพ่อมันก็เกี่ยวข้องกับข้าอย่างโจ่งแจ้ง”

ไคเซอร์ก็ขมวดคิ้วอย่างหนักด้วยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาและไม่กลัวใคร พลังงานดั้งเดิมได้หายไปจากโลกแล้วด้วย ดังนั้นการที่จะพัฒนาการได้จึงยากกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามระดับเซียนจักรพรรดิไปได้ ดังนั้น มันจึงเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่พยัคฆ์ปีกเทวะจะเติบโตจนถึงขั้นที่มันสามารถคุกคามเขาได้

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของพยัคฆ์ปีกเทวะก็โด่งดังมาก มันเป็นสัตว์เทวะอย่างปฏิเสธไม่ได้ตั้งแต่เมื่อครั้งโบราณกาล และความน่ากลัวและพรสวรรค์ของมันนั้นเหนือคำบรรยาย สัตว์อสูรโบราณยังเปรียบกับมันไม่ได้ ซึ่งนี่ทำให้ไคเซอร์กังวลเล็กน้อยเช่นกัน

ไคเซอร์ยืนคิดอยู่เงียบเงียบเป็นเวลานานที่กึ่งกลางของชั้นที่ 98 ตาของเขาเป็นประกายเหมือนว่าเขากำลังลังเล

สักพักต่อมา เขาก็ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด ตาของเขาหยุดสั่นไหว และเขาก็คำรามออกมา “พวกเราไม่สามารถที่จะยื้อเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เซียนจักรพรรดิมนุษย์ก็ต้องการพยัคฆ์ปีกเทวะเช่นกัน พวกเรามีจุดประสงค์เดียวกับเขา ดังนั้นเราอาจจะร่วมมือกับเขาได้”

แลงคีรอสลังเล “เขาจะเห็นด้วยหรือ ? “

“เขาต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากพยัคฆ์ปีกเทวะ ซึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา เว้นเสียแต่ว่าเขาจะร่วมมือกับพวกเรา เพราะว่าเจ้าหนุ่มมนุษย์นั่นได้รับการคุ้มครองจากสองจอมยุทธที่ข้าไม่สามารถจัดการได้” ไคเซอร์คำรามออกมา

“เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเราจะไปหารือกับมารราคะหลังจากนี้” แลงคีรอสพูดอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากนั้น ไคเซอร์และแลงคีรอสก็ออกจากหอคอยสัตว์เทวะไปด้วยกัน พวกเราก็เปิดประตูมิติและไปที่ทวีปเทียนหยวน

ด้วยความแข็งแกร่งในฐานะที่เป็นเซียนจักรพรรดิ ตระกูลผู้พิทักษ์ไม่สามารถล่วงรู้ถึงการมาถึงของพวกเขาได้ตราบใดที่พวกเขาไม่สร้างความวุ่นวายมากจนเกินไป ดังนั้น ข้อตกลงที่จะไม่รุกล้ำกันระหว่างทวีปสัตว์เทวะและทวีปเทียนหยวนก็เป็นเหมือนไม้ประดับเท่านั้นสำหรับพวกเขาทั้งสอง มันมีข้อตกลงอยู่แต่ไม่ได้มีผลอะไร

ชายชราผิวเลือดฝาดปรากฏตัวขึ้นมาเงียบ ๆ ด้านนอกชั้นที่ 97 ของหอคอยสัตว์เทวะหลังจากที่ไคเซอร์และแลงคีรอสจากไปแล้ว เขามองไกลออกไปในทิศทางที่พวกเขาเดินทางออกไป ในขณะที่ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

เขาเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎของทวีปสัตว์เทวะ จักรพรรดิเปิง ซ่างเฉียง

ซ่างเฉียงลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่เขาต้องไปที่ทิศทางของทวีปเทียนหยวนเป็นเวลานานมาก ท้ายที่สุด เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ และส่ายหน้า ก่อนที่จะกลับไปที่หอคอยสัตว์เทวะ เขาพึมพำเบา ๆ “พยัคฆ์ปีกเทวะมีราชามังกรคุ้มครองอยู่ มันไม่น่าจะเจออันตรายอะไร”

“แต่พวกเขาไปได้เกราะและอาวุธที่มีพลังงานดั้งเดิมมาจากไหน ? ข้าสงสัยเกี่ยวกับดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์และเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของมังกรทองเทวะเป็นพิเศษ พวกมันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกรซึ่งหายไปหร้อมกับตระกูลมังกรและตระกูลฟีนิกซ์เทวะเมื่อนานมาแล้ว ทำไมจู่ ๆ มันถึงมาปรากฎในมือของพวกเขาได้”

“และอ้างอิงจากความเข้าใจของข้าจากบันทึกของเผ่ามังกร สิ่งของทั้งสองนี้ไม่ได้มีพลังงานดั้งเดิมเลยแม้แต่น้อย…”

ปราสาทที่ยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาครอส สัตว์อสูรระดับ 6 เคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ อย่างต่อเนื่อง และเข้าออกจากปราสาทเป็นครั้งคราว พวกมันมีจำนวนเยอะมาก

สัตว์อสูรระดับ 6 ที่หายากในทวีปสามารถพบเห็นได้ที่นี่ เพราะนี่คือที่ซึ่งสัตว์อสูรระดับสูงทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ ยังมีสัตว์อสูรระดับ 7 อยู่จำนวนหนึ่งที่นี่ ซึ่งเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วจากที่อื่น ๆ องทวีป

นี่เป็นที่ที่กำลังรบของเทือกเขาครอสรวมตัวกันอยู่ ตระกูลกิลลิกัน

ชายวัยกลางคนร่างกำยำและเปลือยอกทำสมาธิอยู่ในห้องภายในตระกูลกิลลิกันในขณะที่เขาฝึกฝน คลื่นพลังงานที่มหาศาลก็แผ่กระจายออกรอบ ๆ เขา ซึ่งทำให้มิติในห้องสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

เขาเป็นราชาเสือจากทั้งสองราชาของตระกูลกิลลิกันที่เกือบจะฆ่าเจี้ยนเฉินไปตอนที่เขาออกมาจากเทือกเขาครอส

พลังงานที่น่ากลัวเริ่มที่จะคงที่และสักพักต่อมา เขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แววแห่งความอ่อนแอปรากฎขึ้นในตาของเขา

“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเมื่อไรข้าถึงจะฟื้นคืนความแข็งแกร่งของข้าในชั้นสวรรค์ที่ 2 กลับมาได้อย่างสมบูรณ์” ราชาเสือพึมพำ ในตอนที่เขาจัดการกับเจี้ยนเฉินเมื่อหลายปีก่อน จอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ทำให้เขาบาดเจ็บในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้เขาต้องใช้ทักษะลับเพื่อที่จะหลบหนีมา เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเขาที่เป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 2 ก็ลดลงมาเหลือชั้นสวรรค์ที่ 1 มันยากมากที่จะทำการรักษา แม้ว่าจะผ่านเวลามานานมากแล้วแต่เขาก็ยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์

ราชาเสือยืนอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ เขาเดินไปรอบ ๆ ห้องพร้อมขมวดคิ้ว เขาดูค่อนข้างเครียด

“จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจในสองสามวันมานี้เหมือนว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น บางอย่างที่เลวร้ายมากต่อข้า กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ? ” เขาพึมพำกับตัวเอง ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาแสดงท่าทีคิดออกมา เขาคิดทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

ทันใดนั้นเอง ตาของเขาก็แข็งทื่อ เขาพึมพำ “นี่เป็นเพราะพยัคฆ์ปกเทวะหรือเปล่า ? เป็นไปไม่ได้ พยัคฆ์ปีกเทวะยังเด็กและอ่อนแอ มันแค่โชคดีมากมากที่รอดจากการคุกคามของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบไปได้ ถ้างั้นทำไมมันถึงทำให้ข้าไม่สบายใจล่ะ”

ราชาเสือปลีกตัวออกมาพักฟื้นร่างกายอยู่ตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ และตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก ความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในทวีปของเขานั้นยังคงมีจำกัด เขารู้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะไปทั่วทั้งทวีป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นได้กลับมาแล้วพร้อมกับพยัคฆ์ปีกเทวะ

ม่านพลังรอบ ๆ ห้องหายไปทันที แระตูห้องเปิดออกและราชาเสือก็หายไป

ในเวลาเดียวกัน กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ได้มาถึงที่ส่วนลึกของเทือกเขาครอสที่รู้กันว่าเป็นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์ เจี้ยนเฉินเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาครอสพร้อมกับ โหยวเยว่ เฮยยู่ รัมกุยเนส และเสือขาวอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาบินเข้าไปในตระกูลกิลลิกันด้วยท่าทีคุกคาม

พวกเขาบินไปไวมาก และพุ่งผ่านท้องฟ้าไปเหมือนดาวหาง พวกเขาหายไปในพริบตา

มีสัตว์อสูรระดับ 7 บางตัวอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขา ดังนั้นท่าทีที่คุกคามของพวกเขาก็ได้ไปทำให้พวกสัตว์อสูรหลายตัวรู้ตัว พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังปรากฏขึ้นมาหลายที่และสัตว์อสูรระดับ 7 หกตัวที่อยู่ในร่างมนุษย์ก็พุ่งเข้ามาแต่ไกลด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พวกนั้นขวางทางกลุ่มของเจี้ยนเฉินเอาไว้

สัตว์อสูรมองผ่านไปที่คนทั้งห้าด้วยสายตาแหลมคมแล้วคำรามออกมา “มีมนุษย์อยู่ในกลุ่มพวกเจ้าด้วย เจ้าไม่รู้หรือว่ามนุษย์ห้ามเข้ามาที่เทือกเขาครอส ? คนที่ผ่านเข้ามาในส่วนลึกของเทือกเขาจะต้องถูกสังหารอย่างไม่ปราณี” เมื่เขาพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดทันที เขาจ้องไปที่รัมกุยเนสด้วยตาที่เป็นประกายและร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “รัมกุยเนส เป็นเจ้าได้ยังไง ? “

สัตว์อสูรตัวอื่นก็มองไปที่รัมกุยเนสเช่นกัน ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปและสับสน พวกเขาแสดงความเป็นอริพร้อมทั้งความเสียใจออกมา

รัมกุยเนสออกมาข้างหน้าช้า ๆ นางมองไปที่สัตว์อสูรระดับ 7 ด้วยความตื้นตันและขมขื่น “ผู้อาวุโส ไม่พบกันนาน ข้าหวังว่าท่านจะยังสบายดี”

สัตว์อสูรมองหน้ากันและกัน จากนั้นคนหนึ่งก็ก้าวออกมาข้างหน้า เขาชี้ไปที่นางและเริ่มตำหนิออกมา “รัมกุยเนส ราชาเสือบอกว่าพวกเจ้าทั้งคู่ร่วมมือกับมนุษย์และต้องการที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายกับตระกูลกิลลิกัน พวกเราไม่เชื่อจริง ๆ ในตอนแรก แต่ดูจากทุกสิ่งแล้ว เขาพูดถูก เจ้าร่วมมือกับมนุษย์จริง ๆ “

“ร่วมมือกับมนุษย์” รัมกุยเนสพึมพำ หลังจากนั้น นางก็ยิ้มอย่างเสียใจแล้วพูดออกมา “ไม่เป็นไรถ้าราชาเสือต้องการจะฆ่าพวกเรา ข้าไม่คิดว่าเขาจะใส่ร้ายพวกเราด้วยข้อหาที่รุนแรงอย่างนี้เช่นกัน”

“รัมกุยเนส ในเมื่อเจ้ากลายเป็นคนทรยศของตระกูลกิลลิกัน เจ้าก็คือศัตรูของพวกเรา ผู้อาวุโส พวกเรามาจัดการกัน ฆ่าคนทรยศ” คลื่นพลังงานที่รุนแรงเริ่มแผ่กระจายออกมาจากสัตว์อสูรระดับ 7 ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเขากำลังจะโจมตี แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่ผ่านถึงความแข็งแกร่งของเฮยยู่และเจี้ยนเฉิน แต่เทือกเขาครอสก็เป็นอาณาเขตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวอะไร

สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขากำลังจะชักยุทธพรรดิจักรพรรดิออกมา เสียงคำรามของเสือที่ราวกับแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง มันดังมากและก้องกังวานไปทั่ว มันเกือบดังไปทั่วทั้งเทือกเขา

การคำรามของเสือเต็มไปด้วยความกดดันที่รุนแรง เหมือนการมาถึงของนายเหนือหัวที่ยิ่งใหญ่ มันเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนก้มหัวลง

นี่เป็นแรงกดดันของพยัคฆ์ปีกเทวะ มันมีความสามารถในการข่มสัตว์อสูรในระดับจิตวิญญาณ ดังนั้นด้วยการคำรามของเสือขาว ทั่วทั้งเทือกเขาจึงเงียบสงัด สัตว์อสูรระดับ 6 ทุกตัวและต่ำกว่านั้นก็ทรุดลงกับพื้นในขณะที่ความกลัวฉายแววอยู่ในตาของพวกมัน

แม้แต่สัตว์อสูรระดับ 7 ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ก็นิ่งอึ้ง พวกเขาทั้งหมดลืมที่จะโจมตีออกไป และจ้องไปที่เสือขาวที่อยู่ข้าง ๆ รัมกุยเนสด้วยความตกใจ

ชายวัยกลางคนเสื้อขาวลืมตาขึ้นจากการฝึกฝนในตระกูลกิลลิกัน เขากระโจนขึ้นมาจากพื้นและจ้องไปไกลด้วยความตกใจ เขาร้องออกมา “พยัคฆ์ปีกเทวะ ! “

ในเวลาเดียวกัน ราชาเสือก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงเมื่อเขาได้ยินเสียงคำรามดังหลังจากที่เขาออกมาจากห้อง ความเหลือเชื่อสาดอยู่ในดวงตาของเขา เขาร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “พยัคฆ์ปีกเทวะ มันเป็นเสียงของพยัคฆ์ปีกเทวะ มันมาที่เทือกเขาครอสจริง ๆ “