บทที่ 1378 สยบปีศาจ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ยักษ์สีแดงเข้มตัวมหึมายืนอยู่บนขอบฟ้า

ร่างปกคลุมดวงอาทิตย์ขณะที่ส่งกลิ่นคาวเลือดทั่วทั้งฟ้าดิน เปล่งแรงกดดันของเทพมาร

สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ยักษ์สีแดงเข้มด้วยความสิ้นหวัง พลเมืองสูญเสียความมั่นใจที่มี

ภายใต้สายตาหวาดกลัว มู่เฉินยังคงยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยท่าทางสงบพร้อมกับเจดีย์ผลึกแก้วใสวางในมือ

“ในเมื่อแกอยากเป็นวีรบุรุษในพิภพนี้ ข้าก็จะทำให้สมหวังเอง!”

ร่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิตปรากฏบนยักษ์สีแดงเข้มมองลงมาที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก ในฐานะสมาชิกจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ เขามีความเข้าใจดีเยี่ยมเกี่ยวกับขุมพลังของมหาพันภพ มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น ในเผ่าเสี่ยเสียอย่างมากก็แข็งแกร่งกว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตเล็กน้อย เทียบกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตไม่ได้เลย

“ตะวันโลหิตเคลื่อนคล้อย!”

ขณะที่สิ้นเสียงผู้บัญชาการปีศาจโลหิตยิ้ม เขาก็กระทืบเท้าลงไปโดยไม่ลังเลใดๆ ยักษ์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็เปิดปากออกพร้อมแสงสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากปากมัน กลายเป็นดวงอาทิตย์สีแดงเข้มขนาดพันจั้ง

ดวงอาทิตย์สีแดงเข้มลอยอยู่บนท้องฟ้า เปล่งประกายสีแดงเข้ม บริเวณที่ถูกส่อง แม้แต่เมืองเบื้องล่างยังเริ่มถูกกัดกร่อน

“ไป”

ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตยิ้ม ดวงอาทิตย์สีเลือดก็เล็งไปที่มู่เฉินก่อนที่จะพุ่งลงมา

“แกชอบเป็นวีรบรุษกอบกู้โลกนักไม่ใช่เหรอ? หากแกหลบไปชาวเมืองก็จะถูกสังหารโดยตะวันโลหิต” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตยิ้มน่าขนลุก

“ทำไมต้องเล่นอุบายกระจอกแบบนี้ด้วย?” มู่เฉินยิ้มบาง ผู้บัญชาการคนนี้พูดยั่วเพราะไม่ต้องการให้เขาหลบเลี่ยง แต่มันคิดผิดไปเรื่องหนึ่งตั้งแต่แรก นั่นก็คือพลังของอีกฝ่ายไม่ได้สูงล้ำอะไรในสายตาของมู่เฉิน

ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่ขยับร่าง เพียงแค่เงยหน้ามองตะวันโลหิต จนมันเข้าใกล้ถึงได้เริ่มสร้างตราประทับ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อตราประทับในมือเปลี่ยนไป ผลึกแสงนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ ในเวลาไม่กี่ลมหายใจพวกมันก็ก่อตัวเป็นผลึกตาข่ายขนาดหลายหมื่นจั้งห่อหุ้มดวงอาทิตย์ที่พุ่งเข้ามา

“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตยิ้มกว้าง ตะวันโลหิตบรรจุด้วยพลังเอกลักษณ์ของเผ่าเสี่ยเสีย ซึ่งเต็มไปด้วยพลังกัดกร่อน เมื่อสัมผัสมันก็จะเกาะติดเหมือนปรสิต

ในมุมมองของเขาการต่อต้านซึ่งหน้าอย่างนี้ของมู่เฉินเป็นเพียงแค่รนหาที่ตาย

ภายใต้สายตาเยาะเย้ยของผู้บัญชาการปีศาจโลหิต ผลึกตาข่ายก็สัมผัสกับดวงอาทิตย์สีแดงเข้ม เพียงอึดใจแววเยาะเย้ยบนใบหน้าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็แข็งค้าง

เนื่องจากเขาเห็นดวงอาทิตย์สีแดงเข้มกำลังริบหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพลังถูกปิดผนึกไว้

ชี่ ชี่!

หมอกสีแดงเข้มพวยพุ่งจากดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เมื่อตาข่ายเริ่มหดตัวดวงอาทิตย์ก็ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว

เพียงสิบกว่าลมหายใจดวงอาทิตย์สีแดงเข้มก็กลายเป็นไข่มุกขนาดเท่าฝ่ามือที่มีลวดลายลึกล้ำนับไม่ถ้วนอยู่บนพื้นผิว ราวกับเป็นผนึกบางอย่าง

มู่เฉินยื่นมือออก มุกสีแดงเพลิงก็บินมาอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่กำลังตกตะลึง “คืนให้แกเถอะ”

เมื่อพูดจบแขนก็เหวี่ยงออกไป มุกสีแดงเข้มพุ่งพรวดออกมา ทว่ามันไม่ได้ถูกโยนไปในทิศทางของผู้บัญชาการปีศาจโลหิต แต่เล็งไปที่เมฆสีแดงเข้มที่มีสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียมากมาย

“หนีเร็ว!” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตร้องตะโกน

ตู้ม!

แต่เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น มุกก็ระเบิดออก คลื่นสีแดงเชี่ยวกรากกวาดไปทั่ว ใครก็ตามที่สัมผัสกับมันก็ได้กลายเป็นขี้เถ้าในพริบตาด้วยความสามารถในการกัดกร่อนที่น่ากลัว

เมฆกระจายไปบนท้องฟ้า สมาชิกนับไม่ถ้วนของเผ่าเสี่ยเสียได้รับผลกระทบกันไปมาก ทำให้เกิดความวุ่นวาย

เมื่อเทียบกับความวุ่นวายบนท้องฟ้า ชาวเมืองพากันอ้าปากตาค้าง ตอนแรกพวกเขายังกลัวการโจมตีทำลายล้างของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตกันอยู่ แต่ใครจะคิดว่าเทพลึกลับจะสามารถแก้ไขการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้สังหารจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียไปกว่าครึ่ง!

จักรพรรดินีและคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าตกตะลึงขณะที่ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น พวกเขาเคยเห็นผู้บัญชาการปีศาจโลหิตในสภาพที่น่าสมเพชแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร? บางทีชายลึกลับผู้นี้อาจมีพลังในการเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจริงๆ

บนท้องฟ้าใบหน้าของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตเขียวคล้ำขณะมองไปที่มู่เฉินราวกับไฟยิงออกมาจากดวงตา มู่เฉินไม่เพียงแต่ได้รับการโจมตีได้ เขายังส่งคืนเป็นการตบหน้าอีกด้วย

“อะไร? แค่นี้รับไม่ได้เหรอ? เราเพิ่งจะเริ่มการต่อสู้เองนะ” มู่เฉินยิ้มพลางมองไปที่ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่หน้าดำมืด

เมื่อได้ยินผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็ตื่นตัวก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าเปลี่ยนไป

เจดีย์ผลึกแก้วใสขนาดใหญ่พุ่งลงมาปิดทางถอยไว้ นอกจากนี้แสงผลึกที่เปล่งออกมาก็ปิดมิติทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีไปได้

ครืนๆ!

เมื่อเจดีย์บีบลงมาถึงร่างเงาของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็ถูกห่อหุ้มอยู่ภายใน

ร่างมู่เฉินก็หายไปเช่นกัน อึดใจเขาก็ปรากฏตัวในเจดีย์แก้วใส เขามองไปที่ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตซึ่งกำลังมองรอบๆ ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ จากนั้นก็สะบัดมือออก ของเหลวจื้อจุนทะลักออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อของเหลวจื้อจุนประมาณห้าสิบล้านหยดพุ่งออกมา มู่เฉินก็หยุดแล้วดีดนิ้ว จากนั้นพวกมันก็บินเข้าหากำแพง

ตู้ม

ภาพเงาน่ากลัวแปดร่างปรากฏบนผนัง จากนั้นก็เริ่มขยับตัวอ้าปากกินของเหลวจื้อจุนเข้าไปทั้งหมด

ด้วยของเหลวจื้อจุนจำนวนหลายสิบล้านหยด ร่างทั้งแปดก็เริ่มสร้างความผันผวนที่น่ากลัว

ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตฉายความตกตะลึงบนใบหน้าขณะมองไปที่ร่างทั้งแปด เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันน่ากลัวที่มาจากส่วนลึกของหัวใจตนเอง

“ภาพปีศาจเหล่านี้สร้างจากจอมปีศาจ?!” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคำรามในใจ เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคยแล้ว

ภาพทั้งแปดตอนมีชีวิตก็คือจอมปีศาจต่างมิติ!

“นรกเอ๊ย ไอ้เด็กเวรนี่เป็นใคร?! อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าจะต้องส่งต่อข้อมูลนี้ให้กับผู้บัญชาการคนอื่นๆ เพื่อร่วมมือกันฆ่ามัน!” สายตาของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตกะพริบวูบไหว ตอนนี้ในที่สุดเขาก็รู้สึกกลัวจับจิต จอมปีศาจทั้งแปดทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นอายความตาย

“อยากหนีเหรอ? สายไปแล้ว” มู่เฉินมองผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่มีดวงตาวูบไหวก็เดาความคิดของอีกฝ่ายได้ เขาจึงยิ้มก่อนจะยื่นนิ้วชี้ไปที่ตัวอีกฝ่าย

“วิชาเจดีย์แปดองค์ แสงเจดีย์ทำลายปีศาจ”

เสียงเฉยเมยของมู่เฉินดังก้องไปทั่วเจดีย์ขนาดใหญ่

ฟิ้ว!

ในเวลาเดียวกันเทพปีศาจทั้งแปดก็เหยียดนิ้วออกจากกำแพงชี้ไปในทิศทางของผู้บัญชาการปีศาจโลหิต อึดใจต่อมาลำแสงสีดำแปดสายก็พุ่งออกไป

ลำแสงสีดำทะลุผ่านมิติปรากฏขึ้นรอบร่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิตในพริบตา ลำแสงเหล่านั้นปิดกั้นเส้นทางการหลบหนีทั้งหมดเอาไว้

แม้ว่าลำแสงสีดำทั้งแปดจะไม่มีรัศมีที่ทรงพลัง แต่ก็ทำเอาเส้นขนทุกเส้นของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตลุกชูชัน กลิ่นอายความตายปกคลุมหัวใจ

“ให้ตายเถอะ พลังของมันอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น มันปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ได้ยังไง?” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคำรามในใจ เขาไม่สามารถรักษาความนิ่งได้อีกต่อไป เขาขบฟันแสงสีแดงเข้มก็กะพริบในดวงตา อึดใจร่างกายก็เริ่มบวมจากนั้นก็ระเบิด

แสงสีแดงเข้มที่ไม่มีที่สิ้นสุดกระจายออกไป ทว่าลำแสงสีดำแปดสายก็ยังพุ่งเข้าในแสงสีแดง…

ไม่กี่อึดใจต่อมาลำแสงสีดำก็ระเบิดออก แสงสีแดงเข้มที่สัมผัสก็ถูกสึกกร่อนในกระบวนการ

ไม่ถึงหนึ่งนาทีแสงสีแดงเข้มที่ไร้ขอบเขตก็หายไปเหลือเพียงก้อนแสงกลมๆ ที่พยายามกระเด้งหนีจากของเหลวสีดำ

ปัง!

ในที่สุดแสงสีแดงเข้มก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป กลายเป็นภาพเงา ตอนนี้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตดูน่าสังเวชอย่างไม่น่าเชื่อ ความผันผวนที่รุนแรงรอบตัวเขาอ่อนแรงลงอย่างมากมีจุดกระดำกระด่างบนร่างกายของเขา

เขามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะน่ากลัวขนาดนี้ เพียงแค่ฝ่ายหลังออกกระบวนท่าใส่ก็ไม่มีการบรรเทาโทษใดเหลืออีกแล้ว

“แกฆ่าข้าไม่ได้! ถ้าแกฆ่าข้าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนอื่นจะรู้สึกได้! เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะร่วมกันจัดการแกจนตาย!” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตร้องตะโกน

“อย่างงั้นเหรอ?”

มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้ม “งั้นข้าจะไม่ฆ่าแก”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็ลิงโลดในใจ แต่ก่อนที่จะได้เผยความยินดีบนใบหน้า น้ำเสียงเย็นชาของมู่เฉินก็ดังก้อง “ปิดผนึกแกเอาไว้ก็ได้”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อเสียงของมู่เฉินจบลง ผลึกแสงก็พุ่งออกมาจากเจดีย์ก่อนที่จะรวมตัวกันเข้ายึดร่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิต

ภายใต้รัศมีส่องประกายผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็ตะลึงลาน เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังงานเริ่มอ่อนลงด้วยความเร็วที่รุนแรง

“ข้าจะแลกทั้งหมดกับแก!”

เสียงน่าสยดสยองของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตดังก้อง เขาจุดชนวนเตรียมจะระเบิดทำลายล้างตนเอง

“ผนึก!”

ทว่ามู่เฉินย่อมไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำเช่นนั้น เสียงเยือกเย็นของเขาดังก้อง ผลึกแสงหดหายอย่างรวดเร็ว จากนั้นผู้บัญชาการปีศาจโลหิตก็ร้องเสียงหลงขณะที่ร่างกายหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็กลายเป็นลูกทรงกลมสีแดงเข้มลอยอยู่ในอากาศ

มู่เฉินโบกมือเรียกลูกกลมมาอยู่ในมือ พื้นผิวปกคลุมไปด้วยลวดลายตกผลึก ภายในสามารถมองเห็นใบหน้าบิดเบ้น่ากลัวของผู้บัญชาการปีศาจโลหิตได้

เมื่อมองไปที่ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตมู่เฉินก็ยิ้ม

“แกแพ้แล้ว”