ตอนที่ 956 ไป๋จั่นถัง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

กล่าวได้ว่าสือฉินมีไหวพริบที่ดีพอสมควร เมื่อตระหนักว่าไม่มีทางเอาชนะหานโม่ฉือได้ เขาก็ตัดสินใจที่จะระเบิดตัวเองทันที

ด้วยความแข็งแกร่งในระดับของเขา ตราบใดที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณยังคงอยู่ เขาก็สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ทว่าเมื่อเขาระเบิดตัวเอง มันจะก่อให้เกิดพลังระเบิดอันแรงกล้า ต่อให้ทำให้หานโม่ฉือบาดเจ็บสาหัสไม่ได้ มันก็จะเกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น คนทั้งเกาะจะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่และหานโม่ฉือก็จะไม่มีทางหลบหนีไปได้อีก

“คิดจะระเบิดตัวเองงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”

หานโม่ฉือคาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาเพียงยกยิ้มมุมปากและปล่อยพลังมายาออกจากปลายนิ้วมือไปที่ร่างของสือฉินเพื่อปิดกั้นจุดตันเถียนของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น ร่างกายที่พองโตของสือฉินก็ค่อย ๆ หดกลับคืนสภาพเดิม สีหน้าของเขาแสดงถึงความตื่นตระหนกและไม่อยากเชื่ออย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้เขาทราบแล้วว่าความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือนั้นเหนือชั้นกว่าเขามากนัก เพียงแต่ไม่คิดว่าจะแกร่งกล้าจนถึงระดับนี้

การที่สามารถปิดผนึกพลังของเขาเพื่อทำให้เขาระเบิดตัวเองไม่ได้เช่นนี้ แม้แต่สือโหลวก็อาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตูมมม !

หานโม่ฉือฟาดฝ่ามือตรงไปที่ร่างของสือฉินอย่างจังและทำให้เขาหมดสติไปทันที จากนั้นหานโม่ฉือก็จับตัวเขาไว้และนำกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว

“อ่อนแอกว่าที่คิดไว้เสียอีก”

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว การที่หานโม่ฉือเอาชนะผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจได้อย่างง่ายดายก็ทำให้คนอื่น ๆ ประหลาดใจกันเล็กน้อย เดิมทีพวกเขาคาดว่าสือฉินน่าจะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน คิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วจะอ่อนแอกว่าที่คิดไว้มากนัก

“กักขังเขาไว้ก่อน บางทีเขาอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราหลังจากนี้”

เขาหันไปสั่งการกับมารยาและอสูรอื่น ๆ ก่อนที่เสี่ยวเฮยจะก้าวออกมาจับตัวสือฉินไปขังไว้ในห้องหนึ่ง

“พวกเจ้ามีฝีมือกันมากทีเดียว”

เมื่อเห็นสือฉินถูกจับตัวเข้ามา บุรุษหนุ่มก็ไม่มีปฏิกิริยามากนักและเพียงกล่าวออกไปสั้น ๆ

“เจ้าเป็นคนของจอมยุทธ์ปีศาจจริง ๆ รึ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนมองเขาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ ทัศนคติท่าทางของบุรุษหนุ่มผู้นี้ดูแตกต่างไปจากจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิงและนั่นเป็นสิ่งที่แปลกพิลึกไม่น้อย

เขาไม่เพียงแต่เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ทราบกับพวกนางเท่านั้น ทว่ายังไม่มีปฏิกิริยาโกรธเคืองเมื่อเห็นสือฉินถูกจับตัวมา แผนการต่อไปของพวกนางคือการจัดการกับจอมยุทธ์ปีศาจทว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้กลับไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใด ๆ ราวกับว่าเขามิใช่คนของขุมกำลังนี้

“เอ่อ ข้าก็แค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์”

บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตอนนี้เขาเป็นนักโทษแล้วและเพียงทำในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น เขาเป็นสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแท้จริงทว่ายังไม่ถึงจุดที่จะอยู่และตายไปกับขุมกำลังนี้

การอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเช่นนี้และได้รับประทานอาหารมื้อโอชะ แม้ไม่มีพลังมายาใด ๆ หลงเหลือ เขาก็ได้รับชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากมายและไม่มีสิ่งใดที่เลวร้ายเกี่ยวกับมัน

“เจ้าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว”

อวิ๋นซื่อเทียนตบไหล่บุรุษหนุ่มเบา ๆ และเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้น

“เจ้ามีชื่อว่าอะไร ?”

นางเอ่ยถามชื่อของบุรุษหนุ่มตรงหน้าโดยตรง

“ไป๋จั่นถัง”

บุรุษหนุ่มแนะนำชื่อของตนทว่านั่นทำให้อวิ๋นซื่อเทียนหัวเราะพรืดทันที

“พรืดดด ! ไป๋จั่นถังงั้นรึ ? ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงเป็นถงเซียงยวี่น่ะสิ”

‘ไป๋จั่นถัง’ คือชื่อของนักแสดงตลกในละครทีวีเรื่องหนึ่งและบุรุษหนุ่มตรงหน้าก็ดูคล้ายคลึงกับไป๋จั่นถังผู้นั้นอย่างแท้จริง

“เอ๋ ?”

เมื่อได้ยินวาจาของอวิ๋นซื่อเทียน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาด

บุรุษหนุ่มยืนขึ้นและมองอวิ๋นซื่อเทียนอย่างไม่กะพริบตาพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าก็มาจากประเทศจีนเหมือนกันรึ ?”

ในดินแดนแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดรู้จักไป๋จั่นถังและถงเซียงยวี่แม้แต่คนเดียว การที่อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวชื่อทั้งสองออกมาเช่นนั้นหมายความว่านางก็มาจากโลกในยุคปัจจุบันที่เขาจากมาเช่นกัน

“โอ้ เยี่ยมจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะใจกว้างเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นสหายร่วมบ้านเกิดนี่เอง”

อวิ๋นซื่อเทียนเข้าใจได้ในทันที ไม่แปลกใจเลยที่บุรุษหนุ่มผู้นี้จะทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาตลอด แท้ที่จริงเขาก็มาจากที่เดียวกันกับนางและมิใช่คนของจอมยุทธ์ปีศาจเดิมจึงไม่มีความผูกพันกับขุมกำลังนี้มากนัก

“พวกเขาก็เช่นกันรึ ?”

สีหน้าของไป๋จั่นถังแสดงความตื่นเต้นอย่างชัดเจนขณะชี้ไปยังเซิ่งเซียวและคนอื่น ๆ ที่ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“ไม่ มีเพียงเสี่ยวโม่เอ๋อร์คนเดียวเท่านั้น”

อวิ๋นซื่อเทียนส่ายศีรษะปฏิเสธและกล่าวออกไป

“ฉินอวี้โม่งั้นรึ ?”

ไป๋จั่นถังชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกตะลึงและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาฉีกกว้างยิ่งกว่าเดิม

“เยี่ยมไปเลย ในเมื่อได้พบสหายบ้านเดียวกันแล้ว หลังจากนี้ข้าก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป”

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบคนที่มาจากโลกยุคปัจจุบันเช่นเดียวกันกับตนในดินแดนนี้ ก่อนหน้านี้เขาเพียงใช้ชีวิตเรื่อย ๆ ไปตามสถานการณ์อย่างไร้จุดมุ่งหมายเท่านั้น ทว่าตอนนี้ในที่สุดชีวิตของเขาก็มีความหมายขึ้นมาแล้ว

“เจ้ามาอยู่ร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจได้อย่างไร ?”

อวิ๋นซื่อเทียนเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ นางและฉินอวี้โม่ปรากฏตัวที่ดินแดนระดับต่ำเหมือนกัน ทว่าเหตุใดบุรุษหนุ่มผู้นี้ถึงเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจได้ ? ดูจากรูปลักษณ์หน้าตาของเขา นางเชื่อว่าเขายังไม่ได้มีอายุมากนัก

“ข้าไม่อยากพูดถึงมันนักหรอก ในโลกที่แล้ว…หลังจากอกหักรักคุด ข้าก็ไปดื่มสุราย้อมใจกับสหายหลายคน ทว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของข้ากลับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเลและถูกพาตัวกลับมาโดยคนของจอมยุทธ์ปีศาจ ในตอนแรกข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ทว่าค้นพบในภายหลังว่าพวกเขาคือกลุ่มจอมยุทธ์ปีศาจ ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่ฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจมาตลอดและเพิ่งได้รับภารกิจให้ออกมาเป็นครั้งแรก”

ไป๋จั่นถังแทบไม่มีคำพูดเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ตนปรากฏตัวขึ้นมาในดินแดนนี้ เขาเพียงดื่มสุราไปเล็กน้อยและเมาจนหลับใหลไปเท่านั้น สุดท้ายไม่คิดว่าจะตื่นขึ้นมาอยู่ในอีกโลกได้

ในตอนนั้นเขารู้สึกเพียงว่าไม่มีสิ่งใดต้องห่วงหรือกังวลในโลกก่อน เพราะเหตุนั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและอยู่ในโลกที่แตกต่างแห่งนี้จึงไม่ถือว่าเลวร้ายนัก

“ท่านและพี่อวี้โม่มาที่นี่ได้อย่างไร ?”

ไป๋จั่นถังสบตาอวิ๋นซื่อเทียนและเปลี่ยนสรรพนามคำเรียกขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรขึ้นมาก

“ซับซ้อนกว่าเจ้ามากทีเดียว”

อวิ๋นซื่อเทียนยักไหล่และกล่าวเบา ๆ บุรุษหนุ่มผู้นี้โชคดีกว่านางและฉินอวี้โม่มากนัก สิ่งที่พวกนางต้องเผชิญเป็นโศกนาฏกรรมที่ซับซ้อนกว่าเขาหลายเท่าตัว

“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อได้พบกันแล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ตอนนี้พวกท่านอยู่ร่วมกับขุมกำลังใดล่ะ ? ข้าอยากจะเข้าร่วมด้วย”

ไป๋จั่นถังยิ้มกว้างและตัดสินใจทันที

เนื่องจากได้พบกับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน เขาย่อมรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกว่าคนอื่น ๆ เป็นธรรมดา และเขาเองก็ไม่ต้องการต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไป จอมยุทธ์ปีศาจมิใช่ขุมกำลังของคนดีและเขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“จอมยุทธ์ปีศาจสืบเรื่องของพวกเรามาตลอด เจ้าไม่เคยทราบถึงเรื่องเหล่านี้เลยรึ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนมองไป๋จั่นถังด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ จอมยุทธ์ปีศาจทราบเรื่องราวของพวกนางเป็นอย่างดี ทว่าเหตุใดบุรุษหนุ่มตรงหน้าถึงไม่ทราบเรื่องของพวกนางเลย ?

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้นัก”

ไป๋จั่นถังเกาศีรษะแกรก ๆ ด้วยท่าทางเก้อเขิน ก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจสิ่งใดมากนักจึงไม่ทราบเกี่ยวกับฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียน หากสนใจและสืบเรื่องราวก่อนหน้านี้ บางทีเขาก็อาจจะรับรู้ได้ว่าทั้งสองคนก็มาจากโลกในยุคปัจจุบันเหมือนกับเขา

ทุกคนรอบตัวมีสีหน้างุนงงอย่างชัดเจน พวกเขาไม่ทราบเลยว่าเหตุใดอวิ๋นซื่อเทียนและไป๋จั่นถังจึงดูสนิทสนมกันภายในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้

หานโม่ฉือก็คาดเดาได้ลาง ๆ ว่าไป๋จั่นถังผู้นี้คงจะมาจากที่เดียวกันกับฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียน

ความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างพวกนางเป็นสิ่งที่สหายในดินแดนนี้ไม่อาจเข้าใจได้

“พี่ซื่อเทียน ท่านต้องการจะขโมยลูกแก้วมรณะจากสือโหลวใช่รึไม่ ? ข้าพอจะมีวิธีอยู่”

ไป๋จั่นถังก้าวออกไปตรงหน้าทุกคนและกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“วิธีอะไรรึ ?”

สายตาของอวิ๋นซื่อเทียนเลื่อนไปหยุดที่ไป๋จั่นถังทันทีและต้องการได้ยินว่าเขาต้องการเสนอวิธีการใด

“ง่ายมาก เพียงมอมสุราสือโหลวก็พอ”

ไป๋จั่นถังยิ้มและกล่าวอย่างสบาย ๆ

“ทุกคนคงไม่ทราบว่าสือโหลวคออ่อนมาก ข้าเคยดื่มกับเขาก่อนหน้านี้และเขาก็เมาแอ๋หลังจากดื่มเพียงไม่กี่แก้วเท่านั้น หากแกล้งแสดงละครว่าท่านลุงฉินตกลงยอมร่วมมือด้วยและพี่หานก็ปลอมตัวเป็นสือฉินโดยที่โน้มน้าวให้เขาดื่มไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าเขาจะเมาจนขาดสติภายในสิบแก้วอย่างแน่นอน”

เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยใคร่รู้ของทุกคน เขาจึงกล่าวอธิบายทันที นี่คือจุดอ่อนของสือโหลว แม้ในทั่วทั้งจอมยุทธ์ปีศาจ เกรงว่าคงจะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทราบถึงจุดอ่อนนี้