ตอนที่ 955 ล่าตัวสือฉิน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อได้ทราบถึงไพ่ตายของสือโหลว หานโม่ฉือก็หาข้ออ้างเพื่อขอตัวกลับโดยเร็ว หลังจากเดินวนไปมาหลายรอบ เขาก็กลับไปยังเรือนที่พักของฉินเทียนและก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่ยังคงอยู่ในกระบวนการหลอมรวมเข้ากับพลังแห่งความตาย หานโม่ฉือจึงไม่คิดไปกวนใจนาง

“สือโหลวมีลูกแก้วมรณะอยู่กับตัวและพลังของมันก็แกร่งกล้ามากนัก ต่อให้เราใช้พลังแห่งความตายเพื่อควบคุมพวกผีดิบได้ ลูกแก้วนั่นก็จะช่วยให้เขาควบคุมพวกมันได้ตามเดิมอีกครั้ง”

หานโม่ฉือบอกทุกคนเกี่ยวกับข่าวที่สืบทราบมาและสีหน้าของทุกคนกลายเป็นจริงจังในทันที

“ท่านพ่อตา เหตุผลที่แท้จริงที่คนพวกนั้นพยายามโน้มน้าวใจท่านก็เป็นเพราะข้าและอวี้โม่ จอมยุทธ์ปีศาจน่าจะสืบเรื่องราวของเรามานานแล้วและรู้จักพวกเราดีพอสมควร”

หลังจากได้พูดคุยกัน ฉินเทียนก็ได้ทราบว่าเหตุใดสือโหลวจึงปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี

จอมยุทธ์ปีศาจคงจะสืบทราบข้อมูลของฉินอวี้โม่และทุกคนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว สิ่งนี้ทำให้หานโม่ฉือมั่นใจมากขึ้นว่าจอมยุทธ์ปีศาจมีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายมารในดินแดนเทพมายา

“หากเราหาทางทำลายหรือฉกชิงลูกแก้วมรณะนั่นมาได้ เราก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก”

ฉินเทียนพยักศีรษะและกล่าวออกไป ลูกแก้วมรณะนั่นคงจะเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของอีกฝ่าย ตราบใดที่ทำลายมันหรือฉกฉวยเอามันมาได้สำเร็จ แผนการของพวกเขาก็มีโอกาสสำเร็จมากถึงเจ็ดในสิบส่วน

“สือโหลวป้องกันตัวและระมัดระวังตัวอยู่ตลอด การขโมยมันมาคงไม่ง่ายนัก เราจะต้องคิดหาทางที่เหมาะสมจริง ๆ”

ฉินเทียนขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด สือโหลวไม่มีทางปล่อยให้ลูกแก้วมรณะอยู่ห่างจากตัวอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการแย่งชิงหรือทำลายมันจึงเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กันอย่างซึ่งหน้าเพื่อแย่งชิงมันมาก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะพวกเขายังมีความแข็งแกร่งที่ไม่มากพอจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใดที่พวกเขาเปิดเผยตัวออกไป สือโหลวจะต้องสั่งการให้ผีดิบทั่วทั้งเกาะไล่ล่าพวกเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

“วันนี้ข้าปลอมตัวเป็นสือฉินได้อย่างแนบเนียนและไม่เปิดเผยข้อบกพร่องใด ๆ เพียงแต่หากสือฉินตัวจริงได้พบกับสือโหลวในวันพรุ่งนี้ การปลอมตัวของข้าอาจจะถูกเปิดโปงได้ นี้คือเรื่องที่ข้ากังวลใจไม่น้อย”

หานโม่ฉือกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว เขามั่นใจว่าตนแสดงละครได้อย่างแนบเนียนแล้ว อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นมักจะประชุมหารือกันในทุก ๆ วัน หากมีการกล่าวถึงเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ เกรงว่ามันจะทำให้สือโหลวนึกคลางแคลงใจเป็นแน่

“อันที่จริงเรื่องนี้จัดการได้ง่ายมาก เราเพียงต้องจับตัวสือฉินมาและท่านก็จะปลอมตัวเป็นเขาได้โดยสมบูรณ์”

กิเลนอัคคีอดกล่าวออกไปไม่ได้ ตราบใดที่จับตัวสือฉินเข้ามาไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกคนก็ไม่ต้องกังวลอีกว่าสือโหลวจะสงสัยสิ่งใด

“ความแข็งแกร่งของสือฉินน่าจะด้อยกว่าสือโหลวพอสมควร นายท่าน…ด้วยพลังของท่าน หากท่านใช้วิธีการลับนั้น ท่านจะควบคุมตัวเขาได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นการที่มีพวกเราอยู่ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้นมาก พวกเรามุ่งหน้าไปยังที่พักของสือฉินและจับตัวเขามาเถอะ”

เนตรปีศาจเห็นด้วยกับกิเลนอัคคีและมั่นใจในความแข็งแกร่งของหานโม่ฉืออย่างเต็มเปี่ยม

ตราบใดที่หานโม่ฉือใช้วิชาลับพิเศษ ความแข็งแกร่งของเขาจะพัฒนาขึ้นมากในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อถึงตอนนั้น ในเกาะแห่งนี้ นอกจากสือโหลวก็ไม่มีผู้ใดที่จะเป็นคู่มือของเขาได้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้พวกเขาสำรวจสถานการณ์โดยรวมแล้วและพบว่าความแข็งแกร่งของสือฉินจัดอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของบรรดาบุคคลระดับสูงในเกาะนี้ เพราะฉะนั้น การร่วมมือกันของหานโม่ฉือและอสูรมายาก็น่าจะปราบปรามเขาได้ไม่ยาก

“เอาล่ะ เราคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น”

หานโม่ฉือพยักศีรษะและหันไปหาบุรุษหนุ่มที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ด้านข้าง

“อย่ามองมาที่ข้า ! ข้าบอกทุกอย่างที่ข้าทราบไปแล้ว ต่อให้พวกเจ้าถามอีก ข้าก็ไม่มีอะไรจะบอกอีกแล้ว แผนการของพวกเจ้าถือว่าเข้าท่าทีเดียว ทว่าเมื่อพวกเจ้าจับตัวผู้อาวุโสสือฉิน มันจะก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนและดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้าก็แล้วกัน !”

ก่อนหน้านี้บุรุษหนุ่มได้เปิดเผยข้อมูลกับฉินอวี้โม่และสหายไปมากมายแล้ว และตอนนี้เขาก็ยังกล่าวเตือนอย่างมีเจตนาดี

“นำทางพวกเราไปยังที่พักของสือฉิน”

หานโม่ฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ เนื่องจากตอนนี้พวกเขายังไม่ทราบว่าที่พักของสือฉินอยู่ที่ใด

บุรุษหนุ่มผายมือก่อนชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและหานโม่ฉือขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงไปในทิศทางนั้นทันที

เรือนที่พักของสือฉินตั้งอยู่ไม่ไกลจากสือโหลวมากนัก แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะจัดอยู่ในอันดับท้าย ๆ ทว่าความสนิทสนมกับสือโหลวทำให้เขามีอิทธิพลทีเดียว ศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็แสดงความเคารพต่อเขาเป็นอย่างมาก

เวลานี้ สือฉินยังไม่เข้านอนและกำลังหลับตาเพื่อบ่มเพาะพลัง

นอกเรือนที่พักของเขานั้นไม่มีทหารใดคุ้มกันอยู่ เห็นได้ชัดว่าผู้คนในเกาะแห่งนี้ผ่อนคลายกันอย่างมากและไม่กังวลว่าจะมีคนบุกมาโจมตีพวกตนอย่างกะทันหัน

เมื่อคฤหาสน์เฟิงหัวมาถึงหน้าลานที่พักของสือฉินแล้ว หานโม่ฉือจึงก้าวออกไปพร้อมอสูรมายาทั้งสอง

ที่นี่ไม่มีข่ายอาคมหรือม่านป้องกันใดรายล้อมไว้ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องระแวดระวังจนเกินไป

หลังจากผลักเปิดประตูตรงเข้าไปในห้องของสือฉิน หานโม่ฉือก็โบกมือเล็กน้อยเพื่อวางผนึกไว้ในพื้นที่รอบตัว

“นายท่าน เราต้องรีบแล้ว ผนึกนี้อยู่ได้เพียงสองก้านธูปเท่านั้น”

เสียงของเนตรปีศาจดังขึ้นในโสตประสาทของหานโม่ฉือเพื่อกำชับว่าผนึกที่เขาวางไว้จะคงอยู่ได้เพียงสองก้านธูปเท่านั้น หากยังไม่สามารถจับตัวสือฉินได้สำเร็จภายในเวลาดังกล่าว มันจะก่อให้เกิดความผิดปกติที่ดึงดูดความสนใจของคนรอบบริเวณอย่างแน่นอนและนั่นหมายความว่าหานโม่ฉือจะตกอยู่ในอันตราย

“เข้าใจแล้ว”

หานโม่ฉือพยักศีรษะและคลื่นพลังรอบตัวของเขาก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ใครกัน ?!”

สือฉินสังเกตเห็นหานโม่ฉือที่ก้าวเข้ามาและลุกพรวดพร้อมแผ่แรงกดดันออกไปทันที

“ผู้อาวุโสสือ ตามข้ามาดี ๆ จะดีกว่า”

หานโม่ฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ ขณะโบกมือเล็กน้อยและแรงกดดันเหล่านั้นหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากใช้วิชาลับ ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็เพิ่มขึ้นมามากพอที่จะควบคุมคนตรงหน้าได้ไม่ยาก

“เหอะ หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงจะเป็นหานโม่ฉือสินะ”

สือฉินมิใช่คนโง่เขลาแม้แต่น้อย เพียงมองแวบเดียว เขาก็คาดเดาตัวตนของหานโม่ฉือได้ทันที

ผู้ที่ถือครองพลังอำนาจที่เหนือชั้นและมีกลิ่นอายที่โดดเด่นเช่นนี้ มีเพียงหานโม่ฉือที่พวกเขากำลังตามหาคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือหานโม่ฉือจะกล้าบุกเข้ามารนหาที่ตายด้วยตัวเองเช่นนี้

สือฉินเอื้อมมือไปเพื่อหยิบไม้มรณะของตนออกมาและเตรียมเรียกผีดิบในบริเวณใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม หลังจากเติมพลังลงไปในนั้นหลายครา มันกลับไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้น

นั่นเป็นเพราะผนึกรอบตัวของหานโม่ฉือได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างผีดิบทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้สือฉินไม่สามารถเรียกผีดิบเหล่านั้นมาได้

“เหอะ ต่อให้ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำอะไร ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว อย่าแม้แต่คิดว่าจะหนีรอดไปได้ !”

สือฉินแค่นเสียงเย็นชาและตรงเข้าโจมตีหานโม่ฉือทันที

หานโม่ฉือไม่อยู่เฉยและเพิ่มความแข็งแกร่งจนถึงระดับสูงสุดเช่นกันก่อนเริ่มเคลื่อนไหวโดยที่ไม่คิดยั้งมือแม้แต่น้อย

เนตรปีศาจ กิเลนอัคคีและมังกรเหมันต์ก็ร่วมมือกันและแสดงพลังอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ออมมือ พวกมันทราบดีว่าหากไม่สามารถเอาชนะสือฉินโดยเร็วที่สุด มันก็อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้

สือฉินหวาดหวั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะต่อสู้ต่อไป คิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ กระบวนท่าโจมตีของหานโม่ฉือไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยและแรงกดดันของเขาก็ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อหานโม่ฉือเลยสักนิด

สือฉินพยายามใช้กระบวนท่าหลากหลายชนิด ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรหานโม่ฉือได้เลย ในทางกลับกัน เขาต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่องและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายในเวลาเพียงไม่นาน

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน ?!”

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเหยเกอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าตอนนี้เขาตกที่นั่งลำบากมาก อสูรมายาของเขากำลังหลับใหลอยู่และเขาก็ไม่สามารถใช้ไม้มรณะเพื่อเรียกผีดิบออกมาได้ นอกจากนั้นเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องเพลี่ยงพล้ำไปอย่างแน่นอน

“เหอะ คิดจะจับตัวข้างั้นรึ ฝันไปเถอะ !”

สือฉินแค่นเสียงเย็นชาและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทันที จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มพองโตอย่างรวดเร็ว