เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1417

เสียงพูดดังกึกก้องไปถึงขอบฟ้า

โดยเสียงตะโกนของราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็พลันดึงดูดองครักษ์เกราะเถาวัลย์ให้มากันอย่างบ้าคลั่ง

พวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์นี้ทั้ง ๆ ที่ดวงตาแดงก่ำแล้ว ทั้งที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขา ทั้งที่อยู่ในสายตาของพวกเขา แต่ฝ่าบาทก็ยังกลับถูกลอบทำร้าย

พวกเขายังจะมีหน้ามาเรียกขานตนเองว่าทหารปกป้องรักษาประเทศอีกได้อย่างไร พวกเขายังจะมีหน้าไปพบปะกับประชาชนของประเทศหลิงได้อีกอย่างไร

องครักษ์เกราะเถาวัลย์ที่โกรธแค้น เวลานี้คิดแต่ที่จะกำจัดลู่ฝานและพวกพ้องลงให้สิ้นซาก!

พลังปราณพุ่งทะยานขึ้น โดยพวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์เหล่านี้แต่ละคนต่างก็มีวิทยายุทธระดับปราณชีวิตชั้นเจ็ดทั้งนั้น

ในขณะที่พวกยอดฝีมือของประเทศหลิง พุ่งจู่โจมสังหารเข้ามานั้น ลู่ฝานก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนอะไรบางอย่างของค่ายกลต่อสู้

พวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์นี้ คงจะเคยฝึกฝนการโจมตีแบบระดมพลมุ่งเป้าหมายเดียวมาก่อนเป็นแน่

ช่วงเวลาที่พวกเขาลงมือนั้น ได้กระตุ้นธาตุทั้งห้าในชั้นฟ้าดิน

ลู่ฝานไม่ลังเลใจ กวัดแกว่งกระบี่ออกไปทันที

ลำพังแค่นักบู๊แดนปราณชีวิตก็คิดที่จะฆ่าเขา มันช่างเพ้อฝันเกินไปเสียจริง!

“กระบี่มังกรคู่สายฟ้า! ”

ตูมม!

เสียงระเบิดดังตูมตาม พวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์กี่คนที่พุ่งโจมตีแถวหน้านั้นได้ถูกกระบี่ของลู่ฝานฟาดฟันเข้าใส่

สายฟ้ากับเปลวเพลิงสร้างอันตรายอย่างหนักหน่วง จนองครักษ์เกราะเถาวัลย์แต่ละคนดำไหม้ไปกันทั้งแถบ

เปลวเพลิงยังจะช่วยปกปิดเงาร่างของลู่ฝานด้วย!

คลื่นเปลวเพลิงที่รุนแรงนั้นได้พัดโหมจนขุนนางประเทศหลิงสิบกว่าคนกระเด็นลอยไปไกล

ลู่ฝานที่เดิมทีนั่งอยู่บนดอกไม้ห้าสีนั้น อยู่ใกล้กับพวกเขามากที่สุด ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงประสบกับหายนะ!

ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สีหน้าเย็นชา เขาเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าลู่ฝานก็เป็นคนที่แข็งข้อ แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพราะคนที่สำคัญคือธิดาเทพบนแท่นสูงนั้น

หิมะน้ำแข็งแผ่กระจายไปทั่ว ธิดาเทพกับชายชราที่อยู่ด้านหลังนั้นสังหารผู้คนอย่างดุเดือด

นักบู๊ที่โจมตีเข้าใส่นั้น ต่อมาก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งของทั้งสองคนนี้ไปแล้ว

ธิดาเทพกำกระบี่เทพน้ำแข็งหมื่นปีในมือของตัวเองอย่างแน่นหนา แต่ละกระบี่ที่ฟาดฟันออกไป ก็จะต้องมีสามถึงห้าคนที่กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง

แล้วก็กวัดแกว่งกระบี่ตีไปอีกครั้ง ก็จะกลายเป็นเศษน้ำแข็งที่กระจัดกระจายไปทั่ว

ด้านชายชรากลับไม่ได้ใช้พลังที่อุกอาจรุนแรงขนาดนี้ แต่วิธีการต่อสู้ของเขายิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก

เพียงแค่เดินผ่านพวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์เหล่านั้น วินาทีต่อมา พวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์เหล่านั้น ก็กลายเป็นแอ่งน้ำแข็งไปหมดแล้ว

พลังความสามารถที่ทั้งสองคนแสดงออกมานั้น มันเหนือกว่าระดับที่นายพลนักบู๊ของประเทศหลิงจะต้านทานได้

ขุนนางฝ่ายบู๊หลายคนที่เดิมทีโจมตีอยู่แถวหน้า เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็พลันหยุดฝีเท้าของตนเองลง แล้วก็ถอยร่นลงไปอย่างไม่หยุด

หมดหนทาง เพราะพวกเขาเข้าไปก็ต้องตายลงสถานเดียว

“ซงเหวิน! ”

ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตะโกนเสียงดังขึ้น สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเองก็ได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ในท้องฟ้า ก็พลันมีต้นไม้ขนาดใหญ่ตกลงมา หล่นทับลงบนสังเวียน

ธิดาเทพกับชายชรารู้สึกพร้อมกันว่ามีอะไรผิดปกติ จึงรีบถอยร่นออกมา ทำให้สามารถหลบหลีกการโจมตีของต้นไม้ยักษ์นี้ไปได้

วินาทีต่อมา สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคนนั้น ก็คือต้นไม้ยักษ์ที่มีแขนและขา และยังสามารถเดินได้ด้วย

กิ่งไม้แห้งเหี่ยว ไม่มีใบไม้

บนยอดไม้ มีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ร่างกายครึ่งท่อนราวกับไม้ ร่างกายอีกครึ่งท่อนราวกับมนุษย์

เขาก็คือหนึ่งในสามยอดฝีมือแดนปราณฟ้าที่สังกัดอยู่ภายใต้ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

ซงเหวิน!

“ยอมจำนนซะดี ๆ เถอะ! ”

ซงเหวินมองไปยังธิดาเทพและชายชรา พร้อมกับพูดขึ้น

ธิดาเทพส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพูดเสียงดังว่า: “ก็แค่แดนปราณฟ้า นายคิดว่าฉันจะกลัวนายจริง ๆ เหรอ? ”

พลังปราณในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้น วิทยายุทธที่ใกล้จะถึงขั้นแดนปราณฟ้า ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่

ทุกคนตกตะลึง ขุนนางประเทศหลิงจำนวนไม่น้อยพลันพบว่า ที่พวกเขาก่อตั้งสังเวียนประลองยุทธขึ้นให้กับธิดาเทพนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี

วิทยายุทธระดับนี้ ต่อให้ต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นยอดของพวกเขาประเทศหลิงแล้ว ก็คงเอาชนะได้อย่างไม่มีปัญหา ที่เธอมาประลองยุทธกับนักบู๊หนุ่มของประเทศหลิงโดยเฉพาะนี้ ไม่ใช่เป็นการรังแกกันหรอกเหรอ?

ชายชราที่อยู่ข้างกายของธิดาเทพ เวลานี้ก็ได้แสดงวิทยายุทธของตนเองออกมา

สัตว์อสูรยักษ์ผลึกน้ำแข็งตนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา นั่นก็คือหมาป่าตาน้ำแข็งตัวหนึ่ง ที่แผ่ซ่านกลิ่นอายลมหายใจอันโหดเหี้ยม ซึ่งเป็นตัวแทนแสดงพลังของวิถีบู๊และทักษะวิชาบู๊ของชายชรา