เล่มที่ 34 เล่มที่ 34 ตอนที่ 1011 ทักษะการแพทย์ของภรรยาข้า ท่านยังไม่เชื่ออีกหรือ?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ทว่าไม่นาน ทั้งสามก็พบคราบเลือดจำนวนมากอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พบเศษผ้านั้น

ขณะที่ซูจิ่นซีเดินไปตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพบว่าเลือดนั้นมีพิษ

“มีคนได้รับพิษ! ”

“ทว่าระบบถอนพิษกลับไม่ส่งสัญญาณแจ้งเตือน”

“หรือว่าระบบถอนพิษจะมีปัญหาในขณะที่ปรับเพิ่มระดับ? ”

“เป็นไปไม่ได้! ” ซูจิ่นซีมั่นใจอย่างมาก “พิษที่หลงเหลือนั้นสามารถตรวจพบได้ ทว่ามีเพียงพิษที่ชาวแคว้นไหวเจียงใช้ในครั้งนี้เท่านั้นที่ไม่สามารถตรวจพบได้”

ทั้งหมดนี้ได้ยืนยันการคาดเดาของซูจิ่นซีก่อนหน้านี้ว่า แคว้นไหวเจียงต้องมีผู้มีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแน่นอน

ทว่าน่าสะพรึงกลัวเพียงใดนั้น ซูจิ่นซียังไม่มั่นใจมากนัก

ทุกคนเดินเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ เลือดบนพื้นก็ยิ่งมากขึ้น

ภายในใจของเยี่ยโยวเหยาและเสวียนเจิ้นจื่อรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ไม่ว่าผู้นำทั้งสี่คนใดได้รับบาดเจ็บ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการเห็น

ทว่าซูจิ่นซีสังเกตเลือดบนพื้นแล้วพูดขึ้นว่า “อาจมีคนได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งคน”

ทั้งสองตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก

โชคดีที่ทั้งสามเดินทางได้อย่างราบรื่น ไม่ช้าก็เดินมาถึงปลายทางอีกด้านของเส้นทางลับ

เมื่อออกจากทางลับนี้ก็เป็นยอดเขาอีกแห่งบนเขาคุนหลุน ยอดเขานี้สูงชัน ทว่าไม่ใหญ่มาก จึงสามารถมองเห็นอีกฝั่งได้ ตรงกลางมีแท่นบูชาสูงซึ่งแขวนกระบี่วิเศษ

รอบๆ กระบี่มีแสงเปล่งประกาย เมื่อมองดูก็รู้ว่าเป็นกระบี่วิเศษชั้นเลิศแน่นอน

ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งสามเพิ่งออกมาจากทางลับ กระบี่เฟิ่งอวี่ในอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีก็เกิดการเคลื่อนไหวและเริ่มคลุ้มคลั่งอย่างควบคุมไม่ได้ มันอยากออกมาข้างนอก

ซูจิ่นซีจึงพลิกฝ่ามือเรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น

รอบๆ กระบี่เฟิ่งอวี่เปล่งประกายเช่นกัน แสงสว่างรอบๆ กระบี่ยาวที่แขวนอยู่บนแท่นบูชาเหมือนจะลดความสว่างลงเล็กน้อย

“ที่แท้… นี่คือกระบี่ยวี่หลงในตำนาน” เสวียนเจิ้นจื่อพูดจบ สายตาก็จับจ้องไปที่กระบี่เฟิ่งอวี่ในมือของซูจิ่นซีอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ

“นี่คือกระบี่เฟิ่งอวี่ใช่หรือไม่? ตำนานเล่าว่ากระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่ยวี่หลงล้วนเป็นกระบี่วิเศษสองเล่มที่มีพลังวิเศษมากที่สุดของสำนักกระบี่คุนหลุน ทว่ากระบี่ทั้งสองเล่มนั้นได้สูญหายไปเมื่อหลายพันปีก่อน เหตุใดจึงตกอยู่ในมือของพี่สะใภ้ได้? ”

ตอนนั้นเป่ยถังเย่ไปที่แคว้นหนานหลีเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมซิ่งหลิน จึงมอบกระบี่เฟิ่งอวี่ให้นาง เรื่องก็เป็นเช่นนี้

ซูจิ่นซีมองกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือของตนเอง และอธิบายว่า “ตอนนั้นพวกเราอยู่ในแคว้นหนานหลีซึ่งจัดการแข่งขันซิ่งหลิน เวลานั้นเป่ยถังเย่ก็เข้าร่วมแข่งขันและนำกระบี่นี้ออกมา เขาพูดเพียงว่าในใต้หล้ามีเพียงผู้เดียวที่สามารถดึงกระบี่นี้ออกจากฝักได้ ข้าดึงกระบี่ออกจากฝักได้ เป่ยถังเย่จึงมอบกระบี่นั้นให้ข้า นอกจากนี้ ข้าก็ไม่รู้”

เสวียนเจิ้นจื่อมองเยี่ยโยวเหยา ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาดูเฉยเมย ไม่พูดอันใด

อย่างไรก็ตาม เสวียนเจิ้นจื่อไม่ได้ถามอันใดอีก เขามองไปที่กระบี่ยวี่หลงซึ่งแขวนอยู่เหนือแท่นบูชา

“ความจริงมีตำนานเล่าว่า มีเพียงราชินีแห่งใต้หล้าจึงสามารถดึงกระบี่เฟิ่งอวี่ออกจากฝักได้ ไม่เพียงเท่านั้น ความจริงแล้ว กระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่ยวี่หลงเป็นกระบี่วิเศษคู่ชายหญิง ทว่าพลังกระบี่ยวี่หลงน่าจะแข็งแกร่งกว่ากระบี่วิญญาณทั่วไป และต้องเป็นผู้ที่มีดวงชะตาโอรสมังกรจึงจะสามารถกำราบมันได้”

ผู้ที่มีดวงชะตาโอรสมังกร?

ซูจิ่นซีมองไปที่เยี่ยโยวเหยา

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะไม่สนใจกระบี่ยวี่หลงมากนัก เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “พวกเรารีบไปหาผู้นำทั้งสี่คนให้เร็วที่สุดเถิด! ที่นี่กว้างใหญ่ยิ่งนัก พวกเขาน่าจะอยู่ละแวกนี้ พวกเราแยกกันตามหา”

“ตกลง! ” ซูจิ่นซีและเสวียนเจิ้นจื่อตอบรับ

แม้เยี่ยโยวเหยาจะพูดว่าแยกกันตามหา เขากลับไม่ได้บอกว่าจะแยกกับซูจิ่นซี ทันทีที่พูดจบ เขาก็คว้ามือของซูจิ่นซีและเดินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

เสวียนเจิ้นจื่อเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีจับมือกันพลางตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ

คราบเลือดในทางลับก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ทว่าหลังจากซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาค้นหาอยู่ครู่หนึ่งก็พบคราบเลือดอีกครั้ง

คาดว่าผู้นำทั้งสี่มีการปกปิดร่องรอยคราบเลือดทั้งหมด ทว่ามีร่องรอยมากเกินไป จึงถูกซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาค้นพบเบาะแส ในไม่ช้า เยี่ยโยวเหยาก็ส่งสัญญาณบอกเสวียนเจิ้นจื่อ เสวียนเจิ้นจื่อจึงตามมาสมทบกับเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด… คราบเลือดนั้นก็พาทั้งสามไปยังถ้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก

เยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และเสวียนเจิ้นจื่อ ต่างชำเลืองมองตากันแล้วก้าวเข้าไปในถ้ำ

ทว่าเพิ่งจะเดินเข้าไป เสียง ‘ชริ้ง! ’ ก็ดังขึ้น และมีแสงเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากด้านข้าง ตามด้วยเสียง ‘ชริ้ง’ ที่ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ลำแสงเย็นเยือกทั้งสองกำลังคุกคาม พุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาซึ่งกำลังเดินอยู่ด้านหน้า

ทว่าในไม่ช้า เสวียนเจิ้นจื่อที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เห็นผู้ที่ปล่อยลำแสงเย็นเยือกนั้นอย่างชัดเจน

“อาจารย์อาเสวียน อาจารย์อาหลิง อาจารย์อาเฉา หยุดลงมือ ศิษย์พี่เยี่ยและพี่สะใภ้เป็นพวกเดียวกัน”

ผู้นำทั้งสามโจมตีช้าลงเล็กน้อย และเมื่อมองดูอย่างละเอียดจนเห็นชัดเจนว่าเป็นเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี จึงรีบเก็บกระบี่ยาวในมืออย่างรวดเร็ว

“โยวเหยา? โยวเหยา เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ” เสวียนชิง ผู้นำเทียนเสวียนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

เยี่ยโยวเหยารีบเก็บกระบี่ในมือโดยเร็ว “โยวเหยาคำนับอาจารย์อาทั้งสาม”

แม้ซูจิ่นซีจะไม่ได้พูดอันใด ทว่านางคำนับผู้นำทั้งสามตามเยี่ยโยวเหยา เพียงสถานการณ์คับขัน ทั้งสามจึงไม่ได้สนใจซูจิ่นซีมากนัก

“อาจารย์อาทั้งสาม พวกท่านได้รับบาดเจ็บหรือ? ” เสวียนเจิ้นจื่อถาม

เสวียนชิงผู้นำเทียนเสวียนกล่าวว่า “อาจารย์อาชื่อหงของเจ้าและอาจารย์อาเฉาเซิงได้รับบาดเจ็บ ทว่าอาการบาดเจ็บของชื่อหงนั้นรุนแรงที่สุด ตอนนี้ยังไม่ได้สติ”

เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซี “ซีเอ๋อร์ อาการบาดเจ็บของอาจารย์อาทั้งสองต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

ซูจิ่นซีพยักหน้าและก้าวไปอยู่ด้านหน้าของอาจารย์อาเฉาเซิง ผู้นำผาเฉาหยาง “อาจารย์อาโปรดยื่นมือออกมา ขอให้ข้าตรวจดูอาการ”

เฉาเซิงไม่ได้ยื่นมือออกมาทันที เขามีท่าทีลังเลเล็กน้อย “เจ้าคือผู้ใด? ”

เสวียนชิงและหลิงอวิ๋น ผู้นำที่เหลือทั้งสองต่างมองซูจิ่นซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

เยี่ยโยวเหยากำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่าเสวียนเจิ้นจื่อกลับพูดขึ้นก่อนว่า “อาจารย์อาทั้งสาม นี่คือพระชายาของศิษย์พี่เยี่ย”

ดังนั้น ทั้งสามจึงมองซูจิ่นซีด้วยสายตาที่เคร่งขรึมมากขึ้น

หลิงอวิ๋นผู้นำหอคัมภีร์ฉางซู ลูบเคราแผ่วเบาและกล่าวว่า “ได้ยินมาว่า โยวเหยาอภิเษกสมรส พระชายาซูมีรูปโฉมสง่างามและโดดเด่น วิชาการแพทย์และวิชาพิษของนางยิ่งสูงส่งไร้เทียมทาน”

ผู้นำเทียนเสวียนลูบเคราด้วยใบหน้าที่พอใจ “อืม… เป็นจริงดั่งคาด… ดีมาก… ดีมาก! ”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ซูจิ่นซีก็จับชีพจรให้เฉาเซิง ท่าทางการแสดงออกนั้นจริงจังมาก

ครู่หนึ่งนางจึงปล่อยมือ จากนั้นก็พลิกฝ่ามือ มีขวดยาสีม่วงอ่อนปรากฏอยู่ในฝ่ามือ นางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้เฉาเซิง

“อาจารย์อา รับประทานยาเม็ดนี้ก่อนเถิด”

เฉาเซิงไม่สงสัยในตัวเยี่ยโยวเหยา ย่อมต้องเชื่อใจซูจิ่นซี เขาจึงรับประทานยาโดยไม่ถามสิ่งใดอีก

ซูจิ่นซียื่นยาในมือให้เขา “นี่มียาหกเม็ด รับประทานวันละหนึ่งเม็ด หลังจากนั้นนั่งสมาธิและปรับลมปราณจนกว่าจะรับประทานยาหมด”

พูดจบ นางก็เดินเข้าไปในถ้ำ

สีหน้าของเฉาเซิง ผู้นำแห่งผาเฉาหยางดูงุนงง “เท่านี้เองหรือ? ”

เยี่ยโยวเหยาตามซูจิ่นซีเข้าไปด้านใน เขาหยุดฝีเท้าเมื่อเดินไปถึงข้างกายเฉาเซิง “ทักษะการแพทย์ของภรรยาข้า อาจารย์อายังไม่เชื่ออีกหรือ? ”

ร่ำลือกันว่าพระชายาโยวอ๋อง ซูจิ่นซี เป็นศิษย์โดยตรงของคุณชายจิ่วเจ้าสำนักแพทย์เทียนอี ซึ่งเป็นศิษย์เพียงคนเดียวและมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ เป็นผู้นำในสำนักแพทย์เทียนอี ดังนั้นจึงเชื่อถือได้

ทว่า…