อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1121 ความจริง

นั่นเป็นฉากแบบไหน

ชายสามคนถูกสะกดจุดฝังเข็มกำลังนั่งคดเคี้ยวอยู่บนพื้น

เป็นผู้ชายรูปงามอย่างมาก หนึ่งในผู้ชายที่สวมชุดสีน้ำเงินยิ่งหล่อเหลาอย่างที่สุด ท่าทางภูมิฐานสง่างาม เปล่งประกายไปด้วยความสูงศักดิ์

พวกเขาแต่ละคนเพียงแค่สีหน้าขาวซีด ซึ่งอาจเป็นเพราะเสียเลือดมาก

ด้านข้างพวกเขา ยังมีศพอีกหลายศพ บนศพไม่มีเลือดเนื้อแล้ว เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น

กระทั่ง มีโครงกระดูกบางส่วนไม่ครบ เหมือนโดนสุนัขแทะเล็ม

ส่วนราชินีหันหลังให้นาง นางมองไม่เห็นสีหน้าของราชินี

สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงก็คือ ราชินีกำลังแทะกระดูกชิ้นโต เสียงกัดแทะเล็มดังช้ดเจน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกระดูกแข็งเกินไปหรือเปล่า ราชินียกฝ่ามือฟาดจนกระดูกกลายเป็นผง จากนั้นก็เงยคอเอาใส่ปากตนเอง

ตอนที่ราชินีเงยคอ นางยังมองไม่เห็นใบหน้าราชินีเต็มไปด้วยเลือด สายตาโหดเหี้ยม รูปลักษณ์ของนางยิ่งดูดุร้าย ใบหน้าด้านหนึ่งของนางงดงามไร้รอยตำหนิ ผิวเนียนนุ่มน่าถนอม ใบหน้าอีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นหลุมและร่องลึก ราวกับผีดุร้าย

ไป่หนิงเอามือปิดปากตนเองไว้แน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงออกมา

ใบหน้าใบนี้…..

ไม่ใช่ราชินี

นั่นก็หมายความว่า….นางเป็นราชินีตัวปลอม

งั้นราชินีตัวจริงล่ะ อยู่ที่ไหน?

ฮัวอิ่งเชยคางชิงเฟิงขึ้นมา พร้อมเลียรอยเลือดตรงมุมปาก

“คนที่เย่จิ่งหานสั่งสอนมาด้วยตนเอง รสชาติน่าจะอร่อยกว่าพวกเขา”

“ถุย จะฆ่าก็ฆ่า อย่าพูดมาก”

“รอข้าดูดเลือดของพวกเจ้าจนหมด รูปลักษณ์ของข้าก็จะกลับมาเหมือนเดิม”

ฮัวอิ่งลูบใบหน้าของตนเอง

ใบหน้าของนางถูกตัวนางเองทำลาย

แต่ตอนนี้นางอยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เหตุผลมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเพราะนางเบื่อรูปลักษณ์นี้แล้ว

หลายปีมานี้ นางอาศัยสถานะของราชินีเพื่อความสะดวก ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนอยู่ในเผ่าหยกเมื่อสามปีก่อน

แม้แต่รูปร่างหน้าตาก็จะกลับมันเป็นเหมือนเดิมแล้ว

หากไม่ใช่เพราะดวงแข็ง นางคงตายแล้วตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ไม่สามารถที่จะมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้

คิดถึงรูปลักษณ์ของตนเอง ราชินีอารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก มือของนางวางบนปกวิญญาณแห่งสวรรค์ของชิงเฟิง พร้อมที่จะดูดเลือดของเขาให้แห้งอยู่ตลอดเวลา

เซียวหยู่เซวียนที่พิงผนังอยู่หัวเราะเย้ย

พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ต่อให้รูปลักษณ์ของเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว นั่นก็ไม่ใช่รูปลักษณ์ของเจ้า ยังคงเป็นรูปลักษณ์หัวหน้าเผ่าหยกคนก่อน ตลอดชั่วชีวิตนี้เจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ว่าเจ้าเป็นเพียงเงาของหัวหน้าเผ่าหยกคนก่อน”

ประโยคเดียวสะกิดความเจ็บปวดของฮัวอิ่ง

นางสะบัดแขนเสื้อยาว รอยฝ่ามือสีสดทาบลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหยู่เซวียน พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “งั้นข้าก็จะทำลายเผ่าหยก ให้กู้ชูหน่วนหัวหน้าเผ่าเผ่าหยกคนปัจจุบันกลายเป็นเงาของข้า”

หากมีคนพูดถึงชื่อกู้ชูหน่วนสามคำนี้ เซียวหยู่เซวียนก็จะรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา

เขาหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างประชดประชันว่า “จุดประสงค์ของเจ้าจะไม่มีวันบรรลุผล อย่าว่าแต่เผ่าหยกมียอดฝีมือมากมาย ยัยขี้เหร่ตายไปแล้ว เจ้าทำได้เพียงฝันไป”

“นางจะกลับมามีชีวิต และไม่นานก็จะกลับมามีชีวิตแล้ว”

เซียวหยู่เซวียนสะดุ้งตกใจ

นาง…..

รู้ว่าเย่จิ่งหานกำลังตามหาดวงจิตของยัยขี้เหร่?

“คำพูดประโยคสุดท้ายของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“หมายความว่าอย่างไร ฮ่าๆ….เซียวหยู่เซวียนเอ๋ยเซียวหยู่เซวียน เจ้าช่างรักนางอย่างลึกซึ้งจริงๆ ตอนอยู่แคว้นเย่ เจ้าชอบนาง มาถึงแคว้นน้ำแข็ง เจ้าก็ยังชอบนาง ไม่ว่ารูปลักษณ์ของนางจะเปลี่ยนแปลงไป ลักษณะท่าทีเปลี่ยนไป เราก็ยังสามารถที่จะตกหลุมรักนางได้ในทันที”

เซียวหยู่เซวียนกำลังวิเคราะห์ความหมายคำพูดที่พูดออกมาอยู่ในใจ

ฮัวอิ่งเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

ความคิดของนางก็ต่างจากคนทั่วไป

การทำยิ่งวิปลาสและโหดร้าย

“เรายังคงคิดว่าที่นางคล้ายคลึงกับกู้ชูหน่วน เป็นเพราะดวงจิตสามดวงของกู้ชูหน่วนสถิตอยู่ในตัวนาง?”

เซียวหยู่เซวียนมองดูนาง รอคอยคำพูดของนางต่อจากนี้

ชิงเฟิง จี่ยงเสวียก็มองดูนาง ไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไรอยู่

อาจเป็นเพราะรู้ความคิดในใจของพวกเขา ฮัวอิ่งพูดมาครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุด หัวเราะจนตัวสั่นอย่างมีชัยชนะ

“พวกเจ้าขอร้องข้าสิ บางทีข้าอารมณ์ดี อาจบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้”

ชิงเฟิงอยากก่นด่า

เซียวหยู่เซวียนกลับพูดขึ้นมาก่อน แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่สนใจแยแส

“ต่อให้เจ้าพูดอย่างน้ำไหลไฟดับ ข้าก็ไม่เชื่อเจ้าสักคำ ยิ่งไม่อยากฟังเจ้าพูดจาไปเรื่อยๆอยู่ที่นี่ ข้าช่างสงสารเจ้ายิ่งนัก หัวหน้าเผ่าหยกคนก่อนตายแล้ว หัวหน้าเผ่าหยกคนปัจจุบันก็ตายแล้ว เผ่าหยกก็ไม่มีธิดาเทพมาบังเกิดใหม่ เจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เป็นได้เพียงเงาของคนอื่นทุกชาติทุกภพ มีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของคนอื่น”

“คนอื่นพูดถึงเจ้า ล้วนไม่มีใครรู้ว่าเจ้าชื่อฮัวอิ่ง รู้แต่เพียงว่าเจ้าเป็นเงาของหัวหน้าเผ่าหยกคนก่อน”

“เซียวหยู่เซวียน ชั่วชีวิตนี้ข้าเกลียดคนที่พูดว่าข้าเป็นเงาที่สุด”

“แล้วเจ้าไม่ใช่เงาหรือ?”

“หากยังกล้าพูดอีก ข้าจะดูดเลือดของเจ้าให้หมดเสียตอนนี้”

“ต่อให้ข้าไม่พูด เจ้ายังคิดจะปล่อยข้าไปหรือ? ในเมื่อจะต้องตาย ก่อนตายทำไมไม่ระบายความในใจออกมาล่ะ”

“คลั่ก”

ฮัวอิ่งบีบคอของเขา รุนแรงจนเซียวหยู่เซวียนหายใจไม่ออกใบหน้าแดงก่ำ หายใจลำบาก

“คุณชายเซียว……”

“คุณชายเซียว……ปล่อยเขา……”

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียร้อนใจ

พวกเขาอยากช่วยเซียวหยู่เซวียน แต่จนใจที่ร่างกายขยับไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูเซียวหยู่เซวียนค่อยๆขาดลมหายใจภายใต้เงื้อมมือของคนบ้าคนนั้น

เซียวหยู่เซวียนหายใจลำบาก และก็สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังจะมาเยือน

แต่เขายังคงเผยรอยยิ้มแย้ม ดวงตาหงส์คู่นั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ปากพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า

“เจ้า….เป็นได้….เพียง…เงา…ตลอดไป….”

ฮัวอิ่งอยากฆ่าเขา

ไม่รู้คิดอะไรได้ขึ้นมา นางคลายมือออก

“เจ้าต้องการที่จะกระตุ้นให้ข้าฆ่าเจ้า แบบนี้เวลาข้าดูดเลือดของเจ้าก็จะไม่สดใหม่แล้ว เจ้าไม่อยากรู้ความจริงหรือ? แต่ข้าจะบอกให้เจ้ารู้”

“เจ้าคิดว่าดวงจิตวิญญาณของกู้ชูหน่วน จะหาร่างสิงสถิตได้ง่ายๆหรือ? ถุย ไม่ใช่ ต่อให้เผ่าหยกมีฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีความสามารถที่จะให้คนธรรมดาคนหนึ่งรองรับจิตวิญญาณของพวกเขาได้”

“ที่นางมาหามู่หน่วนได้ เพราะมู่หน่วนก็คือกู้ชูหน่วน เดิมพวกนางก็คือคนคนเดียวกัน”

คนเดียวกัน?

รูปลักษณ์ไม่เหมือนกัน ทวีปแตกต่างกัน เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน จะเป็นคนคนเดียวกันได้อย่างไร?

“อยากรู้? ฮ่าๆ….ข้าไม่บอกเหตุผลให้พวกเจ้ารู้หรอก ข้าจะบอกเจ้าเพียงว่า มู่หน่วนก็คือกู้ชูหน่วน ขอเพียงมู่หน่วนรวบรวมดวงจิตจนครบ นางก็จะกลายเป็นกู้ชูหน่วน และ….เมื่อสามปีก่อนตอนที่กู้ชูหน่วนสังเวยเลือด มีดวงจิตดวงหนึ่งบินหนีไปใช่ไหม? ดวงจิตดวงนั้นสถิตอยู่ในร่างกายมู่หน่วน เท่ากับในร่างกายมู่หน่วนมีดวงจิตทั้งหมดสี่ดวง”

“ไม่นานนางก็จะสามารถรวบรวมได้ห้าดวง ดวงที่หกอยู่ในมือของข้า”

“หากไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าดวงจิตดวงสุดท้ายอยู่ที่ไหน ข้าจะให้นางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรือ”

“ใช่ ข้าจะบอกความลับพวกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงชอบรวบรวมหยางบำรุงหยิน สูบเลือดคนหนุ่มที่มีวิทยายุทธ์สูงส่งไหม? สูบเลือดและพลังของพวกเขาจนหมด ข้าไม่เพียงสามารถฟื้นคืนรูปลักษณ์ วิทยายุทธ์ก็สามารถเพิ่มสูงขึ้นด้วย”

“เพียงข้าสูบเลือดพวกเจ้า ยังมีฝูกวง เลว่อิ่ง ซ่างกวนหมิงหลาง ข้าก็จะสามารถไปถึงขึ้นเจ็ด รอเมื่อข้าสูบวิทยายุทธ์ของเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยี ข้าก็จะสามารถไปถึงขั้นกลางระดับเจ็ด”

“ขอเพียงรวบรวมดวงจิตกู้ชูหน่วนครบแล้ว ข้าค่อยสูบนาง ข้าก็จะสามารถไปถึงระดับคน ฮ่าๆ….ขั้นสูงสุดระดับเจ็ดก็ไร้คู่ต่อสู้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับคน”