เล่มที่ 34 เล่มที่ 34 ตอนที่ 1006 ต้องตายกันหมด

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย

นอกจากชีวิตและความตาย นอกจากนางจะไปจากมิติเวลานี้ นอกเหนือจากนั้น นางไม่เคยคิดที่จะไปจากเยี่ยโยวเหยา

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อืม ท่านอาจารย์ ข้าทำได้”

นักพรตอวี้หยางยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจอย่างมาก “ดี… ดี…”

จากนั้นจึงค่อยๆ ยกมือขึ้น ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีฟ้าอ่อนอยู่ในมือ เขาพลิกฝ่ามือ แสงนั้นค่อยๆ ถ่ายทอดเข้าสู่ช่วงท้องของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังทำสิ่งใด?”

นักพรตอวี้หยางอ่อนแอลงเรื่อยๆ “อาจารย์บำเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต การบำเพ็ญเพียรทั้งชีวิตนี้ไม่สามารถปล่อยให้สูญเปล่าได้ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็ให้บุตรของเจ้า! เด็กคนนี้เกิดมาจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา การบำเพ็ญเพียรทั้งชีวิตนี้ของอาจารย์ นอกจากเจ้ากับโยวเหยาก็มีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้นที่รับได้”

ในเมื่อมอบให้ทารกในครรภ์ ซูจิ่นซีก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายอันใด

พลังภายในไหลเข้าสู่ในท้องน้อยซูจิ่นซีมากขึ้นเรื่อยๆ นักพรตอวี้หยางยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เมื่อแสงลึกลับเส้นสุดท้ายไหลออกไปจนหมด ลมหายใจของนักพรตอวี้หยางก็แผ่วเบาลง

ซูจิ่นซีรีบจับชีพจรของนักพรตอวี้หยาง ทันทีที่นิ้วสัมผัสบนข้อมือ ใบหน้าของนางก็ซีดจนไม่อาจซีดได้อีก

นางรีบตะโกนไปด้านนอก “เยี่ยโยวเหยา…”

เยี่ยโยวเหยารีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาพยุงนักพรตอวี้หยาง

“ท่านอาจารย์…”

นักพรตอวี้หยางอ่อนแอจนพูดไม่ออกสักประโยค เยี่ยโยวเหยามองไปทางซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะให้เยี่ยโยวเหยา

ลูกศิษย์ที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาด้านในกันหมดและพากันคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเศร้าโศกสุดหัวใจ

“ท่านเจ้าสำนัก…”

“ท่านเจ้าสำนัก ท่านทิ้งพวกเราไปไม่ได้”

“ท่านเจ้าสำนัก…”

ในไม่ช้า นักพรตอวี้หยางก็สิ้นลมหายใจ

เยี่ยโยวเหยามอบร่างนักพรตอวี้หยางให้ลูกศิษย์สองคนแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ

ลูกศิษย์ผู้หนึ่งเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?”

“ใช่ ศิษย์พี่ ผู้อาวุโสชิวแห่งหอพระสูตรเจี๋ยลวี่และผู้อาวุโสเจี้ยนแห่งหอกระบี่ฉางเจี้ยน ร่วมมือกันทั้งภายในภายนอก สมรู้ร่วมคิดกับสกุลเป่ยถังบุกรุกเข้าไปในสำนักแล้ว ตอนนี้สำนักกระบี่คุนหลุนถูกโจมตีจากทุกด้าน ศิษย์พี่ ท่านรีบคิดหาวิธีช่วยเหลือเถิด!”

“ใช่ ท่านเจ้าสำนักล่วงลับในช่วงเวลาสำคัญ ตอนนี้คนเดียวที่พวกเราสามารถพึ่งพาได้ก็มีแค่ท่านแล้ว”

“ผู้อาวุโสอีกสี่สำนักสาขาที่เหลืออยู่ที่ใด?” เยี่ยโยวเหยาถาม

เพราะหลังจากกลับมาที่สำนักกระบี่คุนหลุน พวกเขาเห็นชิวฉางเซิงและเจี้ยนอู๋ซินเพียงสองคนเท่านั้น ไม่เห็นผู้อาวุโสอีกสี่ท่านที่เหลือ

ลูกศิษย์ที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุดกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสี่ท่านที่เหลือไม่ได้ทรยศสำนัก ขณะที่คนของสกุลเป่ยถังบุกรุกเข้ามา พวกเขายังอยู่ ทว่าตอนที่ท่านเจ้าสำนักถูกขังอยู่ในหอฉงชัง พวกเขากลับไม่มาช่วยเหลือ พวกเขาคงถูกคนของสกุลเป่ยถังขวางเอาไว้”

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเครียด

สองคนที่มีวรยุทธ์สูงสุดในสกุลเป่ยถัง เป่ยถังเย่กับเป่ยถังเฮ่อก็อยู่ที่นี่ แล้วยังจะมีผู้ใดสามารถถ่วงเวลาสี่ผู้นำแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนได้อีก?

หรือว่า… ผู้ที่ปิดล้อมสำนักกระบี่คุนหลุนตอนนี้ไม่ได้มีเพียงสกุลเป่ยถัง ยังมีผู้อื่นอีก?

ซูจิ่นซีอ่านความคิดของเยี่ยโยวเหยาออก นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือของเยี่ยโยวเหยา แล้วพูดว่า “ไม่ว่าเป็นอย่างไร พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยหารือกัน”

“อืม! ” เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าให้ซูจิ่นซี

ทั้งสองเดินไปที่หน้าต่างแล้วเหลือบมองเป่ยถังเย่ เป่ยถังเฮ่อ ชิวฉางเซิง เจี้ยนอู๋ซิน และคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ด้านนอก อาจเป็นเพราะยังไม่รู้ว่านักพรตอวี้หยางละสังขารไปแล้ว จึงไม่มีผู้ใดกล้ากระทำการอย่างอุกอาจ

จู่ๆ ซูจิ่นซีก็คิดบางอย่างออก นางหันหลังกลับและพูดว่า “อวิ๋นจิ่นกับฮูหยินฉินเกออยู่ที่ใด?”

ว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว ความสามารถของอวิ๋นจิ่นไม่มีทางปล่อยให้เป่ยถังเฮ่อ เป่ยถังเย่ และคนอื่นๆ หยิ่งผยองจนถึงขั้นนี้

ลูกศิษย์ที่เหลือไม่พูดอันใด ศิษย์ผู้หนึ่งที่กำลังพยุงร่างของนักพรตอวี้หยางกล่าวว่า “ฮูหยินฉินเกอถูกจัดการให้อยู่บนผาอวิ๋นเสีย ตอนนี้คงอยู่กับคนของผาอวิ๋นเสีย ส่วนคุณชายอวิ๋น…”

ศิษย์ผู้นั้นพูดเพียงครึ่งประโยคกลับลังเลไม่พูดต่อ

การแสดงออกของซูจิ่นซีดูจริงจัง “เกิดอันใดขึ้น?”

ศิษย์ผู้นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ หลังจากคุณชายอวิ๋นรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านเจ้าสำนัก เขาก็หายตัวไป พวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด”

“หายไป? ” ซูจิ่นซีพลันตกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

หากอวิ๋นจิ่นออกไปจากสำนักกระบี่คุนหลุน คงต้องมีวิธีไปตามหาพวกเขาแน่ ทว่าจากเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลงถึงวิหารเทพซีหวังหมู่ พวกเขาไม่พบอวิ๋นจิ่นเลย ตามความสามารถของอวิ๋นจิ่นแล้ว เป็นไม่ไปได้ที่จะใช้เวลาตามหาพวกเขานานถึงเพียงนั้น

ซูจิ่นซีรู้สึกกระวนกระวายในใจ

เยี่ยโยวเหยาบีบปลายนิ้วเย็นเฉียบของซูจิ่นซีแล้วพูดว่า “วางใจ อวิ๋นจิ่นจะต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน ข้ารับประกัน”

ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความสงสัย “เยี่ยโยวเหยาท่านมีเรื่องอันใดปิดบังข้าใช่หรือไม่?”

เยี่ยโยวเหยาสบตาซูจิ่นซี “ไม่มี”

“จริงหรือ?”

เยี่ยโยวเหยาลูบผมหน้าม้าของนาง “จนถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังคิดเพ้อเจ้ออยู่อีก ข้าบอกว่าอวิ๋นจิ่นไม่เป็นอันใด ก็คือไม่เป็นอันใด”

ซูจิ่นซีเชื่อ และเยี่ยโยวเหยาก็พูดถูก

อวิ๋นจิ่นเป็นคนเช่นไร? ลึกลับคาดเดาไม่ได้ ยากแท้หยั่งถึง บนโลกนี้จะมีผู้ใดทำร้ายเขาได้

……

ตอนนี้ด้านนอกหอฉงชัง

ทุกคนต้องการบุกเข้าไป ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าผลีผลามก้าวไปข้างหน้าสักคน

เสียงแหลมและเย็นชาของเป่ยถังเย่ดังขึ้น “อย่างที่ข้าบอก จุดไฟเผาหอฉงชังนี่ก็สิ้นเรื่อง พวกเราหลายคนต่างนิ่งไม่ขยับอยู่ที่นี่ จะรอไปจนถึงเมื่อไร?”

“ไม่ได้!” ชิวฉางเซิงกล่าวอย่างแน่วแน่ “หากนักพรตอวี้หยางตายแล้ว พวกเราจะไปหาป้ายคำสั่งเจ้าสำนักจากที่ใดอีก?”

สาเหตุที่พวกเขาทรยศสำนักก็เพื่อจะได้นั่งตำแหน่งเจ้าสำนัก และการจะนั่งตำแหน่งเจ้าสำนักก็ต้องถือป้ายคำสั่งเจ้าสำนัก ป้ายคำสั่งเจ้าสำนักมีเพียงเจ้าสำนักแต่ละรุ่นดูแลสืบต่อกันมาเท่านั้น หากวันหนึ่งนักพรตอวี้หยางละสังขาร ทว่าพวกเขาหาไม่พบว่าป้ายคำสั่งเจ้าสำนักอยู่ที่ใด แผนการที่คิดมาอย่างรอบคอบของพวกเขาในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าเอาหรือ?

“หากนักพรตอวี้หยางยังมีชีวิตอยู่ ท่านสามารถรับประกันได้หรือว่าเขาจะมอบป้ายคำสั่งเจ้าสำนักให้ท่านกับมืออย่างเชื่อฟัง?” เป่ยถังเฮ่อพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

ชิวฉางเซิงขมวดคิ้วอย่างรุนแรง

เป่ยถังเฮ่อยิ้มเยาะและพูดว่า “ผู้อาวุโสชิว สิ่งของมันตายแล้ว ทว่าคนยังอยู่ ท่านไม่อาจดื้อรั้น หากไม่มีป้ายคำสั่งเจ้าสำนักจะเป็นอย่างไร? มีพวกเราอยู่ที่นี่มากมายถึงเพียงนี้ยังกลัวว่าพวกลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนจะไม่เชื่อฟังอีกหรือ?”

สายตาลังเลของชิวฉางเซิงสว่างขึ้นทันที จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เป่ยถังเฮ่อพูดนั้นสมเหตุสมผล

สายตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้น “อ๋องรองเป่ยถังหมายถึง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” เป่ยถังเฮ่อเงยหน้าหัวเราะ สายตาปรากฏความเย็นชาทันที “องครักษ์มานี่”

“ขอรับ!”

“จุดไฟ”

“ขอรับ!”

ไม่นาน องครักษ์ก็หอบฟืนมากองรอบๆ หอฉงชัง จากนั้นก็มีองครักษ์กลุ่มหนึ่งถือคบไฟจุดลงบนกองฟืน

ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็ลามไปถึงชั้นสูงสุดของหอฉงชัง

ควันหนาทึบเข้ามาทางหน้าต่างเต็มไปหมด

ซูจิ่นซีเหลือบมองด้านนอกหอฉงชัง ไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำรุนแรงจนมองเห็นสถานการณ์ภายนอกไม่ชัด

บรรดาลูกศิษย์เห็นสถานการณ์ไฟไหม้ด้านนอก บางคนก็ตื่นตระหนก “ทำอย่างไรดี? พวกเขาจุดไฟแล้ว หอฉงชังสูงถึงเพียงนี้ ทั้งไฟยังลุกไหม้จากด้านล่าง พวกเราลงไปไม่ได้ พวกเราต้องตายอยู่ที่นี่กันหมดแน่… ใช่หรือไม่?”