ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เย่เจียงไห่ก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้น
ตัวตนระดับสูงคนแล้วคนเล่ามาหาเขาเรื่อย ๆ พาเขาเข้าไปในโลกของตนเองและขอให้เขาแสดงภาพของเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงให้ดู
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเหล่าตัวตนระดับสูงเหล่านั้นเมื่อดูภาพของเหล่าเด็ก ๆ เสร็จพวกเขาทุกคนต่างมอบเศษเสี้ยวแก่นแท้เต๋าให้กับเย่เจียงไห่ ทุกคนส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญขั้นสูงสุดไปเรียบร้อย
อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะกลับไปมีความแข็งแกร่งเดิมเท่ากับชีวิตที่แล้ว! การทะลวงระดับบ่มเพาะง่ายดายขนาดนี้มันเหมือนฝันชัด ๆ!
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าทำไมตัวตนระดับสูงเหล่านี้ถึงต้องมาช่วยเขาด้วย?
หลังจากที่เขาถูกส่งตัวไปอีกนับล้านกิโลเมตรโดยตัวตนระดับสูงที่เห็นแต่เงา หญิงวัยกลางคนซึ่งสวมมงกุฎฟีนิกซ์ก็ได้ลากเขาเข้าไปในโลกของนาง ซึ่งเย่เจียงไห่ก็ไม่รอช้าแสดงภาพลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงให้นางเห็นทันทีตามคำแนะนำของราชันแห่งมวลมนุษย์
จักรพรรดินีฟีนิกซ์ชี้ไปที่หลิงไช่หยุน จากนั้นนางเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเป็นยังไงบ้างตอนนี้?”
เย่เจียงไห่รีบตอบกลับด้วยท่าทีอ่อนน้อมทันที “เรียนผู้อาวุโส นางคือลูกสาวคนเล็กของน้องเขยของผู้เยาว์ ตอนนี้นางดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของภูเขาฟีนิกซ์และนางได้รับการเลี้ยงดูจากน้องเขยของผู้เยาว์เป็นอย่างดี”
จักรพรรดินีฟีนิกซ์รู้สึกหงิดหงุดนิดหน่อยกับคำพูดของเย่เจียงไห่ เพราะถ้าหากหลิงตู้ฉิงถูกนับว่าเป็นพ่อของลูกสาวนาง ถ้างั้นสถานะของนางก็ต้องเป็นภรรยาของเขางั้นเหรอ?
หลังจากดูภาพของหลิงไช่หยุนจนพอใจ จักรพรรดินีฟีนิกซ์พูดขึ้นว่า “ข้าจะมอบประกายเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายล้างให้กับเจ้า ด้วยอำนาจของมันเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของเจ้าจะยิ่งราบรื่นขึ้น!”
เมื่อพูดจบ นางส่งประกายเพลิงเข้าไปในร่างของเย่เจียงไห่ ส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของเขาทะลวงขึ้นไปอยู่ขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ทันที
จากนั้นจักรพรรดินีฟีนิกซ์ก็ส่งเย่เจียงไห่ออกไปจากโลกของนาง ส่วนตัวนางเองก็กลับไปยังที่ที่นางจากมา
เย่เจียงไห่ในเวลานี้ทั้งรู้สึกดีใจทั้งรู้สึกงุนงง
ทำไมตัวตนเหล่านี้ถึงต้องมาช่วยเหลือเขาด้วยกัน? อย่างน้อย ๆ ก็อธิบายอะไรสักเล็กน้อยให้เขาเข้าใจบ้างก็ได้ ข้าเริ่มจะกลัวแล้วนะที่พวกท่านพากันมาช่วยเหลือข้าแบบนี้!
แล้วผู้หญิงคนเมื่อครู่เป็นฟีนิกซ์ใช่ไหม? การที่นางสามารถมอบเพลิงระดับสูงแบบนี้ให้กับเขาได้ง่าย ๆ งั้นนางก็ต้องเป็นฟีนิกซ์ระดับสูงมาก ๆ ใช่หรือเปล่า?
ในระหว่างที่ความคิดภายในสมองของเขากำลังยุ่งเหยิง จู่ ๆ รอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาและดูดเขาเข้าไปสู่ห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่
ชายผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเย่เจียงไห่พลางแสดงรูปลักษญ์ของหลิงฟ่างหัวให้เห็น และถามขึ้นว่า “เด็กน้อยคนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เย่เจียงไห่รีบแสดงทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับหลิงฟ่างหัวให้กับชายวัยกลางคนเห็นทันที ซึ่งหลังจากดูไปได้พักใหญ่ ชายวัยกลางยิ้มและพูดว่า “ข้าคงไม่มอบเศษเสี้ยวแก่นแท้เต๋าของข้าให้กับเจ้า เพราะมันไม่อาจเข้าได้กับร่างกายของเจ้า แต่ข้าจะส่งเจ้าไปที่ตำหนักไร้หทัยโดยตรงแทน!”
หลังจากนั้นรอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเย่เจียงไห่ก็ถูกส่งออกมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ห่างจากจุดที่เขาอยู่มากนักมีภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่และที่บนยอดเขามีพระราชวังขนาดยักษ์ตั้งอยู่
“บนยอดเขานั่นคือจุดหมายของเจ้า!”
เมื่อสิ้นเสียงรอยแยกมิติก็ปิดตัวลงทันที
เย่เจียงไห่มองไปยังรอยแยกมิติที่หายไปด้วยสีหน้าขมขื่น
มันเป็นไปได้รึเปล่าว่าตัวตนระดับสูงเหล่านี้นิยมชมชอบในความสามารถของเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง และต้องการจะได้เด็ก ๆ เหล่านั้นมาเป็นศิษย์? และการที่เขาได้รับรางวัลต่าง ๆ เช่นนี้มันเป็นเพราะเขาเอาข้อมูลเบื้องต้นของเด็กเหล่านั้นมาให้ดูแบบนี้หรือเปล่า?
แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ กรงเล็บมหึมาก็โผล่ลงมาจากฟากฟ้าพุ่งเข้ามาหาร่างของเขา
เย่เจียงไห่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่อยู่รอบ ๆ กายเขาล้วนถูกตรึง และโดนปิดผนึกทั้งหมด ซึ่งมันทำให้เขาไม่มีทางหนีได้เลย
เขากลัวลนลานจนวิญญาณของเขาแทบจะหลุกจากร่าง หากตัดสินจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้วกรงเล็บนี้คงไม่ใช่พวกเดียวกับเหล่าตัวตนที่เคยให้ประโยชน์กับเขามาแน่นอน!
หรือจะเป็นไปได้ไหมว่าการที่เขาได้ผลประโยชน์มาอย่างมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ จะมีคนอิจฉาจนอยากบี้เขาให้ตาย?
แต่แล้วในวินาทีที่เขาคิดว่าเขาจบเห่แล้ว จู่ ๆ ปราณดาบอันรุนแรงก็พุ่งออกมาจากตำหนักที่อยู่บนยอดเขาพุ่งเข้าไปหากรงเล็บที่โผล่ออกมาจากฟากฟ้า
กรงเล็บยักษ์แสดงท่าทีหวั่นเกรงต่อปราณดาบทันที มันเลิกพุ่งเป้าไปที่เย่เจียงไห่และเปลี่ยนมาเป็นกำหมัดชกสวนไปยังปราณดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือปราณดาบอันรุนแรงสับผ่านกรงเล็บยักษ์ไปอย่างง่ายดาย
นิ้วของกรงเล็บสองนิ้วขาดกระเด็นร่วงลงมาจากฟากฟ้าทันที แต่ก่อนที่นิ้วทั้งสองจะร่วงลงไปถึงพื้น กิเลนยักษ์ก็รีบพุ่งตัวเข้ามาเก็บนิ้วทั้งสองเข้าไปในโลกของมันพร้อมกับใช้เปลวเพลิงของมันเผาหยดเลือดที่สาดกระเซ็นทั้งหมดไม่ให้ตกลงไปบนพื้นดิน
“ขืนข้าปล่อยให้เลือดเหม็น ๆ ของเจ้าหล่นลงไปถึงพื้นคนแถวนี้คงเหม็นตายกันพอดี!” กิเลนตะโกนขึ้นพลางมายืนปกป้องเย่เจียงไห่
“ไอ้หนู เอาสิ่งนั้นมาให้ข้า!” กิเลนจ้องไปที่เย่เจียงไห่ด้วยสายตาดุดัน
“เอ่อ…อะไรงั้นเหรอผู้อาวุโส?” เย่เจียงไห่ถามกลับด้วยสีหน้าเหรอหรา
จากนั้นเมื่อเขานึกขึ้นได้ถึงจี้หยกที่หลิงตู้ฉิงเคยมอบให้เขา เขาจึงรีบหยิบจี้หยกขึ้นมาและส่งมันไปให้กับกิเลนทันที
กิเลนรับจี้หยกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเมื่อมันเก็บจี้หยกไปมันก็ถามขึ้นอีกว่า “แล้วของอื่น ๆ ล่ะอยู่ที่ไหน?”
เย่เจียงไห่รีบส่ายหัวและตอบกลับ “ผู้อาวุโส มีแค่จี้หยกอันเดียวเท่านั้นที่ข้าได้รับมาไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว!”
กิเลนกระโดดขึ้นลงไปมาราวกับมันเป็นเด็ก ๆ ที่ดื้อรั้นจนแผ่นดินรอบ ๆ สั่นสะเทือนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ซึ่งร่างของเย่เจียงไห่ก็กระเด้งกระดอนไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
จากนั้นกิเลนก็ยังไม่ยินยอมและตวาดถามอีกรอบ “ไม่จริง! มันต้องมีอย่างอื่นแน่นอน! เร็วเข้ารีบเอามันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เย่เจียงไห่รีบลุกขึ้นและตอบกลับด้วยสีหน้าที่แทบจะหลั่งน้ำตา “ผู้อาวุโส มันไม่มีจริง ๆ ข้าไม่ได้รับอะไรมาอีกแล้ว!”
หลังจากที่กิเลนแสดงอำนาจของมัน เย่เจียงไห่ก็พอจะเดาได้ว่ากิเลนตัวนี้น่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็ขอบเขตเทวะราชา!
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาโดนกิเลนขอบเขตเทวะราชาคาดเค้น เขาจะไปมีปัญญาต่อต้านอะไรได้?
กิเลนแสดงท่าทีโมโหกว่าเดิม มันตวาดขึ้นอีกรอบ “นายท่านของข้าอุตส่าห์ส่งของขึ้นมาทั้งที เขาจะไม่ส่งของมาให้ข้าบ้างได้ยังไง? ไอ้หนูเอ็งคิดจะฮุบของของข้างั้นเหรอ?”
เย่เจียงไห่เริ่มทนไม่ไหว เขาตะโกนกลับด้วยสีหน้ามืดหม่น “ข้าไม่ได้รับอะไรมาอีกแล้วจริง ๆ แต่ถ้าท่านอยากจะได้ของของข้านักงั้นท่านก็เอาไปให้หมดเลย!”
เย่เจียงไห่โยนสมบัติที่เขามีทั้งหมดลงไปที่พื้นให้กับกิเลน แต่ในใจของเขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
กิเลนตัวนี้บอกว่าหลิงตู้ฉิงเป็นนายของมันงั้นเหรอ? หลิงตู้ฉิงมีสัตว์เลี้ยงเป็นกิเลนขอบเขตเทวะราชาเนี่ยนะ!?
ทางด้านของกิเลน เมื่อมันมองสำรวจไปที่สมบัติต่าง ๆ ที่เย่เจียงไห่โยนลงไปบนพื้นเสร็จ มันพ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจและพูดว่า “นี่เจ้าล้อข้าเล่นรึไง? เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะสนใจขยะเหล่านี้ของเจ้างั้นเหรอ เจ้ารู้ไหมว่าสมบัติที่ข้าสะสมอยู่แค่เพียงชิ้นเดียวมันก็มีค่ามากกว่าสมบัติของเจ้าทั้งหมดรวมกันซะอีก! เอาพวกมันกลับไปซะ แย่จริง ๆ เลยไหนคนอื่น ๆ บอกว่านายท่านเปลี่ยนไปแล้ว? ข้าก็นึกว่านายท่านจะฝากของอะไรมาให้ข้าบ้างแต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย!”
จากนั้นกิเลนก็พาตัวของเย่เจียงไห่บินมุ่งหน้าไปที่ตำหนักไร้หทัยด้วยสีหน้าหงุดหงิด และเมื่อถึงท้องพระโรงมันก็โยนร่างของเย่เจียงไห่ลงบนพื้นพร้อมกับส่งจี้หยกของหลิงตู้ฉิงไปหากลุ่มคนที่อยู่ในท้องพระโรง และจากนั้นตัวมันเองก็เดินกลับไปนอนหมอบที่ทางเข้าราวกับว่ามันเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่รอการกลับมาของเจ้านายตัวเอง!