ถ้าหนึ่งในสองคนนี้ล่วงรู้ตรรกะดังกล่าว ต่อให้สุดท้ายจะลงเอยด้วยการไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่สิ่งที่เธอได้รู้ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสามารถที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
ผู้ที่เชื่อข้อมูลในหนังสือจนหูหนวกตาบอดจะไม่มีวันประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
ชายวัยกลางคนยังจงใจย้ำว่านี่คือเทคนิคการต่อสู้ที่เขาคิดค้นขึ้นเอง เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้นอีก ซึ่งทั้งคู่ก็หลงเชื่อ สุดท้ายก็จนมุมกับความคิดของตัวเอง
ชายวัยกลางคนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง เขากำลังจะประกาศจบการแข่งขันก่อนเวลา ก็พอดีกับที่มีบางสิ่งสะดุดตา เขาเลิกคิ้วและหันไปมองฉีชุนเอ๋อ
สีหน้ายู่ยี่ของเธอก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงมาก ถึงกับยิ้มได้ ดูเหมือนในที่สุดเธอก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว
“ดูเหมือนชุนเอ๋อจะยังเหนือชั้นกว่าหลิงเอ๋ออยู่ดี” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
ในฐานะนักรบคนหนึ่งที่อดทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้กว่า 1 ชั่วโมง แน่นอนว่าฉีชุนเอ๋อคืออัจฉริยะ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีแต่จะตอกย้ำความจริงข้อนั้น
จางเซวียนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เขาขมวดคิ้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ ฉีหลิงเอ๋อต้องแพ้แน่*…*
เห็นได้ชัดว่าฉีหลิงเอ๋อยังคงติดขัด และเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเธอยังศึกษาหัวใจของบททดสอบให้เข้าใจกระจ่างไม่ได้ จะต้องพ่ายแพ้แน่
ซึ่งถ้าเธอแพ้ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลสาบจันทร์กระจ่าง คงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว*!*
แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธจนได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่ทันทีที่ได้พบชายวัยกลางคน ก็รู้ทันทีว่าต่อให้พยายามใช้กำลังบุกเข้าไปในทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ราชันย์เทพเจ้าไร้เทียมทานเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว ต่อให้เขาใช้วิธีการบางอย่างเพิ่มพละกำลังของตัวเองได้อีก 10 เท่า ก็เทียบชั้นกับอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
แต่จะช่วยฉีหลิงเอ๋ออย่างเปิดเผยก็ไม่ได้
ทั้งคู่กำลังถูกสายตาเฉียบแหลมของราชันย์เทพเจ้าจับจ้อง และต่อให้เขาใช้โทรจิตสื่อสารกับเธอได้ อีกฝ่ายก็น่าจะรู้ และคงเพิกถอนคุณสมบัติของเธอทันที
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยนิสัยของฉีหลิงเอ๋อ เธอจะไม่ยอมพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงหากไม่มั่นใจว่าจะได้ชัยชนะ ซึ่งก็ออกจะประหลาดที่เธอเพลี่ยงพล้ำง่ายดายขนาดนี้
ฉีหลิงเอ๋อคือผู้ที่รู้คุณค่าของการเตรียมตัวและวางแผน เธอค้นคว้าหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนในทุกเรื่องที่เธอลงมือทำ เห็นได้จากวิธีการที่ใช้ขายยาเม็ดเพิ่มความงาม
และอันที่จริง เป็นเธอเองด้วยซ้ำที่ยื่นข้อเสนอให้มีการแข่งขัน แล้วจะจบแบบนี้ได้อย่างไร?
จางเซวียนงุนงง เขาพิจารณาฉีหลิงเอ๋ออย่างถี่ถ้วน แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เธอกำลังกระเสือกกระสนทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้นั้น
เขาจึงหันไปมองฉีชุนเอ๋อและเพ่งสมาธิ ข้อบกพร่อง*!*
หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏในหัว
เพราะฉีชุนเอ๋อกำลังฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ การประมวลหนังสือของเธอจึงทำได้ง่าย
จางเซวียนพลิกหน้าหนังสือเพื่ออ่านรายละเอียด
อะไรกัน*…*
หลังจากเก็บรายละเอียดทั้งหมด หน้าผากของจางเซวียนย่นเป็นร่องลึกทันที
ฉีหลิงเอ๋อมองฉีชุนเอ๋อไม่ผิด-อีกฝ่ายยังคงไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของชายวัยกลางคนเช่นกัน!
แต่สิ่งที่ฉีหลิงเอ๋อไม่รู้ก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฉีชุนเอ๋อจะได้รับความช่วยเหลือ
แม้การปกปิดอะไรสักอย่างจากสายตาที่เฉียบแหลมของราชันย์เทพเจ้าจะทำได้ยาก แต่ฉีชุนเอ๋อก็กำลังทำอยู่
เป็นเพราะ ‘ความช่วยเหลือ’ ที่ทำให้เธอสามารถฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้นั้นได้ และเป็นไปได้ว่าผู้ที่ช่วยเธอก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัจฉริยะผู้โด่งดังที่ฉีหลิงเอ๋อเคยพูดถึง, ฉีเยว่!
มีแต่คนเก่งกาจระดับเขาเท่านั้นที่จะมองเห็นปัญหาของเทคนิคการต่อสู้อย่างทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนและถ่ายทอดให้บุคคลอื่นในรูปแบบที่อีกฝ่ายสามารถทำความเข้าใจได้
ทั้งคู่ดูจะทำงานเข้าขากันดี!
ฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่เตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าชายวัยกลางคนจะไม่รู้เรื่องนี้ และพูดกันตามตรง ถ้าจางเซวียนไม่ได้ใช้หอสมุดเทียบฟ้า การกระทำของทั้งคู่คงหลุดรอดสายตาของเขาไปได้เช่นกัน
แต่จะว่าไป สิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นเรื่องธรรมดามาก
ฉีเยว่จัดการให้แมลงปีกแข็งตัวจ้อยตัวหนึ่งยอมจำนน และปล่อยมันเข้าไปในร่างของฉีชุนเอ๋อ
แมลงปีกแข็งตัวนั้นจะทำให้เขาสื่อสารกับจิตวิญญาณของฉีชุนเอ๋อได้โดยตรง ซึ่งราชันย์เทพเจ้าก็แทบดูไม่ออก เว้นเสียแต่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ด้วยการควบคุมการเคลื่อนไหวของแมลงปีกแข็งในตัวฉีชุนเอ๋อ เธอจะสามารถขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์สร้างของเธอให้กลมกลืนกับการเคลื่อนไหวของแมลงปีกแข็งตัวนั้นได้ และในท้ายที่สุดก็จะเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้นั้น!
ในเมื่อคุณตั้งใจโกง ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยั้งมือ จางเซวียนพึมพำ
ถ้าอีกฝ่ายทำตามกฎ เขาคงต้องไตร่ตรองให้ดีเรื่องการช่วยฉีหลิงเอ๋อ เพราะคิดอีกที เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งส่วนตัวของทั้งคู่ และจางเซวียนก็รู้สึกว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่หากคนนอกอย่างเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ดังนั้น ต่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะส่งผลกระทบต่อเขาด้วย เขาก็เต็มใจยอมรับ
แต่ในเมื่อฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่รวมหัวกันโกงการแข่งขัน เขาก็คงไม่ปล่อยให้ฉีหลิงเอ๋อสู้ตามลำพัง
แม้การตบตาราชันย์เทพเจ้าจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจางเซวียนจะอับจนหนทาง
ฉีหลิงเอ๋อกินยาเม็ดเพิ่มความงามได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็คงซึมซับพลังปราณเทียบฟ้าที่เราถ่ายทอดเข้าไปในนั้นได้ไม่หมด
จางเซวียนเพ่งสมาธิไปที่ร่างของฉีหลิงเอ๋ออย่างระมัดระวัง ไม่ช้าก็รู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่ออย่างเบาบางกับพลังปราณในร่างกายของเธอ มันไหลเวียนไปพร้อมกับพลังงานสวรรค์ที่อยู่ในทางเดินพลังปราณ
ฉีหลิงเอ๋อกินยาเม็ดเพิ่มความงามเมื่อตอนที่พวกเขายังอยู่ในตลาดมืดของเมืองตะวันรอน ตอนนั้นจางเซวียนให้เธอกินยาเพื่อที่เขาจะได้แน่ใจว่าจะรับมือได้หากเธอคิดหักหลัง
ใครจะไปคิดว่ากระแสพลังปราณนี้จะกลายเป็นไม้ตายที่ใช้เล่นงานฉีชุนเอ๋อกับฉีเยว่?
กระแสพลังปราณนี้จะทำให้จางเซวียนนำทางและชี้แนะฉีหลิงเอ๋อได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแมลงปีกแข็งตัวนั้นเสียอีก และที่สำคัญกว่าก็คือยากที่ใครสักคนจะล่วงรู้หรือมองเห็น
ฟู่!
ภายใต้การควบคุมของจางเซวียน พลังปราณเทียบฟ้าค่อยๆไหลเวียนไปทั่วร่างของฉีหลิงเอ๋อ ทำลายสิ่งอุดตันและด่านคอขวดทั้งหมดที่ขวางทาง
เมื่อครู่ก่อน ฉีหลิงเอ๋อกำลังจนปัญญาสุดขีดถึงขนาดที่เกือบจะถอดใจยอมแพ้ฉีชุนเอ๋อแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับที่เกิดขึ้นในร่างกายทำให้เธอตาโตด้วยความตื่นเต้น
เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ แต่สัญชาตญาณนักรบบอกเธอว่าเพียงแค่ขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์ไปตามเส้นทางที่เปิดกว้าง สุดท้ายก็จะเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้ที่ถูกใช้เป็นบททดสอบ
แถมข้อบกพร่องมากมายที่เธอค้นพบเมื่อราว 1 ชั่วโมงก่อนก็ได้รับการแก้ไขด้วย ทำให้เทคนิคการต่อสู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่เคย
ฉีหลิงเอ๋อรีบขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์เข้าสู่เส้นทางของทางเดินพลังปราณที่ถูกเปิดขึ้นใหม่ ซึ่งก็น่าอัศจรรย์ที่เธอพบว่าความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่เหลือเชื่อ ราวกับใครคนหนึ่งกำลังชี้แนะเธอทีละก้าว ทำให้เธอเข้าถึงความเชี่ยวชาญระดับการประสบความสำเร็จโดยภาพรวมในชั่วพริบตา
ฉีหลิงเอ๋อตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เก็บความรู้สึกไว้ได้อย่างดี สีหน้าของเธอยังดูกระวนกระวายเหมือนเดิม
“ฮะ?”
ทีท่าของเธออาจตบตาฉีชุนเอ๋อได้ แต่ไม่แนบเนียนพอจะปิดบังราชันย์เทพเจ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชายวัยกลางคนออกจะงุนงงเล็กน้อยที่เห็นฉีหลิงเอ๋อซึ่งกำลังสับสนอยู่เมื่อครู่สามารถทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ได้ในชั่วพริบตา
เขารู้ดีว่าการแก้ไขข้อบกพร่องในเทคนิคการต่อสู้ของเขาจนดีพอสำหรับการฝึกฝนนั้นไม่ใช่งานง่าย ต้องอาศัยสติปัญญาและความปราดเปรื่องไม่น้อย
เธอคงเข้าถึงแก่นสารเบื้องต้นของเทคนิคการต่อสู้ของเราแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เชี่ยวชาญหรอก เขาชำเลืองมองก้านธูปและยกมือ “หมดเวลา!”
ฉีหลิงเอ๋อกับฉีชุนเอ๋อยืนขึ้นพร้อมกัน
“เริ่มได้!” เขาสั่งการ
ฉีชุนเอ๋อมองสภาพของฉีหลิงเอ๋อ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างลำพองใจเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมีเหงื่อเกาะพราว
เธอพยายามเล่นงานฉีหลิงเอ๋อกับสายเลือดของอีกฝ่ายมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การพูดง่ายกว่าทำมาก ตระกูลฉีย่อมไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรที่อาจทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาด่างพร้อย เธอจึงเปิดหน้าท้าชนกับฉีหลิงเอ๋อและสายเลือดของอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยไม่ได้
หากต้องการโค่นล้มพวกเขาให้สิ้นซาก ก็ต้องมีเหตุผลที่ชอบธรรมมากพอ
ซึ่งตอนนี้ ฉีหลิงเอ๋อฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าตระกูลอย่างชัดเจน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่หากตัวเธอเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ ฉีหลิงเอ๋อก็น่าจะถูกลงโทษอย่างหนัก
สิ่งนี้จะช่วยรักษาศักดิ์ศรีและความชอบธรรมให้กฎเกณฑ์ของตระกูลฉี
เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าทุกคนในตระกูลฉีพากันละเลยความรับผิดชอบของตัวเองและทำอะไรตามอำเภอใจ ตระกูลฉีจะมีสภาพอย่างไร?
“เทคนิคการต่อสู้นี้ซับซ้อนมาก ยากที่จะทำความเข้าใจแก่นสารของมันได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ท่านหัวหน้า, ถ้าคุณให้เวลาฉันอีกสัก 1 ชั่วโมง ฉันคงขัดเกลาความเข้าใจที่มีต่อเทคนิคนี้ได้…” ฉีหลิงเอ๋อกัดฟันพูดอย่างสิ้นหวัง
“เรามีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง, คุณคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วหรือที่ร้องขอเวลาเพิ่ม หุบปากและเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ!” ฉีชุนเอ๋อคำราม
เธอเชื่อสนิทใจว่าฉีหลิงเอ๋อพยายามถ่วงเวลาเพราะเกิดความหวาดกลัว
ส่วนชายวัยกลางคนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดที่เห็นฉีชุนเอ๋อตกหลุมพรางตื้นๆแบบนั้น
ด้วยความที่เธอสนิทสนมกับฉีเยว่ เขาจึงคิดว่าฉีชุนเอ๋อน่าจะเป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเสาหลักค้ำจุนตระกูลฉีต่อไป แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เอาไหน
เธอถือเอาศักดิ์ศรีเป็นใหญ่ ปล่อยให้มันบดบังจนหน้ามืดตามัวและตกหลุมพรางของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉีชุนเอ๋อจะสบประมาทฉีหลิงเอ๋อ เพราะทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน จึงรู้ความสามารถของกันและกันอย่างดี
ฉีชุนเอ๋อทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ถึง 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่อาจทำความเข้าใจแก่นสารของบททดสอบได้จนกระทั่งหมดเวลา จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะคิดเอาเองว่าสภาพของฉีหลิงเอ๋อจะต้องย่ำแย่กว่าเธอแน่
ก็เพราะความมั่นใจนี้ที่ทำให้เธอรับคำท้าของฉีหลิงเอ๋อตั้งแต่แรก
“เริ่มได้!” ชายวัยกลางคนสั่งการ
ฉีหลิงเอ๋อหลับตาและถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับชายวัยกลางคน “ท่านหัวหน้า กรุณาตรวจสอบวรยุทธของพวกเราด้วย”
ไม่ช้า ระดับวรยุทธของทั้งคู่ก็ถูกปรับลงมาให้เท่ากัน แม้แต่พลังงานสวรรค์ในร่างกายก็เปลี่ยนไปจนอยู่ในระดับเดียวกัน