อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1109 ข้าคอยหนุนหลังเจ้า

สภาพการตายของพ่อเขาเหมือนกับเจ้าบ้านตระกูลมู่

ถูกคนให้มีดหั่นทั้งร่าง จนเหลือเพียงโครงกระดูก กระทั่ง….หัวกะโหลกก็ถูกตัดขาด

เขาไม่กล้าคิดเลยว่า ก่อนตายพ่อของเขาจะทุกข์ทรมานขนาดไหน

และก็ไม่กล้าคิดว่า กู้ชูหน่วนจะลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้

หลับตาลง เห็นภาพเผ่าเทียนเฟิ่นถูกฆ่าล้างเผ่าสะท้อนอยู่ในหัวสมอง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน กลับยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น

ในเผ่ามีคนชราอายุมากกว่าแปดสิบ มีทารกที่รอการเลี้ยงดู

พวกเขาทำอะไรผิด?

คนตายเยอะมาก เลือดไหลดั่งสายน้ำ เปลวไฟร้อนแรง

กี่ค่ำคืนในความฝัน เขายังคงได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ในเปลวเพลิง

ความเกลียดชังบังเกิดขึ้นเรื่อยๆ

เขารักกู้ชูหน่วนแค่ไหน ก็เกลียดนางขนาดนั้น

ต่อให้นางตายไปแล้ว คนที่นางห่วงใย เผ่าหยกที่น่าใส่ใจ คนที่มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าเทียนเฟิ่น เขาจะไม่ปล่อยไปสักคน

ที่บาดแผลบนร่างกายของเขา เขาจะเอาคืนทั้งหมด

ท่าทีสุภาพอ่อนโยนของเวินเส้าหยีเปลี่ยนไปทันที ทั่วทั้งร่างกายพ่นลมหายใจอันเย็นยะเยือกและน่าสะพรึงกลัวออกมา

แม้แต่อุณหภูมิในอากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เหน็บหนาวจนรู้สึกสั่นสะท้าน

“นายท่าน…..”

อารั่วพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

ได้ยินเสียงอารั่ว ลมหายใจเยือกเย็นของเวินเส้าหยีค่อยจางลง กลับมาสุภาพอ่อนโยน ดั่งลมพัดเมฆสีขาวลอยล่องบนฟ้ากว้าง

มีเพียงบาดแผลภายในใจของเขา ที่มีเพียงตัวเขาเองรู้ดีที่สุด

“ยังสืบไม่รู้ว่าทำไมนางถึงเป็นเคล็ดวิชากลืนพลังหรือ?”

“เรียนนายท่าน ข้าน้อยสืบแล้ว ไม่มีข้อมูลเลย บนตัวผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยปริศนา ไม่ว่าจะสืบยังไงก็สืบไม่รู้ แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ ไม่มีใครแปลงโฉมเป็นนาง วิทยายุทธ์ของนางพวกนั้น ก็เหมือนได้มาอย่างแปลกประหลาด”

“ตามสุดยอดผู้อาวุโสกลับมาให้หมด ร่วมประชุมในอีกสามวัน”

อารั่วถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “สุดยอดผู้อาวุโสทั้งหมด…..?”

“คำพูดของข้า เข้าใจยากหรือ?”

“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง จะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”

เวินเส้าหยีมองดูมู่หน่วน ราวกับจะมองนางให้ทะลุ

ไม่ว่านางกับกู้ชูหน่วนจะเกี่ยวข้องอะไรกัน หรือใช่นางหรือไม่ อีกไม่กี่วันก็รู้แล้ว

เผ่าหยกมีเวทมนตร์

เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเขาไม่มีหรือ?

เวทมนตร์ของเผ่าเทียนเฟิ่น เมื่อเทียบกันกับเผ่าหยกแล้วมีแต่เกินแต่ไม่ด้อยกว่า

หากดวงจิตวิญญาณของกู้ชูหน่วนอยู่ในร่างกายนาง จนกลายเป็นนาง

งั้นนาง…..

ก็ไม่ต้องมีชีวิตต่อไป

สายตาเวินเส้าหยีเป็นประกาย ฉายแววเฉียบคมกับความอาฆาต

สักพัก เขาเคลื่อนไหวปลายเท้า ร่างกายรวมเป็นหนึ่งเดียวกับลม หายลับจากป่าไผ่ภายในพริบตา

อาจเป็นเพราะอุณหภูมิที่นี่ค่อนข้างต่ำ กู้ชูหน่วนหันไปมองทางด้านที่เวินเส้าหยีอยู่เมื่อกี้ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว

“ซี๊ด……”

“โฮ้ๆโฮ้…….”

ได้ยินเสียงงูกับเสือที่ห่างหายไปนาน กู้ชูหน่วนสะดุ้ง พร้อมหันไปมองด้านหลัง

และแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อยกระโจนมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

“นายหญิง….พวกเราคิดถึงท่านมาก ท่านไปไหนมา พวกเราตามหาท่านตั้งนาน”

งูกับเสือตะเกียกตะกายปีนขึ้นเกาะบนตัวกู้ชูหน่วน ถูไถกู้ชูหน่วน พร้อมมองนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย

“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไปไหนมา? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

“ก่อนหน้านี้พบเจอคนร้าย ตอนนี้จัดการหมดแล้ว นายหญิง…..ท่านไม่ต้องเสียใจ ข้ากับเจ้าเสือน้อยจะอยู่กับท่านไปตลอด”

“ขอโทษนะ พวกเราปกป้องท่านได้ไม่ดี”

กู้ชูหน่วนลูบจับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ แล้วก็ลูบจับเจ้าเสือน้อย

แผ่นดินกว้างใหญ่นี้ นาง….เหลือญาติสนิทเพียงแค่งูกับเสือแล้ว

“นายหญิง ท่านอย่าเสียใจ พวกเราตามผู้ช่วยมากมายมาคอยหนุนหลังท่าน ใครฆ่าล้างตระกูลมู่ พวกเราก็ไปฆ่าล้างตระกูลนั้น”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดฟัน ส่งเสียงฟู่อยู่หลายครั้ง ลมกระโชกแรงพัดมาจากในป่าไผ่ เสียงฟู่ดังมาตามๆกัน