หลังจากที่ยอดเขาเต๋าเทวะเคลื่อนไหวแล้ว ทางด้านของจักรพรรดินีฟีนิกซ์ก็กำลังอยู่ในระหว่างการครุ่นคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอายังไงดี
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก นางจึงตัดสินใจเรียกฟีนิกซ์สีขาวตนหนึ่งเข้ามาหาและพูดว่า “เผ่าของเราที่อยู่โลกเบื้องล่างกำลังต้องการความสามารถฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าในการแก้ปัญหาให้กับพวกเขา เจ้าจงสร้างร่างแยกของเจ้าขึ้นมาอีกร่าง ข้าจะส่งร่างแยกของเจ้าลงไปที่โลกเบื้องล่างนั่น แต่ว่าตอนนี้ไอ้เจ้าฆาตกรเฒ่านั่นก็อยู่ที่โลกเบื้องล่างเหมือนกันแถมเขายังมีความสัมพันธ์กับภูเขาฟีนิกซ์ของเราอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าหากเจ้าเจอกับเขาและคำสั่งของเขาไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตามคำสั่งของเขาสักหน่อย และอีกอย่างลูกสาวของข้าก็อยู่ที่โลกเบื้องล่างด้วย เจ้าเองก็ช่วยดูแลนางแทนข้าด้วยกันแล้วกันเมื่อเจ้าพบกับนาง”
ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “ไม่ต้องกังวลฝ่าบาท ข้าจะพยายามทนเขาให้ได้ตามที่ท่านสั่ง ส่วนองค์หญิงข้าจะดูแลนางให้ดีที่สุดถึงแม้ว่าข้าจะต้องแลกด้วยร่างแยกของข้าก็ตาม”
“ดีมาก!” จักรพรรดินีฟีนิกซ์พยักหน้า
จากนั้นนางก็ส่งร่างแยกของฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ลงไปยังโลกเบื้องล่างทันที
ราชันแห่งมวลมนุษย์นั่งคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาส่ายหัวและพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่ล่ะ ข้าคงไม่จำเป็นต้องส่งใครลงไปหรอก!”
จากนั้นกองกำลังฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงก็พากันตัดสินใจคล้าย ๆ กับราชันแห่งมวลมนุษย์ ซึ่งก็คือไม่ส่งใครลงไป
ในทางกลับกัน เผ่าอสูรกลับเรียกรวมตัวกันอย่างเร่งด่วน หนึ่งในอสูรระดับสูงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ที่แท้ไอ้สารเลวเฒ่านั่นก็อยู่โลกเบื้องล่างนี่เอง ข้าก็สงสัยมาตลอดว่าทำไมไม่เห็นมันโผล่หัวออกมาตั้งนานแล้ว! แต่ก็ดีในเมื่อมันอยู่โลกเบื้องล่างงั้นการส่งมันไปเกิดใหม่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายหน่อย ถึงแม้ว่ามันจะฆ่าไม่ตาย แต่การได้เห็นมันเกิดใหม่สักร้อยรอบติดกันมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกดี!”
“ข้าว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก อย่างน้อย ๆ ไอ้พวกที่อยู่ในตำหนักไร้หทัยมันคงต้องเข้าแทรกแซงแน่ ๆ” หนึ่งในอสูรออกความเห็น
“พวกมันแทรกแซงแล้วยังไง? พวกมันกล้าบุกมาถึงที่นี่รึเปล่าล่ะ? เหอะ! เอาล่ะพวกเรามาร่วมมือกันส่งอสูรของพวกเราลงไปดีกว่า พวกเราต้องคัดเลือกพวกสำเร็จเต๋าที่มีความแข็งแกร่งสูง ๆ หน่อยลงไปหรือถ้าจะให้ดีเอาที่มีความสามารถเทียบเท่าความแข็งแกร่งขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญเลยยิ่งดี และต้องส่งลงไปเยอะ ๆ เพื่อบดขยี้พวกมนุษย์คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างล่างนั่นด้วย!”
“เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นพวกเราส่งสมาชิกของเราลงไปสัก 12 ตนก็แล้วกัน ด้วยจำนวนเท่านี้มันน่าจะเพียงพอที่ที่จะทำให้พวกมนุษย์ที่อยู่โลกเบื้องล่างมันถอยได้แน่”
จากนั้นด้วยความร่วมมือกันของเผ่าอสูรทุกเผ่า อสูรซึ่งมีความแข็งแกร่งเกือบจะถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ12ตนก็ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างอย่างปลอดภัย
ในเวลาเดียวกันกองกำลังฝ่ายต่างๆของโลกเบื้องบนก็เริ่มส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาลงไปยังโลกเบื้องล่างเช่นกัน ส่งผลให้จู่ ๆ ที่โลกเบื้องล่างมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากมายปรากฏตัวขึ้นเพิ่ม
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขายังคงง่วนอยู่กับการปรับแต่งศพยักษ์เทวะทั้งสี่อย่างใจจดใจจ่อ
หลังจาก 3 ปีการปรับแต่ง ในที่สุดศพยักษ์เทวะทั้งสี่ก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานสำหรับการสู้รบ
เมื่อเสร็จจากการปรับแต่งศพยักษ์เทวะทั้งสี่ หลิงตู้ฉิงจึงเรียกโจวจื่อซินให้เข้ามาหาและพูดว่า “ตอนนี้ข้าเตรียมพร้อมทุกอย่างหมดแล้ว ข้าจะพาเจ้าเดินทางไปที่ภูมิภาคอี้ซางด้วยกันกับข้า”
ในขณะนี้โจวจื่อซินคือคนเดียวในครอบครัวที่ปัญหาการบ่มเพาะของนางยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งการที่จะแก้ไขได้นั้นหลิงตู้ฉิงจะต้องพานางไปที่ภูมิภาคอี้ซางเพียงอย่างเดียว
“ท่านพ่อ รอบนี้ท่านก็คงไม่พาข้าไปด้วยอีกแล้วใช่ไหม?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ถูกต้อง นอกจากซินแล้วพ่อจะไม่พาใครไปอีก”
หลงเฉินรีบถามขึ้นเช่นกัน “นายท่าน ถ้าหากข้าไม่ไปแล้วใครจะลากรถให้ท่าน?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ จากนั้นเขาปล่อยศพยักษ์เทวะทั้งสี่ออกจากแหวนมิติและพูดว่า “เจ้าพวกนี้จะพาข้าไปเอง แถมความเร็วของพวกมันยังเร็วกว่าเจ้าซะอีก”
หลงเฉินได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เหตุผลที่เขาอยากจะไปด้วยก็เพราะเขารู้ดีว่าการติดตามหลิงตู้ฉิงออกไปนั้นมันหมายถึงเขาจะได้รับประโยชน์ระหว่างทางแน่นอน แต่น่าเสียดายที่รอบนี้เขากลับไม่ได้รับโอกาส
อันที่จริงหากเป็นไปได้ หลิงตู้ฉิงก็อยากจะพาทุก ๆ คนไปเหมือนกัน แต่ว่าด้วยความแปลกประหลาดของภูมิภาคอี้ซาง เขาจึงไม่อาจพาใครไปด้วยได้
หลังจากร่ำลาครอบครัวของเขาเองเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงออกเดินทางทันทีโดยใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปที่สำนักดาบสวรรค์เป็นที่แรก เพราะอาณาเขตที่สำนักดาบสวรรค์ตั้งอยู่มันอยู่ใกล้กับภูมิภาคอี้ซางมากที่สุด
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมาเยือนอีกครั้ง หัวเฉียนฟาง เจ้าสำนักดาบสวรรค์รีบออกมาต้อนรับด้วยตัวเองทันที เขารีบโค้งคารวะและพูดว่า “ผู้เยาว์ขออภัยผู้อาวุโสด้วยจริง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์ไม่ได้ต้อนรับผู้อาวุโสให้สมเกียรติ ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์ไม่ทราบจริง ๆ ว่าผู้อาวุโสเป็นใคร โปรดผู้อาวุโสให้อภัยความโง่เขลาของผู้เยาว์ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นผู้เยาว์ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสจากก้นบึ้งหัวใจที่ท่านมอบเคล็ดวิชาดาบราชวงศ์ให้กับสำนักของผู้เยาว์ ซึ่งมันทำให้สำนักดาบสวรรค์สามารถพัฒนาไปได้อีกระดับหนึ่ง”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ทั้งหมดนั้นถือว่าเป็นวาสนาของเจ้าเอง เจ้าไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกับข้ามากนักหรอก”
หัวเฉียนฟางยังไม่คงไม่กล้าทำตัวตามสบาย เขายังพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีเคารพ “ผู้อาวุโส ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าเหตุผลที่ท่านมาที่นี่เพราะต้องการให้พวกข้ารับใช้สิ่งใด?”
“ไม่มีหรอกข้าแค่ผ่านทางมาก็เท่านั้น” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาล่ะข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินเดินออกจากสำนักดาบสวรรค์ หลิงตู้ฉิงก็เรียกศพยักษ์เทวะตัวที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา และขยายร่างของมันให้สูงขึ้นราว 300 เมตร จากนั้นหลิงตู้ฉิงและ โจวจื่อซินจึงกระโดดขึ้นไปยืนบนไหล่ของมัน และออกคำสั่ง “ออกเดินทาง!”
ศพยักษ์เทวะเกร็งกล้ามขาของมันทันที จากนั้นมันกระโดดพุ่งขึ้นไปบนฟ้าราวกับว่ามันเป็นลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนูมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก
หัวฉียนฟางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว
ในตอนนี้ทุกสำนักหรืออาณาจักรที่มีอยู่บนโลกได้รู้แล้วว่าแท้จริงหลิงตู้ฉิงเป็นใคร ซึ่งมันทำให้หัวเฉียนฟางอดรู้สึกขนลุกไม่ได้เมื่อเขานึกไปถึงตอนที่เขาได้เจอกับหลิงตู้ฉิงครั้งแรก ซึ่งมันนับได้ว่าเขาโชคดีมาก ๆ ที่ในตอนนั้นเขาต้อนรับขับสู้หลิงตู้ฉิงเป็นอย่างดีจนท้ายที่สุดเขาได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงมา
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงนั่งอยู่บนไหล่ของศพยักษ์เทวะ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกบที่กระโดดไปเรื่อย ๆ แต่ว่าทุกครั้งที่มันกระโดดนั่นหมายถึงมันสามารถข้ามผ่าน 1 อาณาเขตไปได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งความเร็วระดับนี้แม้แต่หลงเฉินก็ไม่มีทางเทียบได้
จากนั้นเมื่อครึ่งปีผ่านไป ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เดินทางมาจนถึงรอยต่อที่จะข้ามไปยังภูมิภาคอี้ซาง ซึ่งเหวมรณะบริเวณนี้มีความกว้างมากกว่าเหวมรณะปกติหลายเท่าตัว
“สามี พวกเราจะไม่ใช้ศพยักษ์เทวะพาเราข้ามไปงั้นเหรอ?” โจวจื่อซินถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“เหวมรณะที่แบ่งภูมิภาคอี้ซางออกจากภูมิภาคอื่น ๆ นั้นมีความกว้างมากกว่าที่อื่นเป็นอย่างมาก ความกว้างของมันมีระยะพอ ๆ กับเอาอาณาเขต 2 อาณาเขตมาต่อกัน ซึ่งระยะกระโดดของศพยักษ์เทวะนั้นไม่ได้ไกลถึงขนาดนั้น หากเราใช้มันกระโดดไป พวกเราทั้งหมดคงตกลงไปยังก้นเหวกันหมด” หลิงตู้ฉิงอธิบาย
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงพาโจวจื่อซินบินข้ามเหวมรณะไปด้วยตัวเอง
แต่แล้วหลังจากบินไปได้ไม่ไกลนัก หลิงตู้ฉิงก็ต้องหยุดลงเพราะจู่ ๆ กลับมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 4 คนปรากฏกายขึ้นขวางทาง แถมหนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นสูงสุด!