บทที่622
แต่มีจริงรึเปล่า เรื่องนี้ไม่มีใครรู้
ตอนนี้ท่านหงห้ารู้สึกรำคาญเล็กน้อย ตบหน้าจางจื่อโจวแล้วด่าว่า:”มีแต่มึงที่พูดมาก ถ้าพูดมากอีก เชื่อไหมเดี๋ยวกูสลักตำนานเถิงหวางเก๋อให้?”
จากจื่อโจวถูกตบจนมึนงง ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงอีกเลย จึงได้แต่ร้องไห้ไป ทนกับคมดาบของหงห้าไป
เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสของปลายมีด ที่กรีดผิวหนังบนหน้าผาก และสัมผัสกับกะโหลก ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาแทบจะเป็นลม และมีเลือดไหลออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เขาไม่สามารถลืมตาได้เลย
ตอนนี้เขาเสียใจมากเหลือเกิน ถ้ารู้แบบนี้ ไม่ว่าอู๋ตงไห่จะให้เงินมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางมาฆ่าหงห้า……
น่าเสียดาย ที่ในโลกนี้ไม่มียาเสียใจให้กิน …
ตอนนี้ บอดี้การ์ดทั้งห้าของอู๋ตงไห่ล้วนกลายเป็นผลงานสลักตัวอักษรบนร่างกาย และใบหน้าทั้งห้าคนนั้นแย่มาก โดยเฉพาะคนสุดท้ายจางจื่อโจว ซึ่งสลักด้วยอักษรแปดตัวโดยตรง หน้าผากไม่พอ จึงต้องยืมใบหน้า ทั้งหน้าดูน่ากลัวมาก
ยิ่งไปกว่านั้น คำที่สลักไว้บนใบหน้าของพวกเขา ล้วนดูหมิ่นตระกูลอู๋ คาดว่าคนของตระกูลอู๋เห็นแล้ว จะระเบิดด้วยความโกรธ
จางจื่อโจวร้องถามว่า:”ท่านอาจารย์ ท่านปล่อยพวกเราไปได้หรือยัง?”
เย่เฉินพูดว่า:”ปล่อยไปได้แน่นอน แต่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนายช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญต่อไป ฉันต้องสั่งสอนพวกนายสักหน่อย!”
พูดจบ เย่เฉินก็จับคนตรงหน้า ทุบแขนสองข้างของเขาด้วยหมัดสองหมัด และคนที่เหลืออีกสองสามคนก็ทำเช่นเดียวกัน
ชั่วพริบตา แขนของคนเหล่านี้ทั้งหมดก็หักหมด
อนาคตถ้าอยากเป็นบอดี้การ์ด นักฆ่า อันธพาล ก็เป็นไม่ได้อย่างแน่นอน คงไม่มีใครจ้างคนพิการแบบนี้มาเป็นบอดี้การ์ด
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่พวกเขาจะทำร้ายสังคมต่อไปในอนาคต
ตอนนี้ทั้งห้าคนถูกทรมานจนเละ รู้สึกว่าถ้าหากถูกจับลงไปทอดในกระทะน้ำมันเดือด ยังสบายใจกว่าอยู่ที่นี่มาก
เย่เฉินไม่ใช่คนเลย! วิธีที่เขาทรมานผู้คนนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย……
ตอนนี้เย่เฉินลุกขึ้นด้วยความพึงพอใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า:”พวกนายทั้งห้าคน กลับไปฝากบอกอู๋ตงไห่และอู๋ซินว่า ถ้าอยากจัดการฉัน ก็มาได้เลย แต่ถ้ากล้ายุ่งกับคนรอบตัวฉัน งั้นฉันจะทำให้ทั้งตระกูลอู๋พังทลาย!”
ทั้งห้าคนรีบดิ้นรนลุกขึ้นด้วยขา และวิ่งออกไปจากเทียนเซียงฝู่ด้วยท่าทางที่น่าอับอาย
หลังจากทั้งห้าคนหนีไป หงห้าก็ถามเย่เฉินว่า:”อาจารย์เย่ คลิปรายการเล่นตลกของหลิวกว่างและหลิวหมิง คุณจะทำยังไงกับมันครับ?จะโพสต์ลงติ๊กต็อกตอนนี้รึเปล่าครับ?”
เย่เฉินโบกมือ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:”ไม่ต้องรีบ รออีกหน่อย ให้หลิวกว่างกับหลิวหมิงวิ่งไปสักพัก ไม่งั้นพอฉันโพสต์ ก็จะทำให้คนของตระกูลอู๋เห็นทันที ถ้าหากตระกูลอู๋ให้รางวัลสั่งให้ฆ่าพวกเขาทั้งสอง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาอาจจะไม่รอดในเช้าวันพรุ่งนี้และต้องไปหายมทูตแล้ว”
หงห้ารีบพูดว่า:”ตายแล้วไม่ดีกว่าเหรอครับ? สองคนนี้เป็นหมาให้ตระกูลอู๋ สมควรตายตั้งนานแล้ว!”
เย่เฉินยิ้มพูดว่า:”ถ้าไม่ได้ถ่ายคลิปนี้ การฆ่าพวกเขามันก็จะสบายใจที่สุด แต่ในเมื่อถ่ายคลิปนี้แล้ว การที่ให้พวกเขามีชีวิตรอดอยู่มันคงจะสบายใจที่สุด เพราะว่าขอแค่พวกเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลอู๋ก็จะถูกคนทั้งประเทศหัวเราะเยาะ และจะจมอยู่กับความเจ็บปวดของความอัปยศอดสูและความโกรธจนถอนตัวไม่ขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องให้หลิวกว่างและหลิวหมิงมีชีวิตอยู่! พวกเขาทั้งสองมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ถึงจะสนุก!”
หงห้าพยักหน้าทันที และพูดว่า:”ผมเข้าใจแล้ว อาจารย์เย่!”
หลังจากนั้นหงห้าก็ถามอีกครั้ง:”อาจารย์เย่ แล้วอู๋ตงไห่และกับอู๋ซินล่ะครับ?”
เย่เฉินดูเวลาและพูดว่า:”ฉันเดาว่าทั้งห้าคนนี้ ตอนนี้คงจะไปฟ้อง ด่าให้อู๋ตงไห่ฟังแล้ว แต่อู๋ตงไห่เป็นคนที่เลวมาก ถ้าเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาจะหนีไปอย่างแน่นอน บางทีอาจจะพาอู๋ซินกลับซูหางข้ามคืนด้วยซ้ำ”
หงห้าพูดออกมาว่า:”อาจารย์เย่ ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาทาง ห้ามปล่อยเสือเข้าป่าสิ!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า:”ปล่อยเสือเข้าป่าก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงตระกูลอู๋ก็ไม่ใช่มีเสือแค่สองตัว ปล่อยให้พวกเขากลับไปก่อน ถึงจะนำเสือออกมาให้มากขึ้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ หาโอกาส ฆ่าพวกมันให้หมดในคราวเดียว!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็ถามหงห้าว่า:”นายเคยได้ยินประโยคนี้ไหม?”
หงห้ารีบถามว่า:”อาจารย์เย่ ประโยคไหนครับ?”
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า:”ครอบครัวเดียวกัน อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมกันถึงจะดีไง!”