บทที่ 1108 เคล็ดวิชากลืนพลังอีกแล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1108 เคล็ดวิชากลืนพลังอีกแล้ว

มือใหญ่ของไป๋หลี่เฉิงบีบแน่น อยากที่จะบีบกู้ชูหน่วนให้ตายคามือ

กู้ชูหน่วนใช้ดาบต้านทานไว้ ใช้กำลังทั้งหมดที่มีพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของมือใหญ่นั่น

แต่วิทยายุทธ์ของไป๋หลี่เฉิงเพิ่มทวีขึ้น ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน มือใหญ่อันนั้นยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ขอเพียงบีบแน่นอีกหน่อย ร่างกายของนางก็จะถูกบีบระเบิดแล้ว

แย่ที่สุด นี่เป็นวิทยายุทธ์อะไร?

จู่ๆทำไมถึงเพิ่มทวีขึ้นมากมายขนาดนี้?

ต่อให้พังพินาศลงพร้อมกัน กู้ชูหน่วนก็ไม่สามารถทำอะไรมือใหญ่นั้นได้

ไป๋หลี่เฉิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม้ซีกคิดจะงัดไม้ซุง ไม่เจียมตัว เจ้าเหมือนพ่อของเจ้า คิดว่าตนเองกระดูกแข็ง ความจริงแล้วก็แค่กระดูกห่วยๆ เจ้ารู้ไหมว่ากระดูกหัวเข่าของพ่อเจ้าหักได้ยังไง? เป็นเพราะถูกเจ้าบ้านตีหัก”

“พิการมาตั้งนานหลายปีขนาดนั้น สุดท้ายก็ยังสามารถยืนขึ้นมาได้อีก เขาคงดีใจมากมั้ง เขายิ่งมีความสุข เมื่อสูญเสียขาทั้งคู่อีกครั้งก็จะยิ่งทรมาน ฮ่าๆ…..”

ทุกประโยคที่เขาพูดออกมา สีหน้ากู้ชูหน่วนก็เยือกเย็นลง

“ถึงแม้มือใหญ่นั่นจะแข็งแกร่งแค่ไหน กู้ชูหน่วนก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดขึ้นว่า “กระดูกของพ่อข้าถูกพวกเจ้าทำร้ายจนหัก?”

“ใช่ เจ้ารู้ไหมว่าตอนที่กระดูกของเขาถูกตีหักนั้นทรมานแค่ไหน? เขาเจ็บปวดจนกลิ้งอยู่บนพื้น กัดฟันจนฟันหลุดไปหลายซี่ แต่ไม่ว่าเขาจะเจ็บปวดทรมานขนาดไหน ก็ไม่ยอมบอกว่าเจ้าอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่ยอมรับข้อเสนอของข้า หลอกล่อเจ้าออกมา”

“ดังนั้น พวกเจ้าเป็นคนฆ่าล้างตระกูลมู่?”

“แค่พวกมด ตายไปก็ไม่เสียดาย”

ที่ผ่านมามู่ซินรักใคร่เอ็นดูนางมาก เจ้าเฒ่ามู่ก็ช่วยนางปกป้องนาง ตลอดจนภาพรอยยิ้มของคนในจวนมู่ ปรากฏอยู่ในหัวสมองกู้ชูหน่วน

รวมถึงภาพที่พวกเขาตายอย่างอนาถ

แต่ละคนถูกมีดปาดคอ กระดูกพ่อของนางแตกสลาย เจ็บปวดทรมานจนตาย

ปู่ของนางถูกแทงหั่นเป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อทั้งร่างกายถูกหั่น สุดท้ายเหลือเพียงโครงกระดูก

คนเป็นๆ ถูกฆ่าตายอย่างอนาถภายในคืนเดียว

ทุกครั้งที่ภาพพวกนั้นปรากฏ ความเกลียดชังภายในใจกู้ชูหน่วนก็ถาโถมมาอย่างท่วมท้น

สายตาทั้งคู่ของกู้ชูหน่วนเหี้ยมโหด เดิมควรตายอยู่ในมือไป๋หลี่เฉิง กลับไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน สามารถสะบัดมือใหญ่ของไป๋หลี่เฉิงจนหลุด

“ซี๊ดๆ……”

กู้ชูหน่วนตวัดดาบอ่อน ปรากฏเป็นดอกผลิบานสะพรั่ง ฝนดาบราวกับอาวุธลับพุ่งไปหาไป๋หลี่เฉิงอย่างบ้าคลั่ง

ไป๋หลี่เฉิงหมัดเหล็กต้านรับ

“ตูมๆ……”

สองพลังกระทบกัน

หมัดเหล็กแตกหัก

หมัดถูกฝนดาบฟันทีละชั้น แม้แต่กระดูกก็ถูกฟันไปด้วย

“อ้าก……”

ไป๋หลี่เฉิงร้องอย่างโหยหวน

หมัดเหล็กอีกข้างหนึ่งพุ่งไปตรงหน้าอกกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนไม่หลบหลีก ใช้ดาบฟันเส้นเอ็นเท้าของเขาขาดหมด

ความจริงแล้ว ไม่ใช่นางไม่หลบ แต่ถ้าหลบแล้วก็จะไม่มีโอกาสที่ดีที่จะสามารถลงมือไป๋หลี่เฉิงแล้ว

นางทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำร้ายเขาอย่างรุนแรง

ไป๋หลี่เฉิงร้องโหยหวนขึ้นมาอีกครั้ง

ขาทั้งคู่ของเขาคุกเข่าลงพื้นอย่างไม่มีเรี่ยวแรง

เอ็นขาทั้งคู่ขาด เท่ากับเขากลายเป็นคนพิการ

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ฝ่ามือของเขาที่ประทับบนหน้าอกของกู้ชูหน่วน ไม่สามารถ….ดึงออกมา

พละกำลังของเขาดุจสายน้ำที่ซัดทำนบพังทลาย หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายกู้ชูหน่วนอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนยังไงก็ดิ้นไม่หลุด

“พลังชั่วร้าย……”

ไป๋หลี่เฉิงกระวนกระวาย

“เร็ว….รีบชักฝ่ามือกลับ”

วิทยายุทธ์ที่เขาฝึกฝนมาหลายสิบปีล้วนไหลไปสู่ร่างกายนางหมด ไม่เท่ากับเป็นการทำทุกอย่างเพื่อนางหรือ?

กู้ชูหน่วนตาแดงก่ำ กระเหี้ยนกระหือรือ

“ฆ่าล้างตระกูลมู่ คือตระกูลไป๋หลี่ใช่ไหม?”

“ข้าบอกให้เจ้าหยุด ได้ยินไหม?”

“ฮ้วก…..”

“อ้าก…..”

กู้ชูหน่วนยกดาบขึ้นมา แทงเข้าที่ต้นขาและเข่าของเขาอย่างแรง

พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หักกระดูกทั้งหมดของพ่อข้า ฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ?”

ไป๋หลี่เฉิงเจ็บปวด

เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะมือเท้า เจ็บปวดจนเขาอยากจะสลบตายไปเสีย

สิ่งที่ทำให้เขาอยากที่จะรับได้ก็คือ กำลังภายในของตนเองถูกนางสูบไปหมดแล้ว

เขาสามารถรู้สึกได้ว่า พลังชีวิตของตนเองสูญหายไปอยู่อย่างต่อเนื่อง

เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

คิดถึงภาพไป๋หลี่เจิ้นที่ตายอย่างอนาถ ไป๋หลี่เฉิงต้องตื่นตระหนก

เพื่อรักษาชีวิตให้รอด เขารีบพูดอธิบายขึ้นว่า “ฆ่าล้างตระกูลมู่ไม่ใช่พวกเรา เจ้าจะแก้แค้นก็ควรที่จะไปหาผู้บงการ”

“เมื่อกี้เจ้าพูดว่า พวกเจ้าตีกระดูกหัวเข่าของพ่อข้าจนหักไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าบ้านของเราตีกระดูกหัวเข่าของพ่อเจ้าหัก แต่พวกเราไม่ได้ทำลายเส้นเอ็นทั้งตัวของเขา และก็ไม่ได้ฆ่าล้างตระกูลมู่ มู่หน่วน ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว เจ้า…..เจ้ารีบ….รีบปล่อย…..”

“ใครฆ่าล้างตระกูลมู่?”

“ไม่รู้ น่าจะเป็นตระกูลซ่างกวน”

“ตระกูลซ่างกวน?”

“คนแรกที่เข้าไปในตระกูลมู่คือตระกูลไป๋หลี่ แต่ที่พวกเราไป เพราะคนตระกูลซ่างกวนบอกว่า เจ้ากลับไปยังตระกูลมู่แล้ว อีกอย่าง…..ข้าเห็นเจ้าบ้านตระกูลซ่างกวนเดินออกมาจากห้องลับตระกูลมู่ด้วยตาตนเอง จากนั้น….จากนั้นค่อยรู้ว่าเจ้าเฒ่ามู่กับพวกมู่ซินตายอย่างอนาถอยู่ในห้องลับ”

กู้ชูหน่วนจ้องมองดูเขา

ราวกับกำลังดูว่าเขาพูดโกหกหรือเปล่า

กู้ชูหน่วนไม่ร้อนใจ

ไป๋หลี่เฉิงร้อนใจอย่างมาก

“ข้าขอร้อง เจ้ารีบหยุดเถอะ กำลังภายในภายในของข้า…..ถูกเจ้าดูดไปหมดแล้ว หากดูดต่อไป ชีวิตของข้า….ก็จะไม่รอดแล้ว…..”

“ไม่ว่าตระกูลไป๋หลี่เป็นผู้บงการหรือไม่ พวกเจ้าก็ทรมานพ่อของข้าอย่างตายทั้งเป็น หากไม่มีพวกเจ้าจ้องทำร้าย ตระกูลมู่ก็ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลไป๋หลี่ไม่มีใครดี ข้าไม่เพียงจะฆ่าพวกเจ้า ข้ายังจะทำลายล้างตระกูลไป๋หลี่”

พูดเสร็จ ไป๋หลี่เฉิงก็ล้มลงไป

ร่างกายของเขาเหี่ยวเฉาทีละนิ้ว จนสุดท้ายกลายเป็นโครงกระดูก

สายลมโชยมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด

กู้ชูหน่วนจ้องมองดูไป๋หลี่เฉิงอยู่เนิ่นนาน

นางดูดพลังชีวิตไป๋หลี่เฉิงจนหมดแล้ว

การดูดแบบนี้ โหดเหี้ยมยิ่งกว่าการที่ราชินีดูดเลือดคนจนหมด

เคล็ดวิชากลืนพลัง?

ในร่างกายนางมีเคล็ดวิชานี้ แต่กลับไม่สามารถควบคุมได้

ไม่ว่าจะเป็นการดูดกำลังภายใน

หรือถอนกำลังภายใน

นางก็ไม่สามารถทำได้

หรือว่าสิ่งที่ราชินีกำลังฝึก ก็คือเคล็ดวิชากลืนพลัง?

ไป๋หลี่เฉิงตายแล้ว

นางควรที่จะดีใจ

แต่นางไม่ดีใจเลย

สี่ตระกูลใหญ่ยกเว้นตระกูลหนิง

นางจะทำลายให้หมด

โดยเฉพาะตระกูลไป๋หลี่กับตระกูลซ่างกวน

เหนือกลางอากาศ

อารั่วมองดูอยู่อย่างขนลุก คนเป็นๆคนหนึ่งถูกดูดจนกลายเป็นโครงกระดูก

ผู้หญิงคนนี้ อันตรายเกินไปแล้ว

เวินเส้าหยีจ้องมองดูกู้ชูหน่วน

ภาพความทรงจำที่ฝังลึกสะท้อนอยู่ในหัวสมอง

กลางหน้าผาแห่งหนึ่ง

เขาช่วยรักษาบาดแผลให้กับกู้ชูหน่วน กลับถูกนางดูดกำลังภายในไปไม่น้อย

จากขั้นสูงสุดระดับหก ถูกนางดูดไปถึงขั้นต้นระดับสี่

กำลังภายในที่ฝึกฝนมาอย่างลำบากตั้งนานหลายปี สูญหายไปกว่าครึ่ง

ตอนนั้น นางใช้เคล็ดวิชากลืนพลัง

ไม่ใช่ครั้งแรกที่สงสัยว่านางเป็นนาง

แต่ตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูลจะอธิบายว่าอย่างไร?

มองดูท่าทีโศกเศร้าโกรธแค้นของมู่หน่วน ดูยังไงก็ไม่เหมือนนางฆ่าล้างตระกูลมู่

คิดถึงสภาพการตายของตระกูลมู่ มือเวินเส้าหยีที่ไขว้อยู่ด้านหลังกำแน่น ราวกับกำลังอดกลั้นความโศกเศร้าเสียใจไว้