ตอนที่ 1143 ความแข็งแกร่งของเฉียนซี

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นายน้อยมังกรอัคคีกล่าวว่า “พวกเขาไม่ใช่คนนอก แต่เป็นท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงของข้า แม้ว่าข้าจะยังไม่ได้คารวะเป็นอาจารย์ก็ตาม”

หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีรู้สึกแปลก ๆ แล้ว เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าอารมณ์ของเด็กคนนี้มันเป็นเช่นไรกันแน่!

ต้องการคารวะเขาเป็นอาจารย์ ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

ทันทีที่หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีตรวจสอบพวกเขา เขาก็ตกตะลึงขึ้น “พวกเจ้า พวกเจ้าไม่ใช่เผ่ามังกร! มนุษย์ พวกเจ้าเป็นมนุษย์!”

นายน้อยมังกรอัคคีได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์จะเป็นมนุษย์ไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง?”

“มนุษย์อย่างพวกเจ้ามาปรากฏในแดนมังกรของข้าได้อย่างไร”

ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่สวมชุดสีแดงเพลิง รอบตัวลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

นายน้อยมังกรอัคคีค่อนข้างดื้อรั้น สิ่งที่เขาเชิดชูคือความแข็งแกร่ง ขอเพียงแค่ต่อสู้เอาชนะเขาได้ จะใช่เผ่ามังกรหรือไม่นั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ท่านพ่อ ใจเย็น ๆ ก่อน พวกเขามาจากเผ่ามังกรไม้ น่าจะ…น่าจะไม่ใช่คนเลวร้ายอันใด”

“เจ้าเด็กโง่ คนดีคนเลว เพียงมองแค่ภายนอกก็ดูออกแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“ข้ายืนยันได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลว” ในตอนนี้เอง น้ำเสียงของเฮยเย้าก็ดังขึ้น

มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาเท่านั้นที่จะอยู่ในสายตาของมังกรอัคคี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กอย่างเฮยเย้า

แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังการกดขี่ข่มเหงที่คุ้นเคยของเผ่าราชาที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น และได้เห็นดวงตาสีทองคู่นั้น พวกเขาก็ตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

“มังกรทอง สายเลือดของเผ่าราชา!”

นายน้อยมังกรอัคคีกล่าวด้วยความตกใจว่า “เจ้าตัวเล็กนี่เป็นมังกรทองจริง ๆ เหรอ เหตุใดถึงได้อ่อนแอและตัวเล็กเช่นนี้”

นายน้อยมังกรอัคคีสนใจเพียงแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขากล่าวขึ้นว่า “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเผ่ามังกรทองยังจะมีลูกหลานหลงเหลืออยู่ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าก็จะเชื่อ พวกเจ้าตามข้ามาเถอะ!”

หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีพาพวกเขาไปที่วังมังกรอัคคี หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวว่า “ไปเชิญเหล่าผู้อาวุโสมา”

“ขอรับ!”

“มังกรทอง!”

“มังกรทองมาแล้ว!”

“เกาะราชามังกรถูกปิดไปแล้ว มังกรทองมาหาเผ่ามังกรอัคคีของข้า เกรงว่าจะ…!”

ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรอัคคีที่ถูกเชิญมาเหล่านั้นมองไปที่เฮยเย้าอย่างพิจารณาและต่างพากันสนทนากัน

เฮยเย้าเอาป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งออกมาและกล่าวว่า “เผ่ามังกรไม้ได้มอบป้ายคำสั่งให้ข้าแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวของเผ่ามังกรอัคคีของพวกเจ้าแล้ว”

หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าหนู นิสัยของเจ้าไม่ค่อยจะดีเลย ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้ทุกเมื่อตามต้องการ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า”

เฮยเย้ากล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องเปิดเกาะราชามังกร”

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรอัคคีกล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้าบอกว่าต้องเปิดเกาะราชามังกร แล้วมรดกที่สืบทอดในความทรงจำของเจ้าได้บอกถึงสาเหตุในการปิดเกาะราชามังกรกับเจ้าหรือไม่?”

“เพราะว่าเกาะราชามังกรมีตัวประหลาดที่แข็งแกร่งมากตัวหนึ่งจะทำลายผนึกนั้นได้”

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร?”

“ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้ว่ามันแข็งแกร่งมาก และมันอาจจะทำลายเผ่ามังกรทั้งหมดได้ แต่ข้าต้องทำ” เฮยเย้ากำหมัดแน่น

อายุน้อยเช่นนี้กลับมีความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก

หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวว่า “เผ่ามังกรอัคคีของพวกเราไม่ลืมสัญญาในครานั้น!”

“มังกรเผ่ามังกรอัคคีของพวกเขานั้นไม่เคยเกรงกลัวความตาย”

“แต่ว่า…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็หยุดชะงักลง และดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เฮยเย้า “หัวหน้าเผ่ามังกรไม้อ่อนโยนเกินไปแล้ว และดูเหมือนเขาจะไม่ได้บอกบางอย่างกับเจ้า! หากต้องการเปิดเกาะราชามังกร จะขาดกำลังของทั้งสี่เผ่าไม่ได้ แต่พลังของเผ่ามังกรทองก็ขาดไม่ได้เช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าเป็นมังกรทองเพียงคนเดียวที่อยู่นอกเกาะราชามังกร พลังอันน้อยนิดของเจ้าเช่นนี้ เจ้าจะร่วมมือกับพวกข้าเปิดเกาะราชามังกรได้อย่างไร”

มู่เฉียนซีก็ตกตะลึงขึ้น “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยเหรอ?”

“มังกรไม้ไม่ต้องการให้เจ้าหนูผู้นี้กระทบกระเทือนจิตใจจึงไม่ได้บอกเขา แต่ข้าจะบอกโดยที่ไม่เกรงใจใด ๆ ทั้งสิ้น”

แสงสลัววาบผ่านดวงตาของเฮยเย้า และเขาก็กล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าไม่แข็งแกร่งพออย่างนั้นเหรอ?”

“ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นให้ได้”

หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลว ฝึกฝนต่ออีกสักหลายพันปีก็ได้แล้ว เจ้าสามารถเลือกอยู่ฝึกฝนที่เผ่ามังกรอัคคีของข้าได้”

“หลายพันปี!” เวลาหลายพันปีที่เผ่ามังกรสามารถรอได้ แต่คำสาปในร่างจิ่วเยี่ยนั้นไม่สามารถรอได้อย่างแน่นอน

เฮยเย้ารู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นร้อนใจ เขาจึงมองไปที่หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีและกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถรอนานเช่นนั้นได้!”

“นี่เจ้าต้องการเอาแต่ใจตัวเองจนทำให้เผ่ามังกรอัคคีของข้าดับสิ้นไปด้วยอย่างนั้นเหรอ เผ่ามังกรของพวกเราเป็นถึงเผ่าสัตว์เทพโบราณที่แข็งแกร่งเชียวนะ” หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาด

“ข้า…” เฮยเย้าก้มหน้าลง สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกระดูกของเขาไม่ยอมให้เขาดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองได้ มู่เฉียนซีก็ไม่ทำให้เขาต้องลำบากใจเช่นกัน นางกล่าวว่า “หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมามาได้เลย ว่าหากต้องการเปิดเกาะราชามังกรก็จะต้องให้มังกรทองมีความแข็งแกร่งถึงระดับใด ส่วนสัตว์ประหลาดที่ถูกผนึกบนเกาะราชามังกรตนนั้น พวกข้าสองคนจะช่วยแบ่งเบากำลังในการต่อสู้ให้พวกเจ้าแทนเฮยเย้าเอง”

“พวกเจ้า…” มังกรอัคคีเหล่านี้มองมาที่มนุษย์ทั้งสองอย่างพิจารณา

นายน้อยมังกรอัคคีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว “ใช่ ๆ! ท่านพ่อ มีอาจารย์ของข้าอยู่ด้วยพวกท่านยังจะต้องกลัวสิ่งใดอีก สัตว์ประหลาดนั่นนะเหรอ เพียงแค่อาจารย์ของข้าขยับนิ้วเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆ่าพวกมันได้แล้ว มันก็เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งก็เท่านั้น”

มุมปากของเหล่ามังกรอัคคีกระตุกขึ้น นายน้อย ท่านจะเลื่อมใสศรัทธาผู้แข็งแกร่งก็ไม่ได้มีปัญหาหรอกนะ แต่อย่าได้คุยโวโอ้อวดให้มากถึงเพียงนี้จะได้หรือไม่

นายน้อยไม่รู้หรอกว่าสัตว์ประหลาดบนเกาะราชามังกรนั้นมันแข็งแกร่งเพียงใด

“สาวน้อยอย่ารับปากเร็วเกินไป ทุกอย่างต้องให้ข้าทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก่อนถึงจะได้”

ที่นี่ไม่ใช่เกาะว่านเซินฉงที่จะสามารถขวางกั้นคัมภีร์หมื่นคำสาปได้ มู่เฉียนซีไม่ให้จิ่วเยี่ยลงมือแน่นอน

พลังวิญญาณของนางแผ่ซ่านออกมา และด้วยท่าทางที่ทรงพลังที่สุด นางจึงพุ่งเข้าใกล้หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคี

“ทดสอบความแข็งแกร่ง ข้าว่ามันไม่จำเป็นแล้วล่ะ เมื่อถึงตอนนั้นหากหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าก็คงหมองคล้ำ ตอนนี้แดนมังกรถูกล้อมรอบไปด้วยศัตรูทุกด้าน หากหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีได้รับบาดเจ็บสาหัสมันจะไม่ดีเอาได้ ข้าพูดถูกหรือไม่?”

น้ำเสียงของมู่เฉียนซีนั้นรุนแรงและแฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ซึ่งทำให้หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีตกตะลึงขึ้น

พลังวิญญาณที่กดขี่ข่มเหงอันทรงพลังนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะแผ่ซ่านออกมาจากสาวน้อยที่ดูเหมือนเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่ผู้นี้ มนุษย์วิปริตไปตั้งแต่เมื่อใดแล้ว

เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นทั่วทั้งหน้าผากของหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคี เขากล่าวเสียงขรึมว่า “การปรากฏตัวของพวกเจ้าเป็นตัวแปรของแดนมังกรของพวกเรา และอาจเป็นคนสำคัญที่มาเปลี่ยนแปลงเผ่ามังกรของพวกเราก็ได้ การทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเจ้า แค่ข้าดูด้วยตาก็เพียงพอแล้ว”

“มังกรทองน้อยเชื่อในตัวพวกเจ้า หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ก็เชื่อในตัวพวกเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อพวกเจ้าสักครั้ง”

นายน้อยมังกรอัคคีตบต้นขาขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อคิดได้เช่นนี้ก็ยอดเยี่ยมไปเลย ถ้าท่านถูกอาจารย์ของข้าทุบตีจนหน้าฟกช้ำดำเขียว ก้นลายขึ้นมา ต่อไปลูกก็คงต้องอับอายไม่มีหน้าอยู่ในแดนมังกรเป็นแน่”

นายน้อยมังกรอัคคีรู้ดีว่าหวงจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งมาก และจะเอาชนะท่านพ่อของตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา

สีหน้าของหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก! นี่ตกลงเป็นลูกใครกันแน่ รีบลากตัวไปไกล ๆ เลยนะ!

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ในเมื่อหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีเชื่อมั่นในตัวพวกเรา เช่นนั้นก็บอกเรามาเถอะว่าเฮยเย้าต้องแข็งแกร่งถึงระดับใดถึงจะเพียงพอ แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธีกัน”