ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ ก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากทะเลสาบ มันหลอมรวมเข้ากับบรรยากาศและปลดปล่อยพละกำลังหนักหน่วงออกมา ราวกับพร้อมจะโบยบินสู่สรวงสวรรค์
จางเซวียนสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างเงียบๆขณะเดินตามฉีหลิงเอ๋อ
เขารู้ว่าทะเลสาบจันทร์กระจ่างคือศูนย์กลางของค่ายกลที่โอบล้อมภูเขาลอยฟ้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเขาในเวลานี้
พลังจิตวิญญาณเข้มข้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทะเลสาบจันทร์กระจ่างมี ดูเหมือนมันจะเชื่อมโยงกับแอ่งลาวาที่อยู่ภายในหุบเขาและสายฟ้ากลางอากาศ นี่หมายความว่าทะเลสาบมีองค์ประกอบของพละกำลังจากทั้ง 3 ธาตุ คือน้ำ แสง และไฟ
“ดูเหมือนจะมีเลือดของอสูรทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น…” จางเซวียนพึมพำ
ลำพังแค่พลังของ 3 ธาตุย่อมไม่เพียงพอสำหรับการบ่มเพาะกายเนื้อของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ทะเลสาบจันทร์กระจ่างจึงมีหยดเลือดของอสูรทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย
เพียงแค่กวาดตามอง จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่ามีเลือดของอสูรสวรรค์และอสูรสวรรค์สร้างหลายร้อยตัวเจือปนอยู่ในทะเลสาบ การปะทะกันของหยดเลือดเหล่านั้นทำให้พลังงานภายในทะเลสาบมีความเกรี้ยวกราดรุนแรง ถึงขนาดที่อาวุธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็หลอมละลายอย่างรวดเร็วหากตกลงไปในนั้น
ตระกูลฉีคงต้องลงทุนลงแรงไม่น้อยกว่าจะสร้างทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ เพราะกลุ่มอำนาจส่วนใหญ่ไม่น่าจะรวบรวมหยดเลือดของอสูรได้มากมายขนาดนั้น แถมยังมีการสร้างค่ายกลโดยใช้พละกำลังของพวกมันอีกด้วย
จากหนังสือที่เขาได้อ่าน มีช่วงเวลาของความวุ่นวายและวิกฤตที่เกิดขึ้นหลังจากการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ ซึ่งระหว่างช่วงเวลานั้น อสูรสวรรค์และอสูรสวรรค์สร้างหายากจำนวนมากมายถึงกับสูญพันธุ์ไป
นั่นหมายความว่า ต่อให้เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ก็ไม่มีทางสร้างสิ่งที่เหมือนกับทะเลสาบจันทร์กระจ่างขึ้นได้อีก
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ**เราต้องหาโอกาสลงน้ำให้ได้ จางเซวียนคิดพร้อมกับถอนหายใจ
ถึงเขาจะไม่อยากใช้ทรัพย์สมบัติของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สิ่งที่สำคัญกว่าในเวลานี้คือการยกระดับวรยุทธ อย่างมากที่สุดก็แค่ตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่าในอนาคตจะสามารถชดเชยให้ตระกูลฉีได้
ไม่ช้าทั้งกลุ่มก็มาถึงทะเลสาบ ชายวัยกลางคนสั่งการ “คุณเข้าไปได้แล้ว”
“ท่านหัวหน้า ขอเวลาสักครู่ ฉันต้องสั่งการเขา 2-3 เรื่องก่อนจะเข้าสู่ทะเลสาบ” ฉีหลิงเอ๋อตอบอย่างวางมาด
จากนั้นเธอก็เดินไปหาจางเซวียน ความสง่างามหายวับไป สีหน้าของเธอบ่งบอกความกระวนกระวายขณะตั้งคำถาม “นายน้อยจาง ฉันควรทำอย่างไร?”
เธอพูดไว้ก็จริงว่าอยากเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง แต่ไม่คิดว่าจะได้เข้ามาที่นี่ทันทีโดยยังไม่ทันได้เตรียมตัว แถมหัวหน้าตระกูลยังมากับเธอด้วย
เรื่องนั้นทำให้เธอลนลานแม้จะวางท่าสุขุมเยือกเย็นมาตลอดทาง
“ไม่ต้องห่วง กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป แล้วคุณจะไม่เป็นอะไร” จางเซวียนพูดขณะยื่นยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางเม็ดหนึ่งให้
ฉีหลิงเอ๋อมองยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางอย่างลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกลืนลงไปโดยไม่ตั้งคำถาม
เธอผิดหวังที่พบว่าร่างกายของเธอดูจะไม่เปลี่ยนแปลงสักนิดหลังจากกินยาเม็ดนั้น ฉีหลิงเอ๋อไม่สบายใจ เธอมองจางเซวียนด้วยความหวังว่าจะได้รับคำยืนยัน
แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ก้มหน้า บ่งบอกชัดเจนว่าเขาจัดการธุระที่ต้องทำจนเสร็จสิ้นแล้ว
รู้ดีว่าไม่มีทางถอย ฉีหลิงเอ๋อสูดหายใจลึกก่อนกระโจนลงสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง
ตูมมมมม!
ทันทีที่ร่างของเธอสัมผัสน้ำ พลังงานเกรี้ยวกราดที่อยู่ในนั้นก็พุ่งเข้าใส่
ฉีหลิงเอ๋อรีบสำแดงพละกำลังของสายเลือดตระกูลฉีเพื่อสร้างปราการปกป้องผิวของเธอ ปราการนั้นดูจะทำให้พลังงานเกรี้ยวกราดที่พุ่งเข้ามาสงบลงได้บ้าง สิ่งที่เธอต้องแบกรับจึงไม่สาหัสเกินไป
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมทะเลสาบจันทร์กระจ่างจึงเป็นสถานที่ที่ใช้เฉพาะกับสมาชิกตระกูลฉี…” จางเซวียนพยักหน้า
เขาเคยสงสัยว่านักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงจะต้านทานทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่ของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด กลับกลายเป็นว่ากุญแจอยู่ที่ประสิทธิภาพของสายเลือดตระกูลฉี!
ผู้ที่สืบเชื้อสายจากนักรบผู้ทรงพลังจะมีสายเลือดบริสุทธิ์กว่า สติปัญญาและความปราดเปรื่องก็มากกว่า โดยนอกจากการบ่มเพาะกายเนื้อ ทะเลสาบจันทร์กระจ่างยังมีไว้สำหรับประเมินประสิทธิภาพของสายเลือดในตัวทายาทตระกูลฉีแต่ละคนด้วย
แม้ตอนนี้ฉีหลิงเอ๋อจะต้านทานพลังงานในทะเลสาบได้ แต่ก็ใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดหวั่น
เธอรู้ดีว่าประสิทธิภาพของสายเลือดจะค่อยๆถดถอยลงเพราะความรุนแรงของพลังงานที่ถาโถมเข้าใส่ ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อน เธอรู้สึกว่าพลังงานในตัวใกล้จะเหือดแห้งหลังจาก 15 นาทีผ่านไป
แต่ขณะที่ฉีหลิงเอ๋อกำลังจะหมดความอดทน ก็พลันรู้สึกถึงกระแสพลังงานใหม่ที่พวยพุ่งออกจากจุดตันเถียน ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางที่เธอกินเข้าไปเมื่อครู่กำลังปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ปริมาณมหาศาลออกมา ช่วยฟื้นฟูพลังงานของเธอและนำความกระชุ่มกระชวยกลับคืนสู่จิตวิญญาณ
สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเธอต้านทานการโจมตีของพลังงานเกรี้ยวกราดนั้นได้
“แต่กระแสพลังงานนี้…ทำไมถึงให้ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เราทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้เมื่อครู่ก่อน?” ฉีหลิงเอ๋อตาโต
เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกว่าช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเหลือเกินที่กลับสู่เมืองหลวงพร้อมกับจางเซวียน
ถ้าเธอยังอยู่ในเมืองตะวันรอนต่อไป ก็มีแต่จะกลายเป็นคนนอกสำหรับตระกูลฉี และทันทีที่ฉีเยว่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้า สายเลือดของเธอจะถูกกดขี่ข่มเหงมากขึ้นอีก และนั่นยังคงเป็นคำถามข้อใหญ่ว่าพวกเธอจะยังรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ หัวหน้าตระกูลอนุญาตให้เธอกลับเมืองหลวงแล้ว แถมเธอยังได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการหนึ่งในธุรกิจหลักของตระกูลฉีที่อยู่ในเมืองหลวงด้วย ไม่มีหินรองฝ่าเท้าก้อนไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับการสร้างอิทธิพลในเมืองหลวงอีกครั้ง
ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนเป็นความช่วยเหลือของชายหนุ่ม
“สติปัญญาของเธอพัฒนาขึ้นจริงๆ…”
เห็นฉีหลิงเอ๋อยังอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้โดยไม่สะทกสะท้านแม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 15 นาที ฉีชุนเอ๋อพึมพำขณะกำหมัดแน่น
เธอคิดว่าฉีหลิงเอ๋อพูดแบบนั้นออกมาเพราะไม่อาจทำอะไรที่เข้าท่ากว่านั้นได้ อีกฝ่ายอาจหวังว่าการคุยโวโอ้อวดอาจทำให้ตัวเองรอดพ้นจากวิกฤตที่เผชิญอยู่ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างที่เธออวดอ้างล้วนเป็นความจริง!
1 ชั่วโมงผ่านไป ฉีหลิงเอ๋อก็ยังอยู่ในทะเลสาบ
เวลาล่วงเลยไปจนถึง 2 ชั่วโมง แต่ฉีหลิงเอ๋อก็ยังไม่แสดงอาการว่าจะทนไม่ไหว
ตอนนี้ แม้แต่ฉีเยว่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
ความบริสุทธิ์ของสายเลือดนั้นถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด ในเมื่อครั้งแรก ฉีหลิงเอ๋ออดทนอยู่ในทะเลสาบได้เพียง 15 นาที ก็ยากจะเชื่อว่าคราวนี้เธอจะอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมง
ผ่านไปเพียงไม่กี่ปีสายเลือดของเธอแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?หรือว่าตอนนี้เธออยู่ในขั้นเดียวกับเขาแล้ว?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาคงตกที่นั่งลำบาก!
ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงครืดคราดก็ดังออกจากร่างของหญิงสาวที่อยู่ในทะเลสาบ พลังงานมหาศาลพวยพุ่งออกจากร่างของเธอขณะที่ระดับวรยุทธเพิ่มสูงขึ้นจากเทพเจ้าขั้นสูงไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ
ฉีหลิงเอ๋อติดแหงกอยู่กับด่านคอขวดมาระยะหนึ่งแล้ว และยังไม่พบแรงบันดาลใจหรือภูมิปัญญาใดๆที่จะนำไปสู่การฝ่าด่านวรยุทธ แต่ด้วยพลังจิตวิญญาณเข้มข้นในทะเลสาบจันทร์กระจ่างและการบ่มเพาะของหยดเลือด ขณะที่กายเนื้อของเธอกำลังพัฒนา ระดับวรยุทธของพลังปราณก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉีหลิงเอ๋อกระโจนขึ้นจากทะเลสาบและกลับมาที่ฝั่ง
ถ้าเธอไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธ พลังงานที่อยู่ภายในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางคงทำให้เธออยู่ในทะเลสาบได้นานกว่านี้ แต่เพราะใช้พลังงานไปกับการฝ่าด่านวรยุทธเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง พลังของเธอจึงหมดเร็วกว่าที่คิดไว้
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อยู่ในทะเลสาบได้นานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งเกินพอจะทำให้เธอได้เป็นอัจฉริยะชั้นยอดคนหนึ่ง เป็นรองก็แค่ฉีเยว่
“คุณทำอะไรมาถึงพัฒนาสายเลือดให้ทรงพลังได้ขนาดนี้?” ชายวัยกลางคนถาม
ความสามารถในการพัฒนาสายเลือดคือสิ่งที่ประเมินค่ามิได้สำหรับตระกูลส่วนใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงการเพิ่มปริมาณของอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องในตระกูลได้ตามแต่จะต้องการ ขอแค่มีทรัพยากรมากพอเท่านั้น
สิ่งนี้จะช่วยแผ้วถางเส้นทางของตระกูลฉีในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอด อย่าว่าแต่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ต่อให้ทั้งสรวงสวรรค์ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร
“ท่านหัวหน้า ฉันไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลย ก็แค่กินยาเม็ดเพิ่มความงาม” ฉีหลิงเอ๋อลังเลครู่หนึ่งก่อนจะอธิบาย
เธอตั้งใจปกปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ด้วยวิธีการต่างๆนานาของตระกูลฉี ไม่ช้าไม่นานพวกเขาก็คงขุดคุ้ยความจริงจนได้
“ยาเม็ดเพิ่มความงาม?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว
ในฐานะราชันย์เทพเจ้า แทบไม่มีสิ่งใดในโลกหลุดรอดจากสายตาของเขาได้ แต่ยาเม็ดเพิ่มความงามเป็นหนึ่งในนั้น
“มันเป็นยาที่ทรงพลังมาก สามารถขจัดรอยแผลเป็นที่รักษาไม่หาย ทำให้ผิวพรรณของผู้นั้นเรียบเนียนและยืดหยุ่นกว่าเดิม หน้าตาและรูปร่างก็ดูดีขึ้น ตอนแรกฉันคิดว่าประสิทธิภาพของมันมีเพียงด้านความงาม แต่ไม่ช้าก็รู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงสภาวะร่างกายของฉันด้วย ทำให้ฉันฝึกฝนวรยุทธได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก ฉันคิดว่าสติปัญญาของฉันพัฒนาขึ้นก็เพราะยานี้ จึงกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อหวังจะท้าทายทะเลสาบจันทร์กระจ่างอีกครั้ง” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
“มียาแบบนี้อยู่ในโลก?”
“นอกจากจะทำให้สวยขึ้น ยังเปลี่ยนแปลงสภาวะร่างกายได้ด้วย?”
ฉีเยว่กับฉีชุนเอ๋อถึงกับผงะ
โดยเฉพาะฉีชุนเอ๋อ นัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยแรงริษยา
ตั้งแต่แวบแรกที่เธอได้เห็นฉีหลิงเอ๋อ ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายดูอ่อนเยาว์กว่าแต่ก่อนมาก ผิวพรรณก็เรียบเนียน ใบหน้าแทบไม่มีริ้วรอยใดๆ
เธอคิดว่าฉีหลิงเอ๋ออาจได้กินน้ำทิพย์บางอย่าง ไม่นึกเลยว่ามันคือยาเม็ดเพิ่มความงาม
ชายวัยกลางคนดูจะสงสัยกับคำบอกเล่าของฉีหลิงเอ๋อ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เสียทีเดียว “ตอนนี้คุณยังมียาเม็ดเพิ่มความงามอยู่กับตัวไหม?”
“ฉันมี” ฉีหลิงเอ๋อพยักหน้าขณะยื่นกล่องหยกให้
มันคือยาเม็ดชุดเดียวกับที่เธอใช้เมื่อครั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เป็นครั้งแรกที่เมืองตะวันรอน
ชายวัยกลางคนเปิดกล่องหยก เขาหยิบยาเม็ดเพิ่มความงามออกมาและพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน ยิ่งตรวจสอบมันเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยับย่นขึ้นเรื่อยๆ
เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไร ยาเม็ดที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าธรรมดา…แต่ฉีหลิงเอ๋อบอกว่ามันจะช่วยเพิ่มความงามและแก้ไขสภาวะร่างกายได้?