ตอนที่ 944 กระจัดกระจาย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

จู่ ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นและไม่มีผู้ใดตอบสนองได้ทันเวลา หลายคนไม่ทันมองเห็นด้วยซ้ำว่ามือนั้นมาจากที่ใดก่อนมันจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคืออะไร…”

ศิษย์สตรีคนหนึ่งตัวสั่นเทาและเข้าไปยืนใกล้กับฉินเทียนด้วยความหวาดกลัว

“อย่าเพิ่งแตกตื่น ทุกคนใจเย็นกันก่อน”

ฉินเทียนยังคงสงบนิ่งและกล่าวเสียงดังเพื่อให้ทุกคนสงบสติอารมณ์

“ท่านพ่อ ทำให้พวกเขาหมดสติเถอะเจ้าค่ะ จากนั้นข้าจะพาทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว”

ในเวลานี้เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้นมา หากมิใช่เพราะมีศิษย์ที่นางไม่คุ้นเคยหรือแม้กระทั่งศิษย์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน นางก็คงจะส่งทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวตั้งแต่แรก

คฤหาสน์เฟิงหัวเป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้ใดมากเกินไปจนกว่านางจะมีพลังมากพอที่จะปกป้องตนเองได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเหตุนั้นนางจึงต้องทำให้คนเหล่านั้นหมดสติก่อนพาทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว

ฉินเทียนก็ทราบดีในขณะที่ปลดปล่อยแรงกดดันอันแรงกล้าออกไปและต้องการที่จะทำให้ศิษย์รอบตัวหมดสติไปก่อน

โครมมม !

ทว่าก่อนที่เขาจะมีโอกาสลงมือ จู่ ๆ พลังมหาศาลก็กระแทกเข้ากับเรืออีกครั้งส่งผลให้เรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและแตกหักออกจากกันก่อนจมลงในทะเลทันที

“อ๊าก !”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาก่อนที่ศิษย์ทั้งหมดบนเรือจะร่วงตกลงไปในน้ำทะเลตาม ๆ กัน

“แย่แล้ว !”

สีหน้าของฉินเทียนเปลี่ยนไปทันทีและเขาเอื้อมมือออกไปคว้าร่างศิษย์ใกล้ตัวซึ่งกำลังจะตกลงไปในน้ำทะเลได้ทัน

หมอกทั่วบริเวณก็หนาแน่นมากขึ้นและเมื่อศิษย์เหล่านั้นร่วงลงไปในน้ำทะเล พวกเขาเหล่านั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ตูมมม !

ผีดิบจำนวนมากปรากฏตัวและโจมตีศิษย์หลายคนที่เหาะอยู่กลางอากาศจนกระเด็นลงไปในน้ำทะเลก่อนหายตัวไปเช่นกัน

“ท่านพ่อ !”

ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับโครงกระดูกจำนวนหนึ่งอย่างดุเดือดอยู่กลางอากาศสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือได้ทันที

นางเหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่ผีดิบตรงหน้าและพุ่งตรงเข้าไปหาบิดาอย่างรวดเร็ว

“พี่ซื่อเทียน ท่านและทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนเถอะ”

นางกล่าวกับอวิ๋นซื่อเทียนและเคลื่อนไหวความคิดเพื่อส่งอีกหลายคนที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปในคฤหาสน์ล่องหน

หานโม่ฉือก็ติดตามอยู่ข้างกายของฉินอวี้โม่อย่างใกล้ชิดและรับมือกับคู่ต่อสู้ที่ต้องการจะโจมตีนาง

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของทั้งสองยังคงช้าเกินไป กว่าที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะเข้าไปถึงตัวฉินเทียนได้ เขาก็หายตัวไปอย่างกะทันหันซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกพิลึกมาก

“เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวกันเถอะ”

เมื่อผีดิบจำนวนมากปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันและล้อมรอบฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไว้ ทั้งสองก็ตัดสินใจในทันที

หานโม่ฉือโอบร่างของฉินอวี้โม่ไว้และทั้งสองก็มุ่งหน้าเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว

ภายในคฤหาสน์ล่องหน อสูรมายาทั้งหมดก็กลับเข้ามาแล้วและสีหน้าท่าทางของพวกมันดูไม่สู้ดีนัก

“นายหญิง พวกมันมีจำนวนมากเกินไป พวกเราไม่สามารถรับมือได้เลย”

ในตอนแรกกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ยังพอรับมือได้ ทว่าด้วยเหตุผลบางประการ ผีดิบเหล่านั้นกลับปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลางอากาศก็เต็มไปด้วยโครงกระดูกจำนวนมากที่ดูไม่ต่างกันซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย ๆ

“เหตุใดที่นี่ถึงได้มีกองทัพผีดิบที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ?”

ฉินอวี้โม่พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของบิดา ต่อให้เผชิญภยันตราย นางก็มั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก

หลังจากกวาดสายตามองรอบตัวนางก็พบว่ามีเพียงห้าคนเท่านั้นที่เข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัว

นอกจากนาง หานโม่ฉือ อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวก็ยังมีฟู่อวิ๋นซิวที่แสดงสีหน้าประหลาดใจไม่น้อย ทว่าคนอื่นทั้งหมดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่สายฟ้าอย่างหลานเผิงที่มากับพวกนางและศิษย์ของขุมกำลังอื่น ๆ พวกเขาล้วนหายตัวไปทั้งสิ้น

“หมอกรอบตัวพวกเราหนาเกินไป เมื่อพวกเขาร่วงลงไปในน้ำทะเล พวกเราก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพวกเขาและไม่มีวิธีตามหาได้เลย”

เซิ่งเซียวแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจทั่วบริเวณและค้นพบว่ามีพลังประหลาดบางอย่างที่กระจายอยู่รอบตัว เรือของพวกเขาก็พังพินาศไปและเกือบทุกคนบนนั้นล้วนหายวับไปในทันที แม้แต่กลิ่นอายของพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่สามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้เลย

“ไม่แปลกใจเลยที่คนจากชายฝั่งทางเหนือไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์ พวกเขามาถึงได้เพียงแค่บริเวณนี้และข้ามผ่านไปไม่ได้”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพลางถอนหายใจ ความเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรทางเหนือซับซ้อนเกินกว่าที่พวกนางคาดคิดไว้มาก เกรงว่าเกาะลึกลับที่ปรากฏขึ้นกลางมหาสมุทรนั้นอาจจะเกิดจากแผนการสมคบคิดบางอย่าง…

“เราควรทำอย่างไรต่อไป ? เราจะตามหาคนเหล่านั้นหรือเดินหน้าต่อ ?”

ฟู่อวิ๋นซิวเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วและไม่เอ่ยถามรายละเอียดมากเกินไปนัก ทว่าถามถึงแผนการต่อไป

“หากมีแผนการสมคบคิดบางอย่างอยู่เบื้องหลังจริง คนอื่น ๆ ก็น่าจะถูกจับตัวไปที่เกาะลึกลับนั่น ข้าว่าพวกเราไปสืบหาความจริงที่เกาะแห่งนั้นจะดีกว่า”

หานโม่ฉือจับมือฉินอวี้โม่และกล่าวข้อสันนิษฐานของตน

ด้วยการที่มีกองทัพผีดิบโครงกระดูกกลางทะเล หมอกประหลาดและการที่ทุกคนหายไปอย่างกะทันหัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ทำให้เขาคาดเดาได้ไม่ยาก

เหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ในมหาสมุทรทางเหนือและแผนการสมคบคิดที่ซ่อนไว้เบื้องหลังมันคือสิ่งใด คำตอบที่พวกเขาตามหาจะต้องอยู่ที่เกาะแห่งนั้นอย่างแน่นอน…

ฉินอวี้โม่ก็เห็นด้วยกับหานโม่ฉือว่าควรมุ่งหน้าไปที่เกาะโดดเดี่ยวแห่งนั้นโดยตรง

คนอื่น ๆ ไม่คัดค้านสิ่งใดและเพียงรับรู้ได้ถึงวิกฤตที่ยากจะอธิบายรายล้อมอยู่รอบตัว

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ไห่เย่าบอกไว้ก่อนหน้านี้ด้วยความเร็วที่ไม่มากจนเกินไป

ด้วยการที่พวกนางไม่สามารถระบุพิกัดที่แน่นอนของเกาะประหลาดที่ปรากฏอย่างไร้ที่มาแห่งนั้นได้ กอปรกับหมอกหนาที่บดบังทัศนวิสัยรอบตัว พวกนางจึงไม่สามารถเดินหน้าอย่างรวดเร็วจนเกินไปได้

หลังจากเดินหน้าต่อไปครึ่งวัน ท้องฟ้าก็มืดสนิท

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่ได้ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวไปใกล้กับผืนน้ำ ทว่ากลับไม่พบผู้ใดในระหว่างทาง ราวกับว่าบรรดาศิษย์ที่ร่วงจากเรือก่อนหน้านี้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“ข้าคิดว่าคงจะมีใครบางคนจับตัวพวกเขาไป”

ทุกคนแทบจะมั่นใจได้ว่าศิษย์เหล่านั้นถูกใครบางคนจับตัวไป เพราะหากถูกฆ่าตายหรือถูกคลื่นทะเลพัดไป มันก็ควรที่จะมีร่องรอยปรากฏอยู่ไม่มากก็น้อย

“ใครกันที่จะมีความสามารถในการจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ?”

ฟู่อวิ๋นซิวขมวดคิ้วมุ่น ด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวและความสามารถในการอัญเชิญผีดิบจำนวนมากมายเช่นนี้ เขาไม่สามารถนึกขึ้นมาได้เลยว่าจะมีขุมกำลังใดในดินแดนมหาเทพที่ทรงพลังมากถึงเพียงนั้น

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็มองหน้ากันอย่างมีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจ

เป็นจริงอย่างที่ว่าที่ในดินแดนมหาเทพไม่มีขุมกำลังเช่นนั้นอยู่ ทว่าพวกนางทราบดีว่ามีขุมกำลังหนึ่งที่สามารถทำได้ นั่นก็คือ ‘จอมยุทธ์ปีศาจ’ ที่ฉินอวี้โม่เคยประจันหน้าก่อนหน้านี้ พวกเขามีพลังแปลกประหลาดประเภทนั้นอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นเป็นแน่…

“เหตุใดจึงต้องพยายามจับตัวคนมากมายไปที่เกาะและทำการใหญ่จนดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วทั้งดินแดนล่ะ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนยังคงฉงนสนเท่ห์อย่างแท้จริงและไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคนมากมายจึงถูกจับตัวไป ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นก็อยู่ในระดับที่แตกต่างกันไป แล้วจอมยุทธ์ปึศาจจะได้ประโยชน์อะไรจากการจับตัวพวกเขาไป ?

หลังจากที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ครุ่นคิดพักใหญ่โดยที่ไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้ พวกนางก็ไม่พยายามคิดอีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไร เมื่อไปถึงเกาะแห่งนั้น ทุกอย่างจะได้รับการไขกระจ่างอย่างแน่นอน

ท้องฟ้าในเวลานี้มืดสนิทแล้ว เมื่อรวมกับกลุ่มหมอกที่ยังคงหนาทึบ ทัศนวิสัยของทุกคนจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

หลังจากหารือกัน ทุกคนก็ตัดสินใจว่าจะหยุดอยู่กับที่ในคืนนี้และรอจนกระทั่งรุ่งสางก่อนเดินหน้าต่อไป

ถึงอย่างไรศัตรูเหล่านั้นก็ไม่ทราบเกี่ยวกับคฤหาสน์เฟิงหัวและการซ่อนตัวอยู่ข้างในนี้ยังคงปลอดภัยสำหรับพวกนาง

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าไม่มีใครข่มตานอนหลับได้หลังจากที่ประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ทุกคนจึงรวมตัวกันพลางใช้ความคิดกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญ

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ และในช่วงเที่ยงคืน จู่ ๆ เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ดังมาจากทิศทางหนึ่ง

เสียงดังกล่าวไม่ดังมากนักทว่าฉินอวี้โม่และทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

“มันจะเป็นแผนหลอกล่อพวกเรารึไม่ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม การที่เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นมาในเวลาเที่ยงคืนเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกพิกลไม่น้อย

“ไปดูกันเถอะ”

ฉินอวี้โม่ตัดสินใจและขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงไปยังทิศทางต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย…”

เสียงดังกล่าวใสชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ายังไม่สามารถเห็นเจ้าของเสียงได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นหูเล็กน้อย