อีกด้านหนึ่งของดินแดน เปลวเพลิงโลหิตม้วนตัวขึ้น ไอพลังสีดำกลายเป็นโครงกระดูกนับไม่ถ้วนอ้าปากส่งเสียงหวีดร้องออกมา

อีกด้านหนึ่งของดินแดนเป็นสีเขียวขจี เต็มไปด้วยต้นไม้และเถาวัลย์ ผีเสื้อห้าสีนับไม่ถ้วนบินวนขึ้นลง

ดินแดนทั้งสองมีเส้นแบ่งเขตกลางเอาไว้ โจมตีกันไม่หยุดหย่อนราวกับกระแสน้ำ หรือเปลวเพลิงโลหิตที่เผาไหม้ต้นไม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน หรือว่าเถาวัลย์จากต้นไม้ที่เติบใหญ่หนาท่ามกลางเปลวเพลิงโลหิต พาเอาโครงกระดูกนับไม่ถ้วนม้วนเข้าในนั้น กลายเป็นอาหารให้กับตน ดินแดนทั้งสองที่แตกต่างกันปะทะชนกัน ทำให้ใจกลางนั้นเกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ หมุนวนไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่มีเสียงใด ราวกับว่าทุกอย่างนี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

“น่าสนใจจริงๆ ทั้งสองคนช่างเก่งกาจยิ่งนัก ถึงกับใช้เคล็ดวิชากระตุ้นแดนวิญญาณบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ว่าถ้าเป็นเพียงแค่มหายานทั่วไปแล้วก็คงจะไม่อาจต้านทานได้ จินเออร์ เจ้าไปฆ่ากิ้งก่าอสูรตัวนั้น ราชาภูตตนนี้มอบให้ข้าแล้วกัน” ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่เปล่งประกาย เมื่อเอ่ยพึมพำกับตนเองออกมาสองประโยคแล้ว จู่ๆ ก็เอ่ยสั่งเสียงเย็นออกมา

ลำแสงเย็นวาบออกมาจากสายตาของคนตัวเล็กสีทองที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นกายก็กลายเป็นรุ้งสีทองพุ่งตรงไปยังกิ้งก่าสองหัวด้านล่าง

ส่วนหานลี่เองนั้นก็กลิ้งออกมาจากตรงจุดนั้น ประจุสายฟ้านับไม่ถ้วนพัวพันกันจนกลายเป็นวิหคอัสนีตัวใหญ่ยาวกว่าร้อยจั้ง ปีกทั้งคู่สั่นไหว กระพือจนก่อให้เกิดพายุแล้วพุ่งตรงไปยังทะเลโลหิตเบื้องล่าง

และเมื่อในตอนที่ม่านลำแสงแตกลงนั้น เหวินซินเฟิ่งและโครงกระดูกขาวที่แต่เดิมกำลังใช้เคล็ดวิชาต่อสู้กันอยู่ แน่นอนว่าย่อมรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของหานลี่และราชาแมลงกลืนทองตั้งแต่ต้น

เหวินซินเฟิ่งนั้นแน่นอนว่าย่อมยินดีจนเกินคาด

ส่วนราชายมโลกที่แปลงกายเป็นโครงกระดูกขาวนั้นเมื่อเห็นเข้าก็ตื่นตกใจขึ้นมา และเมื่อเห็นราชาแมลงกลืนทองและหานลี่ที่แปลงกายเป็นวิหคยักษ์ลงมาจากฟ้า แน่นอนว่าไม่อาจนั่งนิ่งเฉยรอความตายเหมือนกับก่อนหน้านี้ได้อีก

เปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนขึ้นกลางดวงตาของมัน มือข้างหนึ่งโยนชามในมือขึ้นกลางอากาศสูง ชั่วขณะนั้นอักษรรูนสีโลหิตนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากในนั้น ม้วนตัวขยายใหญ่ขึ้นราวกับเนินเขาขนาดเล็กพุ่งตรงไปยังตนตัวเล็กกายสีทองที่แปลงเป็นรุ้งสีทอง ขณะเดียวกันทะเลโลหิตภายใต้กายของเขาก็เกิดเสียงคำรามดังขึ้น มังกรวารีหลายสิบตัวทยานออกมาจากด้านในนั้น อ้าปากกางกรงเล็บพุ่งตรงไปทางวิหคยักษ์

มืออีกข้างหนึ่งของโครงกระดูกขาวก็บริกรรมคาถาออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังตรงกลางอากาศไกลออกไปเขตแดนของทั้งสองดินแดน

“ปึง ปัง ปัง”! ดังอึกทึกขึ้น ซึ่งก็คือ ดินแดนเปลวเพลิงโลหิตที่ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวกับดินแดนสีเขียวขจี เกิดระเบิดขึ้นโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือน ดวงอาทิตย์สีโลหิตก็โผล่ออกมาจากตรงจุดที่ยุบลงไปในทันที แล้วพุ่งตรงไปยังฝั่งตรงข้าม เปลวเพลิงสีโลหิตนับไม่ถ้วนลุกโชนออกมาจากพื้นผิว

ดินแดนของต้นไม้เขียวขจีกำลังตกอยู่ภายใต้ความเสียหายจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ภาพเงาของต้นไม้และเถาวัลย์ทั้งหมดพากันบิดเบี้ยวพร่ามัว ผีเสื้อกว่าครึ่งสั่นไหวขึ้นแล้วระเบิดออกกลายเป็นผุยผงกลางอากาศ

เหวินซินเฟิ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ในใจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที รีบร้อนใช้สองมือบริกรรมคาถาออกมาอย่างรวดเร็ว นิ้วมือทั้งสิบพุ่งไปยังดินแดนสีเขียวราวกับล้อรถ ชั่วขณะนั้นก็ไม่ได้คำนึงถึงการร่วมมือกันกับหานลี่เพื่อโจมตีโครงกระดูกขาว

“ซี่ ซี่”! ดังขึ้นสองเสียง ชามสีโลหิตปล่อยพลังดูดมหาศาลออกมา ทำเอาคนตัวเล็กสีทองต้องปล่อยลำแสงออกมา ผลึกลำแสงน่าหวาดกลัวสองสายออกมาดวงตาของคนตัวเล็ก

หลังจากที่ชามขนาดใหญ่ที่ถูกผลึกลำแสงราวกับมังกรโจมตีลงมาแล้ว ก็ถูกเจาะทะลุลงยังด้านล่างจนเผยให้เห็นรูขนาดใหญ่สองรู

ชามนี้เมื่อถูกกระแทกอย่างแรงเช่นนี้แล้ว ก็หมุนวนไปมา แล้วก็หดตัวลงราวอากาศรั่วไหลอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ถูกคนตัวเล็กใช้ผลึกลำแสงสองสายโจมตีลงไปอย่างดุเดือดแล้ว ก็แตกกลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนออกมา

ส่วนคนตัวเล็กสีทองไม่แม้แต่จะหยุดลงเลย เมื่อเคล็ดวิชาถูกใช้ออกมา ร่างกายก็กระโดดขึ้นมาอีกครั้ง รวมตัวเข้าด้วยกันกับผลึกลำแสงทั้งสองสายทันที แล้วกลายเป็นสายรุ้งหนาใหญ่น่าตกใจทันที หลังจากที่เปล่งประกายวาบออกมา ก็ตรงไปยังหัวของกิ้งก่าทั้งสอง ล้อมรอบพัวพันกับมันอย่างดุเดือดในทันที

กิ้งก่าสองหัวรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีแล้ว แต่ภายใต้การควบคุมของตัวมิงค์ขนาดยักษ์แล้วก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงไปได้เลย ทำได้เพียงแค่ปล่อยชั้นม่านเพลิงสีแดงออกจากร่างกาย แต่ก็ยังถูกสายรุ้งน่าตกใจนั้นหั่นออกกลายเป็นชิ้นๆ

แต่ว่าเจ้ากิ้งก่าตัวนี้กลับมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก หลังจากที่กายบิดเบี้ยวไปแล้ว ก็ปล่อยไอพลังสีดำออกมาจากบาดแผลเพื่อต้องการที่จะผสานมันเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง

และในเวลานี้เอง ตัวมิงค์ขนาดยักษ์ใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกลับส่งกลิ่นอายดุร้ายออกมา หลังจากที่บินเข้ามาก็พุ่งตรงไปยังด้านข้างกิ้งก่ายักษ์ทันที และทันทีที่มันยกขาหน้าขึ้น ก็จับลงบนกายของมัน ปากกว้างอ้าออกมาแล้วกัดลงไป

ในตอนที่ร่างกายของกิ้งก่ายักษ์บิดเบี้ยวไปมาอย่างรุนแรงแล้ว ก็ถูกตัวมิงค์กลืนกินทั้งกายลงท้องไปในเพียงแค่ไม่กี่คำเท่านั้น และเมื่อหันกายกลับมา ก็มุ่งไปกัดกิ้งก่าอีกตัวนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความตื่นเต้น

ผลึกลำแสงสว่างวาบขึ้นมา!

คนตัวเล็กสีทองก็โผล่ขึ้นมาจากกลางอากาศใกล้เคียง จ้องมองฉากด้านล่างนี้ด้วยความเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดมัน

หลังจากนั้นเพียงครู่ กิ้งก่าสองหัวก็ถูกตัวมิงค์ขนาดยักษ์กลืนกินไปจนหมด…

อีกด้านหนึ่ง หานลี่ที่แปลงกายเป็นวิหคยักษ์นั้นที่ตกอยู่ในช่วงเวลาคับขันกับมังกรโลหิตมากกว่าสิบตัว ปีกทั้งคู่ก็กระพือขึ้น ผิวกายส่งเสียงดังปึงปังออกมา ประจุสายฟ้าสีทองหนาใหญ่ พุ่งออกมาจากกายเขา แล้วกลายเป็นตาข่ายสายฟ้าพุ่งไปครอบคลุมมังกรโลหิตเหล่านี้เอาไว้

โครงกระดูกขาวบนบงกชดำเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ในใจก็อดที่จะคิดอย่างดูถูกขึ้นมา

อีกฝ่ายหากคิดว่ามังกรโลหิตเหล่านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาสามารถจัดการได้ง่ายแล้วละก็ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว

ทะเลโลหิตใต้ร่างกายของเขาใช้เลือดสกปรกมากถึงแปดสิบเอ็ดชนิดสร้างขึ้น ภาพลวงตามังกรโลหิตที่สร้างขึ้นมาแน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับมังกรแท้ แต่ความน่ากลัวไม่มีทางที่จะห่างกันมากนัก

และเมื่อความคิดนี้กลับมาอยู่หัวของโครงกระดูกอีกครั้ง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นกลางอากาศ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่มองออกไปด้วยความประหลาดใจ

เห็นเพียงแต่มังกรโลหิตหลายสิบตัวนั้นที่ถูกประจุสายฟ้าพัวพันอยู่ พากันส่งเสียงครวญครางถูกทำลายจนดับสลายไป หลังจากนั้นเพียงแค่ครู่เดียวก็ไม่อาจที่ฟื้นคืนได้

เมื่อไม่มีสิ่งใดต้านทานแล้ว วิหคยักษ์ก็พุ่งโจมตีไปอย่างรุนแรง

“ปีศาจร้ายสายฟ้า”

เปลวเพลิงสีเขียวในดวงตาโครงกระดูกขาวเคร่งขรึมลง มือข้างหนึ่งตบลงไปใต้ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทะเลโลหิตใต้กายของเขาส่งเสียงดังปึงปังออกมาแล้ว ก็กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ส่วนที่นั่งบงกชดำใต้ร่างกายหมุนไปรอบๆ ใบบัวลุกชันขึ้น กลายเป็นลูกบอลลำแสงดำปกป้องโครงกระดูกขาวเอาไว้

“สวบ” ดังขึ้น ลูกบอลลำแสงเพียงพริบตาก็หายเข้าสู่กลางอากาศจนมองไม่เห็น

รอจนเมื่อวิหคยักษ์ปล่อยประจุสายฟ้าออกมาอีกครั้งก็โจมตีจนโลหิตสาดกระจายสลายไปหมดแล้วนั้น ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโครงกระดูกแล้ว

ราชายมโลกผู้นี้ช่างเห็นโอกาสได้เร็วนัก เมื่อรู้สึกว่าตนไม่อาจจะต่อสู้กับหานลี่และเหวินซินเฟิ่งได้พร้อมกันแล้ว ก็หนีหายไปในทันที

และเมื่ออาทิตย์โลหิตไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากราชายมโลกผู้นี้แล้ว เพียงแค่ครู่เดียวก็ถูกเหวินซินเฟิ่ง

บริกรรมคาถาใส่จนสลายไป

หญิงสาวคนนี้เมื่อเก็บเคล็ดวิชาลับแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มลุกขึ้นมา

“ขอบคุณพี่หานที่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นน้องสาวคงจะไม่อาจตัดสินแพ้ชนะกับราชาโครงดูกผู้นี้ได้โดยเร็ว แต่ว่าก็ไม่อาจจะยอมแพ้เช่นนี้แล้วหนีไป ไม่เช่นนั้นถ้าหากว่าไปร่วมมือกับราชายมโลกคนอื่น นักพรตคนอื่นก็ตกอยู่อันตรายแล้ว”

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะไล่ตามมันไปในทันทีนี้”

ประจุสายฟ้าสีทองบนกายของวิหคยักษ์มาบรรจบกัน หลังจากที่ปีกทั้งคู่หดตัวลง ก็กลับกลายมาเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง แล้วเอ่ยตอบกลับออกมากับหญิงสาวคนนี้ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ส่วนคนตัวเล็กกายสีทองและตัวมิงค์ที่กินจนท้องกลม พริบตาเดียวก็บินกลับมาข้างกายของหานลี่สองคนนั้น

ดังนั้นพวกของหานลี่ทั้งสองก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก ต่างก็นำสัตว์วิญญาณของตนทยานขึ้นสู่กลางอากาศ

ในตอนนี้ไม่จำต้องมองหาอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าราชาโครงกระดูกที่หนีไปได้พุ่งไปยังยอดเขาที่อยู่ตรงกลางแล้ว แล้วทำให้ลำแสงสีทองตรงยอดเขากลายเป็นเปลวเพลิงเวทย์มนตร์ที่ไร้ขอบเขต กดข่มม่านลำแสงด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง

ม่านลำแสงสองชั้นรองรับเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ก็ส่งเสียงดังอู้อี้แล้วถูกเปลวเพลิงสีทองเจาะทะลุจนสลายไป

ราชาโครงกระดูกบนผิวกายเกิดลำแสงสีดำสว่างวาบขึ้น แล้วก็ลงไปด้านล่างของเทือกเขาอย่างไร้สุ้มเสียง

เหวินซินเฟิ่งและหานลี่ที่กลายเป็นสายรุ้งยาวสองสายพุ่งเข้ามาด้วยกันนั้น

หลังจากนั้นเพียงแค่พริบตาเดียว พวกของหานลี่ทั้งสองคนเองก็ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาตรงกลางนั้น

สายตาของทั้งสองคนกวาดมองลงไปยังเบื้องล่าง กลับอดไม่ได้ที่ต่างก็พากันตกตะลึงขึ้นมา

เห็นเพียงว่าบนเทือกเขานั้นไม่ได้มีร่องรอยของการต่อสู้อยู่แม้แต่น้อย กลับเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนใบหน้าหล่อเหลากำลังนั่งขัดสมาธิเผชิญหน้ากับปี้อิ่ง

ระหว่างกลางของทั้งสองคนมีโต๊ะหินขาวราวหยกวางอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะนั้นวางกระดานหมากรุกสี่เหลี่ยมเอาไว้กระดานหนึ่ง

กระดานหมากรุกนี้ส่องแสงสีทองแวววาวราวกับทองคำแดง ตัวหมากรุกด้านบนวางเรียงรายอยู่เต็มกลับเป็นสีขาวดำสองสี

ปี้อิ่งและชายวัยกลางคนคนนั้นต่างก็มองไปยังกระดานหมากรุกอย่างเคร่งขรึมโดยที่ไม่ส่งเสียงใดออกมา ราวกับว่าหมากรุกนี้กำลังเดินมาถึงในช่วงเวลาคับขันเข้าให้แล้ว

ส่วนราชาโครงกระดูกนั้นกำลังยืนตรงยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม ท่าทีซื่อสัตย์อย่างไรอย่างนั้น

หานลี่และเหวินซินเฟิ่งในใจนั้นประหลาดใจขึ้นมา แต่ต่างก็เป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เมื่อมองสบตากันแล้ว ก็มีท่าทีปกติแล้วลงมาจากกลางอากาศสูง และเดินเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็มาถึงยังบริเวณใกล้เคียงของปี้อิ่ง

ราชาแมลงกลืนทองและตัวมิงค์บินเพียงพริบตาก็หายเข้าไปยังแขนเสื้อของทั้งสองคนจนไม่เห็นแม้เงา

“นักพรตทั้งสองเองก็มาแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้ชรายังกังวลใจอยู่หลายส่วน เช่นนี้ก็วางใจลงได้แล้ว” ปี้อิ่งเงยหน้าขึ้นมองยังพวกของหานลี่ทั้งสองคน ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

“พี่ปี้ เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน?” เหวินซินเฟิ่งขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยถามออกมา

“ไม่มีอะไร ข้าและนักพรตจ่วนหลุนหลังจากที่ประลองกันแล้ว ก็พบว่าวรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายต่างก็คอยควบคุมซึ่งกันและกันอยู่ นอกเสียจากใช้ความเป็นตายมาแบ่งแยกกันแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจจะแยกแยะแพ้ชนะได้โดยง่าย ดังนั้นก็เลยตกลงกันว่าจะใช้หมากรุกกระดานนี้เพื่อตัดสินแพ้ชนะ แน่นอนว่าหากว่าพวกเจ้าและคนอื่นสามารถตัดสินแพ้ชนะกันออกมาได้ก่อน หมากกระดานนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเดินจนจบแล้ว” ปี้อิ่งค่อยๆ ยิ้มออกมา แล้วเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา

“เป็นเจ้าที่ฆ่าราชาซยงซือ?” ราชาจ่วนหลุนฝั่งตรงข้ามที่แปลงกายเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองไปยังหานลี่ ลำแสงโลหิตสว่างวาบขึ้นในรูม่านตาของเขา เอ่ยถามออกมาช้าๆ น้ำเสียงดูมืดมนผิดปกติ

“ราชาซยงซือเป็นข้าที่เป็นคนฆ่าไม่ผิดแล้ว หรือว่าท่านคิดจะแก้แค้นให้กับเขา?” สีหน้าของหานลี่ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ตอบกลับไปอย่างใจเย็นผิดปกติ

“หืม ในเมื่อถูกเจ้าฆ่าในระหว่างการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว ก็หมายความว่าความสามารถของเขาสู้เจ้าไม่ได้ ถูกฆ่าทิ้งก็เป็นเรื่องของเขาเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” ชายหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยออกมาด้วยความเฉยเมย

“นักพรตจ่วนหลุน ในเมื่อนักพรตหานได้ฆ่าราชาซยงซือท่านนี้ แน่นอนนับว่าเป็นผู้ชนะ นักพรตกระดูกเป็นผู้ที่เริ่มหนีออกมาจากเทือกเขาของตนเองก่อน แน่นอนถือว่าพายแพ้ นักพรตมีข้อโต้แย้งใดหรือไม่?” หลังจากที่ปี้อิ่งยกมือขึ้นวางหมากลงบนกระดานหมากรุกแล้ว ก็เอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

ในเมื่อพวกเขาไร้ประโยชน์ สองครั้งก่อนหน้านั้นก็ถือเสียว่าพวกท่านชนะไปก็แล้วกัน แต่ว่านักพรตทั้งสองและนักพรตกระดูกในเมื่อมาอยู่ตรงหน้าของเปิ่นหวังแล้ว ข้าก็ไม่อาจที่จะให้พวกเขาจากไปได้ง่ายๆ เพื่อไปขัดขวางการต่อสู้ของผู้อื่น ให้พวกเขาทั้งสามคนอยู่ที่นี้ต่อไป จนกระทั่งอีกสองยอดเขานั้นจะสามารถตัดสินผู้ชนะได้” หลังจากที่ราชาจ่วนหลุนหรี่ตาเหลือบมองไปยังปี้อิ่งแล้ว ก็เอ่ยออกมาเบาๆ

“ให้พวกเขาทั้งสามอยู่ที่นี่…ตกลง ข้ารับปากแทนพวกเขา” หลังจากที่ปี้อิ่งครุ่นคิดแล้ว ก็เอ่ยตกลงออกมา