“หลัวซิว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะกล้ากลับมา ในเมื่อวันนี้ถูกพวกข้าหาตัวเจอ วันนี้เจ้าก็ไม่มีหนทางให้ได้หนีอีกต่อไปแล้ว!”

“รีบส่งมอบม้วนหยกสีทองที่เจ้าได้รับออกมา ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องตายอย่างน่าเวทนาแน่นอน!”

เจ้ายุทธจักรสิบชีวิตรวมกลุ่มกัน แต่ละคนต่างก็เดินหน้าเข้ามาเพื่อบีบบังคับ ความยิ่งใหญ่พุ่งทะลุฟ้า

หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจ พูดเสียงเรียบ “ทุกท่าน ไม่เจอกันนานหลายปี อย่าบอกว่าพวกเจ้าจำความใดไม่ได้เลยงั้นหรือ?”

เขาก้าวเท้าข้ามอากาศเข้ามา เดินตรงมายังเจ้ายุทธจักรทั้งหลายด้วยความยินดี สายฟ้าที่ตัดผ่านท้องฟ้านั้นไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลยแม้แต่น้อย

“หลายปีก่อน ด้วยแดนมหายุทธ์ของข้าก็สามารถฆ่าเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าได้ วันนี้ผลการฝึกตนของข้าได้บรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักรแล้ว พวกเจ้าทั้งสิบรวมเข้าด้วยกัน ยังไม่สามารถสู้มือข้างเดียวของข้าได้เลย”

ระหว่างที่พูด หลัวซิวปล่อยออร่าของตนออกมา ทำให้เจ้ายุทธจักรทั้งสิบคนที่เผชิญหน้าอยู่นั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

เป็นดั่งที่หลัวซิวได้เอ่ยไป หลายปีก่อนเขาเคยฆ่าแดนเจ้ายุทธจักรจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไปไม่น้อย ท่ามกลางคนเหล่านั้นก็มีเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าด้วย ในเวลานั้นพลังต่อสู้ของเขามีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับอนาคินเจ้ายุทธจักรเท่านั้นจึงจะสามารถกดให้เขายอมแพ้ได้

ในวันนี้เขาได้บรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักรแล้ว พลังต่อสู้ย่อมแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างมาก นอกเลยจากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์จะออกโรงเอง ในปัจจุบันเกรงว่าจะไม่มีใครที่สามารถควบคุมเขาได้อีกแล้ว

“เฮอะ ต่อให้พลังต่อสู้ของเจ้าจะมหัศจรรย์มากแล้วอย่างไร? คิกว่าพวกเราไม่มีการเตรียมตัวมางั้นหรือ?” ผู้นำคนหนึ่งจากเขาชะตาเทพคือเจ้ายุทธจักรช่วงปลายเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน บริเวณหว่างคิ้วมีแสงส่องประกาย มังกรสีทองตัวหนึ่งบินออกมา หมุนตัวอยู่เหนือศีรษะของเขา ส่ายหัวส่ายหางไปมา

นี่คือสมบัติวิเศษที่น่าประทับใจชิ้นหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นนักยุทธ์ที่กลั่นโดยผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านหนึ่งแห่งเขาชะตาเทพ เรียกว่าแส้มังกรฟ้าสยบเทพ

เขาชะตาเทพเดิมที่นั้นคือแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เชี่ยวชาญการโจมตีวิญญาณ สมบัติวิเศษที่กลั่นโดยผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ย่อมเชี่ยวชาญการโจมตีวิญญาณด้วย

“ใช่แล้ว อย่าคิดว่าเจ้าบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักรก็จะสามารถแผลงฤทธิ์ไปทั่วได้ ต่อให้พลังของพวกเราจะไม่เท่าเจ้า แต่สายสนกลในของพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเจ้านั้นเป็นสิ่งที่สามารถคาดเดาได้หรือ?”

คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำก็หยิ่งผยองขึ้นมาบ้าง ผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรที่เป็นผู้นำยกมือขึ้นโบก ใบมือก็พลันปรากฏกระบี่ยุทธ์เล่มหนึ่งที่มีออร่าแข็งแกร่งแพ่กระจายออกมา และก็คือนักยุทธ์ระดับสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่า ผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ค่อนข้างวิตกกังวลต่อหลัวซิวอย่างมาก ค้นหาเบาะแสของเขาที่แดนดารานอกแห่งนี้ ต่างก็ยังคงพกสมบัติวิเศษแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ติดตัวมาด้วย นั่นก็เพื่อเมื่อตามหาเขาจนพบ ก็จะอาศัยพลังของสมบัติวิเศษระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์มาจัดการกับเขา

เมื่อเห็นเขาชะตาเทพและแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำต่างก็พกพาสมบัติวิเศษติดตัวมาด้วย สีหน้าของหลัวซิวก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่จากนั้นก็ฉีกยิ้มขึ้นมาทันที “ทุกท่าน พวกเจ้าพกสมบัติวิเศษแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ติดตัวมาเพื่อรับมือกับข้า นี่คือหมายจะเอาสมบัติวิเศษมามอบให้ข้าหรือ?”

“โอหัง! ความตายอยู่ตรงหน้ายังกล้าปากดีอีกหรือ!”

คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำคำรามด้วยความโกรธ เจ้ายุทธจักรหลายคนช่วยกันขับเคลื่อนกระบี่ยุทธ์แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ สกัดแสงกระบี่ที่ยาวหลายสิบลี้ออกมา

“ไม่รู้จักเจียมตัว!”

หลัวซิวหัวเราะเสียงเย็น หอกยุทธ์มังกรดำในมือระเบิดออกทันที พลังสองสุดยอดกฎใหญ่ความตายและปริภูมิระเบิดออกมา บดขยี้แสงกระบี่นับสิบลี้จนสลายหายไปจนไร้ร่องรอย

จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว ร่างนั้นหายไปในทันที จากนั้นก็ปรากฏตัวตรงหน้าเหล่าเจ้ายุทธจักรแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำ

“พุ!”

ผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรที่ถือกระบี่ยุทธ์แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ไว้ในมือนั้นยังไม่ทันได้รู้สึกตัว หว่างคิ้วก็พลันถูกหอกยุทธ์มังกรดำแทงทะลุ ศีรษะแตกกระจายเป็นผุยผง

หลัวซิวเอื้อมมือออกไปเก็บ จึงได้ฉกฉวยเอากระบี่ยุทธ์เก็บเข้ามา ทำให้เจ้ายุทธจักรหลายคนที่เหลืออยู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำต่างก็พากันหน้าถอดสี ตกใจและหวาดผวา ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาคิดไม่ถึง เวลาเพิ่งผ่านพ้นไปเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ หลัวซิวคนนี้กลับมีพลังที่สามารถต้านทาน สมบัติวิเศษแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้

“ตายเสีย!”

ในเวลานี้เอง จอมยุทธ์หลายคนจากเขาชะตาเทพก็ขับเคลื่อนแส้มังกรฟ้าสยบเทพ มังกรสีทองปรากฏตัวขึ้นที่ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว กลายร่างเป็นเงาแส้ ฟาดลงไปที่วิญญาณดั้งเดิมของเขาอย่างรุนแรง