บทที่ 2097 ก็แค่อยากหาเงิน
ตามที่เยี่ยหวันหวั่นสังเกตดู เนี่ยหลิงหลงไม่ได้ธรรมดาเหมือนฉากหน้าที่เห็นอย่างแน่นอน ถ้าเธออาศัยแค่ตัวปลอมคนเดียว ก็คิดจะครอบครองตระกูลเนี่ย คงเป็นไปไม่ได้แน่
นอกเสียจาก…
เนี่ยหลิงหลงมีความสามารถส่วนตัวที่แข็งแกร่ง นี่คือข้อแรก
ข้อสองคือ เนี่ยหลิงหลงต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน
ส่วนข้อสาม เป็นข้อที่เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด คือเนี่ยหลิงหลงมีความสามารถส่วนตัวที่แข็งแกร่ง แถมยังมีคนหนุนหลังด้วย
“ผู้นำกังวลอะไรอยู่เหรอครับ”
ผู้อาวุโสสามมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความไม่เข้าใจอยู่บ้าง
พอได้ยินคำถาม เยี่ยหวันหวั่นก็เงียบไปครู่หนึ่ง บางทีเธออาจจะคิดมากไป เพราะมักสังหรณ์ใจอยู่เสมอว่าการตรวจสอบสะกดรอยตามเนี่ยหลิงหลงครั้งนี้ไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย ขนาดที่ว่าอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
ที่เยี่ยหวันหวั่นอธิบายไป ก็เพราะอยากให้ผู้อาวุโสสามระมัดระวังตัวให้มากๆ อย่าได้ประมาทชะล่าใจ
“ถึงยังไงนายก็จำเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า ถ้ามีอะไรก็ตามที่คุกคามถึงชีวิตของตัวเอง ให้ยกเลิกภารกิจนี้ทันที” ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ผู้อาวุโสสามยกยิ้มแวบหนึ่ง เกรงว่าท่านผู้นำของตัวเองจะดูถูกเขาเกินไปซะแล้ว ก็แค่สะกดรอยตามเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น จะมีอะไรมาคุกคามถึงชีวิตของเขาได้
“ผู้นำโปรดวางใจได้เลยครับ ผมจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด”
หลังจากผู้อาวุโสสามคุยกับเยี่ยหวันหวั่นเสร็จ ก็หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมา
พอผู้อาวุโสสามไปแล้ว เนี่ยอู๋หมิงก็เดินเอ้อระเหยเข้ามา
“น้องสาวที่รักของพี่ ทำอะไรอยู่”
เนี่ยอู๋หมิงนั่งลงบนโซฟาด้านข้างที่ไร้ผู้คน พลางหยิบแอปเปิลในตะกร้าผลไม้ขึ้นมา
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ปรายตามองเนี่ยอู๋หมิงแวบหนึ่ง เขามาที่พันธมิตรอู๋เว่ย ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ฉันมีเรื่องจะคิดบัญชีกับพี่อยู่พอดี พี่กลับมาหาถึงที่เลย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เมื่อวานพี่มาที่พันธมิตรอู๋เว่ย อ้างชื่อฉัน ให้พันธมิตรอู๋เว่ยว่าจ้างทีมของพี่ พี่หมายความว่ายังไง”
พันธมิตรอู๋เว่ยของเธอขาดคนเหรอไง
“น้องสาว แกดูที่แกพูดเข้าเถอะ ภารกิจที่พันธมิตรอู๋เว่ยออกปฏิบัติการเมื่อวานนี้ อันตรายมากเลยนะ! พันธมิตรอู๋เว่ยเป็นของน้องสาวอย่างแก ฉันเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแก ฉันก็ต้องดูแลให้มากหน่อยอยู่แล้ว ฉันจะบอกแกให้นะ ที่พันธมิตรอู๋เว่ยว่าจ้างไปน่ะ เป็นทีมที่ดีที่สุดในสังกัดของฉันเลยนะเว้ย!” เนี่ยอู๋หมิงรีบเอ่ยออกมา
เยี่ยหวันหวั่นนึกในใจ แม่งเอ้ย ไอ้ดีน่ะดี แต่ประเด็นคือ…เงินค่าจ้างก็แพงเกินไปด้วยไง!
พันธมิตรอู๋เว่ยของเธอไม่ได้ทำงานแบบเดิมๆ มานานมากแล้ว ตอนนี้…จึงค่อนข้างตึงมือเหมือนกัน
“พี่มาหาฉัน เพราะพ่อแม่ให้มาตามฉันกลับเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความอยากรู้
พอเนี่ยอู๋หมิงได้ฟังก็ส่ายหน้า แล้วตอบว่า “น้องสาว ระยะนี้แกตามหาคนที่หายตัวไปพวกนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นพันธมิตรอู๋เว่ยหากันนานขนาดนี้แล้วยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย ไม่สู้…จ้างทีมของฉันเถอะ! ฉันสาบานกับสวรรค์ได้เลย ทีมของฉันใช้งานได้แน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยอู๋หมิง เยี่ยหวันหวั่นก็แทบจะพ่นเลือดใส่หน้าเขาแล้ว หมอนี่เป็นยาจกจริงๆ สินะ…
เมื่อก่อนเคยได้ยินว่า เนี่ยอู๋หมิงพาอี้จือฮวากับนักพรตใจบริสุทธิ์ ไปตบทรัพย์อาชูร่ามาอย่างโหดเหี้ยม
เยี่ยหวันหวั่นคิดจะปฏิเสธ ทว่านัยน์ตากลับกลอกกลิ้งแวบหนึ่ง ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้ม “เรื่องตามหาคนน่ะ ไม่รบกวนพี่หรอก…แต่ว่า ทางฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งจริงๆ”
พอสิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยอู๋หมิงก็รีบกินแอปเปิ้ลที่เหลืออยู่ แล้วพูดว่า “แกดูสิ ฉันว่าแล้วว่าน้องสาวอย่างแกต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ บอกพี่ชายอย่างฉันมาได้เลย ฉันเป็นพี่แท้ๆ ของแก พี่คนไหนบ้างที่ไม่รักน้องสาวของตัวเองน่ะ แกรีบบอกมาเลย มีเรื่องอะไรกันแน่ ฉันมีคนเยอะแยะ!”
เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ แม่งเอ้ย ก็แค่อยากหาเงิน!
—————————————————————————-
บทที่ 2098 คุกเข่าแล้วจุดธูปให้แก
เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปากขึ้นนิดๆ ก่อตัวเป็นรอยยิ้มประหลาดอย่างหนึ่ง “อันที่จริง ง่ายมากเลย…ฉันอยากสะกดรอยตามคนๆ หนึ่ง คนของพี่ทำได้แน่ แต่อาจจะมีอันตรายนิดหน่อย”
“ปัดโถ่ เรื่องการสะกดรอยตาม พวกเราเชี่ยวชาญนะ! ไม่ว่าคนที่แกอยากสะกดรอยตาม จะเป็นผี…เป็นปีศาจ พวกเราก็ทำได้ทั้งนั้น!” เนี่ยอู๋หมิงรีบพยักหน้ารัวๆ นั่งตัวตรงทันที มีมาดของเถ้าแก่จริงๆ
“ไม่ให้พวกพี่ไปสะกดรอยตามผีปีศาจหรอก แค่ช่วยฉัน…สะกดรอยตามเนี่ยหลิงหลง” นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นแสงเย็นเยียบแวบหนึ่ง
“ได้สิ จะตามใครก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น วางใจได้!” เนี่ยอู๋หมิงผงกหัวหงึกหงัก
ทันใดนั้น เนี่ยอู๋หมิงก็ผงะไปแวบหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “อะไรนะ?! ตามเนี่ยหลิงหลงงั้นเหรอ”
“ใช่” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“ฉันว่านะอู๋โยว แกเป็นอะไรไหม จะสะกดรอยตามเนี่ยหลิงหลงไปทำไมกัน” เนี่ยอู๋หมิงยากที่จะเข้าใจ
“พี่ ความจริงฉันอยากจะคุยกับพี่มานานแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเนี่ยอู๋หมิง “ตัวปลอมคนนั้น ความจริงแล้วเนี่ยหลิงหลงเป็นคนจัดหามา”
พอสิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยอู๋หมิงก็ตะลึงไปทันที แล้วเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เนี่ยหลิงหลงจัดหาตัวปลอมมางั้นเหรอ เวรเอ้ย น้องสาว นี่จริงหรือหลอกกันแน่ ดีร้ายยังไงปีนั้นก็เป็นแกที่พาเนี่ยหลิงหลงเข้ามาในตระกูลเนี่ยนะ เธอดันย้อนกลับมาทำร้ายแกงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว อันที่จริง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปีนั้นตัวเองเป็นบ้าอะไร ทำไมตัวเองถึงพาเนี่ยหลิงหลงกลับไปที่บ้านตระกูลเนี่ย แค่เพราะเห็นเธอแล้วนึกสงสารงั้นเหรอ
ยังไงก็ตาม ความทรงจำในส่วนนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ยังฟื้นฟูกลับมาไม่ได้
“พี่เชื่อฉัน หรือว่าเชื่อเนี่ยหลิงหลง” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเนี่ยอู๋หมิง
“เหลวไหล!” เนี่ยอู๋หมิงลุกขึ้นยืนทันที “แกเป็นน้องสาวของฉันนะ เนี่ยหลิงหลงเป็นใครกัน!”
เยี่ยหวันหวั่นดีดนิ้วทีหนึ่ง “แบบนั้นก็ถูกแล้ว”
“เวรเอ้ย ฉันก็ว่าแต่แรกแล้วว่าเนี่ยหลิงหลงไม่ใช่คนดี กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไม่น่าเชื่อว่าจะหาตัวปลอมมาสวมรอยเป็นแก แล้วยังแกล้งทำตัวใสซื่อแบบนั้นอีก แม้แต่ฉันก็โดนหล่อนหลอกเข้าซะได้! ฉันโมโหจะตายแล้ว!” โทสะของเนี่ยอู๋หมิงพุ่งสูงสามจั้ง “ไม่ได้การแล้ว ฉันกล้ำกลืนความโกรธไว้ไม่อยู่แล้ว!”
พอเห็นเนี่ยอู๋หมิงทำท่าจะจากไป เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกปวดหัวแล้ว
ที่ตอนแรกไม่ยอมบอกเนี่ยอู๋หมิง ก็เพราะเยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าเนี่ยอู๋หมิงจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้…
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เยี่ยหวันหวั่นพลันเดินเข้าไปหา และขวางเนี่ยอู๋หมิงไว้
เมื่อเห็นดังนั้น เนี่ยอู๋หมิงจึงเอ่ยว่า “อู๋โยว แกขวางฉันไว้ทำไม แกกลายเป็นพระโพธิสัตว์ไปตั้งแต่เมื่อไร เนี่ยหลิงหลงเหยียบหัวแกแล้วนะ…”
เนี่ยอู๋หมิงยังพูดประโยคสุดท้ายไม่จบ ก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่ทีหนึ่ง
“หล่อนถูกแกเก็บมาเลี้ยงไว้ที่ตระกูลเนี่ย ไม่สำนึกบุญคุณก็แล้วไปเถอะ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำแบบนี้กับแก แกทนได้เหรอ แกเป็นพระโพธิสัตว์เหรอไง ให้ฉันคุกเข่าให้แก แล้วจุดธูปไหว้แกเลยไหม”
เนี่ยอู๋หมิงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยด้วยความโมโหอยู่บ้าง
เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิงที่ค่อนข้างโมโหฟึดฟัดอยู่ตรงหน้า พลางรู้สึกแปลกใจ พี่ชายแท้ๆ คนนี้ของตัวเอง ยังคงปกป้องคนในครอบครัวเสมอ
“เถ้าแก่เนี่ย ไปสิไปเลย ไปตีหล่อนให้ตายเลย ดูเหมือนพี่คงจะไม่สนใจธุรกิจสบายๆ นี่เท่าไรแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพลางถอนหายใจ
เนี่ยอู๋หมิงนิ่งไปแล้ว
“ไปสิ” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิงที่ยืนอยู่ที่เดิมแวบหนึ่ง
“ช่างเถอะๆ ฟังแกแล้วกัน…คุยเรื่องธุรกิจกันก่อนเถอะ”
เนี่ยอู๋หมิงนั่งลงบนโซฟาอย่างจริงจังมาก
“ฉันต้องการสายข่าวที่ดีที่สุดของพวกพี่ไปตรวจสอบทุกความเคลื่อนไหวของเนี่ยหลิงหลงให้ฉัน โดยไม่ให้เธอรู้ตัว”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่รู้ว่าทำไม เยี่ยหวันหวั่นถึงรู้สึกเป็นห่วงทางผู้อาวุโสสามอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นแค่ลางสังหรณ์ แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่กล้าเสี่ยงเดิมพัน เธอสังหรณ์ใจว่าในขณะที่ไปตรวจสอบเนี่ยหลิงหลง ผู้อาวุโสสามอาจตายได้…
……………………………………..