บทที่ 32 ข้อมูลวงใน
“ไอ้หยา ดูเหมือนข้าจะมาได้ถูกเวลาจริง ๆ” ซูเฉินหัวเราะคิกคักขณะที่มองไปยังตัวเลขที่แสดงอยู่เหนือปุ่มเปิดปิดเกราะป้องกันของเมืองล่องนภา
ว่าแล้วมือก็เอื้อมมือไปคว้าด้ามจับไว้ ด้ามจับเดียวกันกับที่แมวปีศาจเคยบังเอิญผลักเมื่อครั้งก่อน
เขาดึงมันลงโดยพลัน!
“ม่ายยย!!!” ช่างฝีมือเผ่าปักษาร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวัง
พลังงานจากแกนพลังงานแห่งซาร์คเริ่มลดฮวบลงในทันใด
สัญญาณเตือนภัยเริ่มแผดเสียงขณะที่กองทหารเผ่าปักษาขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังคนต้นเรื่อง
ซูเฉินยกมุมปากขึ้นส่งยิ้ม “อย่ารีบร้อนนักเลยน่า”
คลื่นพลังจิตไร้รูปร่างเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง ทหารเผ่าปักษาล้วนนิ่งงันและไม่อาจขยับเขยื้อนได้ในทันใด
“ต้องอย่างนี้สิ ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ไม่ใช่วันอวสานของพวกเจ้า” ขณะที่เขาพูด ก็แตะหน้าผากของชายช่างฝีมือแล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าไม่เคยเห็นมนุษย์คนใดที่นี่วันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่แกนพลังงานแห่งซาร์คทำงานผิดพลาดเนื่องจากการทำงานหนักเกินไปทำให้พลังงานระเบิดเท่านั้น”
“ข้าไม่เห็นมนุษย์คนใด แกนพลังงานแห่งซาร์คทำงานผิดพลาดเนื่องจากการทำงานหนักเกินไปทำให้พลังงานระเบิด…” ช่างฝีมือคนดังกล่าวพูดตามซูเฉินด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
“ให้ได้อย่างนี้สิ” ซูเฉินเผยยิ้มบางแล้วจึงหันไปมองยังเหล่าทหารเผ่าปักษา “พวกเจ้าก็ด้วย”
ความคิดนี้เริ่มแผ่ซ่านไปในความคิดของเผ่าปักษาทั้งหลายและบิดเบือนความทรงจำ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงเปิดสัญญาณเตือนภัยล่ะ?” ในตอนนั้นเอง แม่ทัพเผ่าปักษาคนหนึ่งรีบรุดเข้ามาพร้อมกับตะโกนใส่
ซูเฉินดึงเอากล่องสื่อสารออกมา
นี่คือสิ่งของที่นิกายไร้ขอบเขตมอบให้แก่เผ่าปักษาด้วยเช่นกัน และตอนนี้เขาก็กำลังใช้มันเพื่อติดต่อสื่อสารกับพวกเขา
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย เขาปิดเสียงสัญญาณเตือนภัยและตอบคำถาม “แกนพลังงานแห่งซาร์คทำงานหนักเกินไปและเกิดการระเบิดของพลังงานเมื่อครู่นี้ทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เกราะป้องกันจะใช้การไม่ได้ชั่วคราว”
คุณภาพของเสียงที่ถูกส่งผ่านไปโดยกล่องนั้นไม่ดีนัก ซึ่งก็คือเหตุผลที่ทำให้ซูเฉินกล้าพอจะตอบคำถามแทนพวกเขา
“อะไรนะ?” เสียงจากกล่องสื่อสารร้องลั่นด้วยความสิ้นหวัง เบื้องหลังเสียงนั้นคืออสูรคำรามลั่นและพลังงานที่ระเบิดออกอยู่ไม่ไกลออกไป
นี่เป็นข่าวใหญ่พอที่ทำให้เผ่าปักษาผู้ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าหมดเรี่ยวแรงอย่างแน่นอน
หลังจากที่เงียบไปสักพัก เสียงนั้นก็ตะโกนกลับมา “งั้นก็รีบซ่อมมันสิ!”
ซูเฉินกระโดดออกไปจากแกนพลังงานแห่งซาร์คและลูบพื้นผิวของมันเบา ๆ “พวกเรากำลังซ่อมอย่างสุดฝีมือเลยล่ะ”
“เจ้ารีบซ่อมมันเถอะ ยิ่งเจ้าช้า สหายของเราก็จะยิ่งตายมากขึ้น” เสียงของแม่ทัพเผ่าปักษาฟังดูราวกับจะร้องไห้
“นั่นแหละที่ข้าอยากได้ยิน” ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง
“อะไรนะ? ข้าไม่ได้ยิน”
“ข้าบอกว่า เพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่าปักษาแล้ว เราจะสู้อย่างไม่เกรงกลัว”
แม่ทัพเผ่าปักษาตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว เพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่าปักษา เราจะสู้อย่างไม่เกรงกลัว!”
เขามาหาหยงเยี่ยหลิวกวงและคุกเข่าลงเบื้องหน้าเขา “ฝ่าบาท เพราะแกนพลังงานแห่งซาร์คถูกใช้งานอย่างหนักมาเป็นเวลานาน…”
“ข้าได้ยินแล้ว” หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าว ใบหน้าของเขาดูแห้งเหี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหน
เหล่าสัตว์อสูรยังคงหลั่งไหลเข้ามาในเมือง แม้ว่าเผ่าปักษาจะจัดการพวกตนได้ มันก็ชัดเจนว่าพวกเขาไม่อาจเทียบเคียงศัตรูได้หากไร้ซึ่งการป้องกันของเมืองล่องนภา
“อ๊าก!!!”
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปในอากาศ ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 10 ตกอยู่ในกำมือของจักรพรรดิอสูรกายผู้ถือดาบรูปจันทร์เสี้ยวสีเงิน จักรพรรดิอสูรกายผู้นี้หัวเราะร่วนอย่างร่าเริงใจ
ความเสียหายเริ่มทับถมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เรายังยิงปืนใหญ่ได้ไหม?” หยงเยี่ยหลิวกวงถาม
แม่ทัพคนนั้นรีบออกคำสั่งไปยังแกนกลางก่อนที่จะส่ายใบหน้าอันซีดเผือดของตนไปมา
งั้นปืนใหญ่สังหารปีศาจก็ไม่อาจใช้ได้อีกแล้วเหมือนกันหรือ?
ของขวัญจากนิกายไร้ขอบเขตไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างเทพอสูร แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาลงมือนั้นช่างไร้ที่ติและก่อให้เกิดภยันตรายครั้งยิ่งใหญ่ต่อเมืองล่องนภาในทันทีทันใด
“ฝ่าบาท รีบคิดอะไรสักอย่างเถิด!” โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนก็เริ่มลุกลี้ลุกลนแล้วเช่นกัน
หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าวอย่างใจเย็น “ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ร่วงลงมาจนถึงจุดนี้แล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็มีแค่ให้กีฏมารดาระเบิดตัวเองเท่านั้น”
“ระเบิดกีฏมารดาหรือ?” โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนตะลึงงัน
จุดลอยแต่ละจุดใช้พลังงานจากหลากหลายแหล่ง พลังทำลายล้างที่จะเกิดขึ้นจากการระเบิดหนึ่งในนั้นจะทรงพลังเป็นอย่างมากกระทั่งเมืองล่องนภาก็อาจต้านทานไว้ไม่ไหว อย่าว่าแต่สัตว์อสูรเลย
กีฏมารดานั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่แกนกลางร่างของมันนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นพลังระเบิดของมันจึงไม่อ่อนด้อยไปกว่าเมืองดาราแห่งปักษาแม้แต่น้อย
และเพราะเมืองดาราแห่งปักษานั้นอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์กว่า หยงเยี่ยหลิวกวงจึงเลือกที่จะเสียสละกีฏมารดาก่อน
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนสั่นเทิ้ม “เรามาจนถึงจุดนี้แล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว” หยงเยี่ยหลิวกวงตอบอย่างเด็ดขาด
ในฐานะผู้ปกครองอาณาจักร การตัดสินใจของหยงเยี่ยหลิวกวงนั้นน่าประทับใจทีเดียว และในฐานะนักรบ เขาก็รู้ว่าจะต้องเสียสละสิ่งใดเมื่อไร
ข้างนอกเมืองล่องนภา
กีฏมารดาลอยอยู่บนท้องฟ้า แมลงแปลกประหลาดมากมายจะคืบคลานออกมาจากรูบนร่างกายของมันเป็นครั้งคราวและเข้าร่วมการโจมตีเหล่าสัตว์อสูร บางครั้งก็ดูเหมือนฝนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า
ในฐานะหนึ่งในจุดลอยที่ขนาบข้างเมืองล่องนภา กีฏมารดาก็ถูกโจมตีโดยอสูรด้วยเช่นกัน โชคยังดีที่ระบบการป้องกันของมันนั้นแยกออกไป พวกมันจึงไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย สัตว์อสูรเหล่านี้จะบุกฝ่ามาได้อย่างยากลำบากไปสักระยะหนึ่ง และเพราะเมืองล่องนภาดูแทบจะไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ อสูรส่วนมากจึงจดจ่ออยู่กับการโจมตีเมืองล่องนภาเสียมากกว่า แรงกดดันที่กีฏมารดาจึงไม่หนักหนามากนัก
แต่ถึงอย่างนั้น กีฏมารดาก็พึ่งจะได้รับคำสั่งให้ระเบิดตัวเอง
แม้ว่ากีฏมารดาจะเป็นป้อมปราการ มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตด้วย พูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือมันเป็นผลผลิตของการผสมผสานป้อมปราการเข้ากับสิ่งมีชีวิตนั่นเอง
กีฏมารดาโอดครวญด้วยความเศร้าโศกขณะที่มันมุ่งหน้าไปยังสนามรบช้า ๆ แม้ว่ามันจะไม่เต็มใจ มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เผ่าปักษาภายในกีฏมารดาก็เริ่มออกมาจากป้อมปราการและหลบหนีไปยังเมืองล่องนภา
“หืม?” ซูเฉินยังนั่งอยู่ในพื้นที่แกนกลางและมองดูความโกลาหลที่เกิดขึ้นราวกับเด็กช่างสงสัย เมื่อเขาสัมผัสบางสิ่งได้ในทันใด คิ้วคนก็เลิกขึ้นสูงขณะที่พลังจิตพลันแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วเขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกีฏมารดาอย่างรวดเร็ว
“งั้นพวกเขาก็ออกคำสั่งให้ระเบิดตัวเองแล้วสินะ เฮ้อ…” ซูเฉินรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
กีฏมารดาคือหนึ่งในไพ่ตายที่ดีที่สุดที่ชายหนุ่มเตรียมไว้จัดการกับเมืองล่องนภา แต่ตอนนี้การกระทำของเขากลับบีบบังคับให้หยงเยี่ยหลิวกวงออกคำสั่งระเบิดกีฏมารดาไปเสียแล้ว
หินที่ตนหยิบขึ้นมานั้นกลับหล่นทับเท้าของตนเสียอย่างนั้น
หากไร้ซึ่งคำสั่งเฉพาะจากตน กีฏมารดาก็จะไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของเผ่าปักษา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูเฉินก็ส่ายหัวไปมา “ข้าว่าเจ้าควรเมินคำสั่งนั้น”
กีฏมารดาส่งเสียงร้องด้วยความดีใจราวกับว่าโซ่ที่คล้องใจของมันมานานแสนนานได้ถูกคลายออก ความตื่นเต้นดีใจของมันถูกส่งต่อมายังหัวใจของซูเฉินราวกับว่ามันคือเด็กน้อยที่ได้พบพ่อผู้ห่างหายไปนานนม
“เกิดอะไรขึ้น?”
เหล่าแม่ทัพเผ่าปักษาที่ยืนอยู่เคียงข้างหยงเยี่ยหลิวกวงจ้องมองไปยังกีฏมารดาอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อครู่นี้มันกำลังบินมาหากองทัพอสูร แต่ตอนนี้มันกลับล่าถอยไปอย่างกะทันหัน
หนึ่งในแม่ทัพเผ่าปักษาออกคำสั่งอีกครั้ง “รีบบินมาที่นี่แล้วระเบิดตัวเองซะ!”
แต่คราวนี้ไม่มีเสียงตอบรับ กีฏมารดายังคงถอยกลับไป
เมื่อเขาพยายามบังคับมันให้ไปยังเหล่าอสูรเป็นครั้งที่ 3 ในที่สุดเขาก็ได้การตอบรับ
“มันปฏิเสธ! มันปฏิเสธคำสั่งของข้า!” แม่ทัพเผ่าปักษาตะโกนลั่นด้วยความสิ้นหวัง “มันบอกว่ามันไม่ยอมรับคำสั่งให้ระเบิดตัวเอง”
กระทั่งหยงเยี่ยหลิวกวงก็ตกตะลึงกับสิ่งนี้
พวกเขาได้ใช้หนึ่งในวิชาควบคุมที่ทรงพลังที่สุดที่มีไป เพื่อทำให้กีฏมารดาตกเป็นทาส แล้วทำไมกัน? ทำไมมันถึงยังปฏิเสธคำสั่งโดยตรงได้ล่ะ?
แต่ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องนี้มากนัก เพราะการที่กีฏมารดาถอยทัพนั้นหมายความว่าพวกเขาไม่มีการช่วยเหลือจากป้อมปราการ และคลื่นอสูรลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามาในเมืองก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หยงเยี่ยหลิวกวงหน้าถมึงทึง “เมืองดาราแห่งปักษาจะทำหน้าที่แทน”
แม่ทัพเผ่าปักษาทั้งหลายตกตะลึง
เมืองดาราแห่งปักษาถูกสร้างขึ้นด้วยหยาดเลือด หยาดเหงื่อ และหยาดน้ำตาของชาวเผ่าปักษาทั้งหลาย
แต่หลังจากการปฏิเสธของกีฏมารดา เวลาของมันก็มาถึงแล้ว
ไม่มีการก่อกบฏแล้วในคราวนี้ เมืองดาราแห่งปักษาพุ่งตรงมายังเหล่าอสูรอย่างไม่ลังเล
เมื่อซูเฉินเห็นดังนั้นก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น “งั้นคราวนี้เจ้าอยากจะลองใช้เมืองดาราแห่งปักษาสินะ? โชคไม่ดีนักที่ข้าไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จในวันนี้”
ว่าเสร็จก็ผิวปากออกมาทันที ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าก็บิดเบี้ยวไป ขณะที่พายุรุนแรงเริ่มพัดไปยังเมืองดาราแห่งปักษา ลมพายุนี้เปี่ยมไปด้วยพลังสูญปริมาณมหาศาล ม้าน้ำพลังสูญถูกเรียกใช้งานในคราวนี้
ความสามารถของม้าน้ำพลังสูญในการสร้างพายุพลังสูญนั้นอัศจรรย์ทีเดียว แต่พายุพลังสูญพวกนี้ไม่เพียงพอต่อการผลักป้อมปราการกลับไปอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้น เป้าหมายของการโจมตีก็ไม่ใช่การผลักป้อมปราการกลับไป แต่เพื่อสร้างหลุมดำพลังต้นกำเนิดเหนือเมืองดาราแห่งปักษาต่างหาก เมื่อเมืองดาราแห่งปักษาระเบิด หลุมดำนี้จะกลืนกินส่วนสำคัญของการระเบิดเข้าไปและลดประสิทธิภาพของมันลงมหาศาล เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หยงเยี่ยหลิวกวงคาดหวังแม้แต่น้อย
“ไอ้สารเลว!” กระทั่งหยงเยี่ยหลิวกวงก็เริ่มรู้สึกหมดหนทางด้วยแรงกดดันทั้งหลาย
แต่พริบตานั้นเอง เสียงแห่งพระเจ้าก็ดังลงมาจากสรวงสวรรค์
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่าปักษา!”
เสียงนี้ตามมาด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เริ่มส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทาง
ขณะที่แสงเริ่มสาดส่องลงมายังเผ่าปักษา บาดแผลของพวกเขาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและพลังต้นกำเนิดสำรองก็ถูกเติมเต็ม ในทางกลับกัน เผ่าสัตว์อสูรเริ่มร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าพวกมันถูกแผดเผาทั้งเป็น
“วิชาแสงศักดิ์สิทธิ์ครอบจักรวาล!” หยงเยี่ยหลิวกวงพึมพำด้วยความงุนงง
เขาหันหลังไปพบกับร่างอันสง่างามร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นเหนือเมืองล่องนภา โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนนั่นเอง
ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง นางได้กลับไปยังนิกายแห่งพระแม่ และตอนนี้นางก็กำลังยืนอยู่เบื้องล่างรูปปั้นของพระแม่ขนาดยักษ์
รูปปั้นนี้เหมือนกับตัวที่ซูเฉินทำลายไปทุกประการ มันถูกซ่อมแซมแล้ว และตอนนี้มันก็กำลังเรืองแสงจาง ๆ ดูราวกับว่าแสงนี้กำลังให้พลังงานแก่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยน
“ไม่!” แต่เมื่อหยงเยี่ยหลิวกวงเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เขากลับกู่ร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
เขากลบฝังเสน่หาที่มีต่อโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ในตอนนี้ไม่อาจเก็บงำความรู้ไว้ได้อีกต่อไป เขาร้องลั่นทันที “อย่า!”
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนมองมายังหยงเยี่ยหลิวกวงแล้วจึงส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ก่อนที่จะชี้นิ้วขึ้นไปบนฟากฟ้า
การโจมตีจากนิ้วมือนี้ดูจะหายลับไปในหมู่เมฆราวกับว่ามันพลาดเป้าหมายไป
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงเห่าหอนแห่งความเจ็บปวดก็ระเบิดออกมาจากก้อนเมฆ มันคือม้าน้ำพลังสูญ
ราชันจักรพรรดิอสูรผู้แข็งแกร่งตนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยน ม้าน้ำพลังสูญไม่อาจทนอยู่ได้อีกต่อไปและถอยทัพกลับผ่านแดนพลังสูญในทันที
หลุมดำบนท้องฟ้าก็หายไปด้วยเช่นกัน
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนออกท่าทางและส่งเมืองดาราแห่งปักษาไปท่ามกลางเหล่าอสูรราวกับว่ากำลังดันมันไปข้างหน้า
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่าปักษา!”
หลังจากที่นางแผดเสียงอันเศร้าโศกนี้ออกมา เมืองดาราแห่งปักษาก็ระเบิดตัว
คลื่นพลังงานที่ทรงพลังและเข้มข้นอาบไปทั่วทั้งสนามรบ ทำให้อสูรทั้งหลายจมลงในคลื่นพลังงานแทบจะในทันที
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นดังนั้น
แสงศักดิ์สิทธิ์เริ่มจางหายไป และศีรษะโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนก็ห้อยพับลง
นางตายแล้ว
“แน่นอนว่าการยืมพลังศักดิ์สิทธิ์มาจากพระเจ้านั้นนำมาซึ่งราคาอันยิ่งใหญ่” ซูเฉินพึมพำ “การระเบิดตัวเอง… พลังศักดิ์สิทธิ์… เป็นอย่างที่คาดไว้สำหรับเผ่าพันธุ์ที่อยู่มานานกว่าหลายหมื่นปี ข้าไม่อาจนึกถึงไพ่ตายเหล่านี้ได้เลยหากไม่ได้ออกเดินทางครั้งนี้”
ขณะที่พูด ร่างของคนก็กะพริบและหายวับไป
เมื่อไร้ซึ่งสัตว์อสูรที่จะคอยปั่นป่วนเผ่าปักษาแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป