ทำไมเขาถึงดูไม่ออกเลย!
“ท่านหัวหน้า ฉันรู้ว่ามันเหลือเชื่อ แต่คุณจะลองดูก็ได้ วรยุทธสูงส่งของคุณอาจทำให้ประสิทธิภาพของมันไม่เด่นชัดเท่าไหร่ แต่ฉันเชื่อว่าถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกได้!” ฉีหลิงเอ๋อพูด
“อย่างนั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนย้อนถาม
เขาอ้าปากและกลืนยาเม็ดลงไป
เพียงครู่เดียวก็เลิกคิ้ว
แม้มันจะดูไม่แตกต่างกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั่วไป แต่ก็มีพลังงานพิเศษบางอย่างที่สามารถเยียวยาอาการบอบช้ำภายในขณะที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง
เป็นอย่างที่ฉีหลิงเอ๋อบอกไว้ ประสิทธิภาพของมันลดลงมากเพราะเขาเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว แต่การที่มันยังออกฤทธิ์กับเขาได้อยู่ก็บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง
“แม้แต่ตัวเรายังเยียวยาความบอบช้ำภายในเหล่านั้นไม่ได้เลย…” ชายวัยกลางคนพึมพำอย่างทึ่งจัด
อาการบอบช้ำภายในฝังรากลึกอยู่กับตัวเขา ไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้ผล ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำเม็ดเดียวจะเปลี่ยนแปลงมันได้…
สิ่งที่เรียกว่ายาเม็ดเพิ่มความงามนี้ช่างน่าสะพรึงเสียจริง!
“คุณได้ยานี้มาจากไหน?” ชายวัยกลางคนถามอย่างร้อนใจ น้ำเสียงสั่นเครือของเขาเกินพอที่จะบ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่พยายามปกปิดไว้
ฉีหลิงเอ๋อเหลือบมองจางเซวียน แต่อีกฝ่ายก็ไม่แสดงอาการว่าอยากเปิดเผยตัวเอง ขณะที่เธอกำลังประทับใจกับความถ่อมตัวของชายหนุ่ม ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันได้มันมาจากสหายคนหนึ่งในราคาสูงลิ่ว สนนราคาอยู่ที่เม็ดละ 1,500 เหรียญสวรรค์ และยังไม่มีวางขายในท้องตลาด”
“1,500เหรียญสวรรค์? ก็ไม่แพงนะ บอกสหายของคุณว่าตระกูลฉีของเราจะเหมายาเม็ดเพิ่มความงามทั้งหมดที่เขามี!” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับโบกมืออย่างวางมาด
แม้ประสิทธิภาพของยาเม็ดที่ส่งผลต่อเขาจะมีจำกัด แต่การที่มันยังสำแดงอานุภาพออกมาได้ก็ถือว่าน่าประทับใจแล้ว
ใครๆก็รู้ว่าคนเดียวในตระกูลฉีที่ทำอะไรแบบนี้ได้ก็มีแต่บรรพบุรุษเก่าแก่ฉีเหมิงเท่านั้น
ถ้าเขาควบคุมการกระจายยาเม็ดเพิ่มความงามให้จำกัดอยู่แค่ในตระกูลฉีได้ ไม่ช้าไม่นาน ตระกูลฉีจะต้องก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่ง!
“รับทราบ” ฉีหลิงเอ๋อพยักหน้า
เธอไม่คิดว่าหัวหน้าตระกูลจะกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของกิจการยาเม็ดเพิ่มความงามของเธอ แต่ก็สะบัดข้อมือและนำยาเม็ดเพิ่มความงามที่เหลืออยู่ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ “ตอนนี้ฉันมีอยู่ 14 เม็ด”
“ผมเหมาหมด” ชายวัยกลางคนพูด
เขาเก็บกล่องหยกที่ได้จากเธอไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะกระดิกนิ้วเบาๆ
พริบตาต่อมา มูลค่าเงินในบัตรของฉีหลิงเอ๋อก็เพิ่มขึ้นอีก 22,500 เหรียญสวรรค์
หัวหน้าตระกูลจ่ายเงินค่ายาเม็ดเพิ่มความงามที่เธอให้เขาทดลองด้วย เพราะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากราชันย์เทพเจ้าจะเอาเปรียบสมาชิกที่อ่อนอาวุโสกว่า
“ขอบคุณมาก ท่านหัวหน้า” ฉีหลิงเอ๋อโค้งคำนับอย่างงาม
คุณค่าที่แท้จริงของการซื้อขายครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่เป็นท่าทีของหัวหน้าตระกูล ตอนนี้เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลตลาดจันทร์กระจ่างแล้ว ถึงอย่างไรเงินก็ไหลเข้ากระเป๋าแม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่การที่เธอได้ทำธุรกิจร่วมกับหัวหน้าตระกูลจะทำให้การมีสิทธิ์มีเสียงของเธอในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีกมาก
ใครก็ตามที่ปองร้ายตัวเธอกับสายเลือดของเธอจะต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนจะลงมือทำอะไร เพราะเธออาจใช้เส้นสายที่มีเอาคืนพวกนั้นอย่างสาสม
หัวหน้าตระกูลพยักหน้า เขาโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายก่อนจะเดินจากไป
ในร่างกายของเขายังหลงเหลือความบอบช้ำภายในอีก 2-3 จุดที่ต้องเยียวยา จึงตั้งใจจะหาที่เงียบๆเพื่อกินยาและปล่อยให้มันออกฤทธิ์ และบางทีอาจยกระดับวรยุทธได้อีกสักเล็กน้อย
เขาไม่มีทางได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เป็นหนึ่งในสุดยอดราชันย์เทพเจ้า
“ท่านหัวหน้า…”
ฉีชุนเอ๋อพูดไม่ออก
เธอคิดว่าหัวหน้าตระกูลจะต้องลงโทษฉีหลิงเอ๋ออย่างหนัก คงสั่งการให้คุมขังอีกฝ่ายจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน ฝ่ายเธอต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่ส่วนแบ่งของรายได้จากตลาดจันทร์กระจ่างก็เกินพอจะทำให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่าได้หลายสิบปีแล้ว ซึ่งนั่นยังไม่รวมถึงอิทธิพลและอำนาจที่มาจากตำแหน่งดังกล่าว
ที่ไหนก็ตามที่เงินถึง เส้นสายก็ย่อมตามไป
“ฉีหลิงเอ๋อ ตอนนี้คุณคงจองหองพองขนเต็มที่สินะ ฉันไม่รู้ว่าคุณใช้ลูกไม้อะไรที่ทำให้อยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้ถึง 3 ชั่วโมง และไม่รู้ด้วยว่ายาเม็ดเพิ่มความงามของคุณมหัศจรรย์ขนาดไหน แต่คุณแน่ใจได้เลยว่าตัวฉันจะเอาทุกอย่างที่เคยเป็นของฉันกลับคืนมาให้ได้!”
ฉีชุนเอ๋อทิ้งท้าย จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป
เธอคือคนแพ้ พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในเมื่อฉีหลิงเอ๋อกลับมาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ต่อไปก็คงได้ปะทะกันอีก
เธอไม่เชื่อว่าฉีชุนเอ๋อจะโชคดีถึงขนาดเอาชนะเธอได้ทุกครั้ง
แม้ฉีชุนเอ๋อจากไปแล้ว ฉีเยว่ก็ยังยืนนิ่ง สีหน้าของเขาออกอาการครุ่นคิดหนักราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจบางอย่าง เขามองฉีหลิงเอ๋อครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปหาจางเซวียนที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ
สุดท้าย ฉีเยว่ก็ได้แต่ส่ายหน้าและจากไป
วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลกว่าน้องสาวของเขามาก เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข่งขันกับบางอย่างที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะขอแค่เขาได้เป็นราชันย์เทพเจ้า อุปสรรคที่คอยขัดขวางก็จะหายไป
เพราะต่อให้ใครสักคนจะมีอิทธิพลแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์หากมีพละกำลังไม่มากพอที่จะรักษามันไว้
ขอแค่แข็งแกร่งพอ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง อิทธิพล หรือเส้นสาย ก็ล้วนอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
“นายน้อยจาง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”
เมื่อทุกคนจากไป ฉีหลิงเอ๋อหันมาโค้งคำนับอย่างงามให้จางเซวียน
ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้ เธอคงต้องอยู่ในเมืองตะวันรอนจนชั่วชีวิต ทำอะไรอื่นไม่ได้นอกจากรับหน้าที่ผู้จัดการตลาดมืดใต้ดินจนสิ้นอายุขัย
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก” จางเซวียนตอบ “มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้คุณช่วย ผมสนใจทะเลสาบจันทร์กระจ่างมาก และอยากทดลองสักหน่อย”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากมาที่ตระกูลฉี และในเมื่อเป้าหมายอยู่ตรงหน้า ก็เป็นธรรมดาที่แทบจะอดใจไม่ไหว
คำขอของจางเซวียนทำให้ฉีหลิงเอ๋อตกใจ เธอถึงกับหน้าถอดสีไปครู่หนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เธอลังเลอยู่สักพักก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “พลังงานในทะเลสาบจันทร์กระจ่างรุนแรงเกรี้ยวกราดมาก ผู้ที่ไม่มีสายเลือดตระกูลฉีจะต้องเจอกับอันตรายใหญ่หลวง”
ในฐานะผู้ที่เคยสัมผัสทะเลสาบจันทร์กระจ่างด้วยตัวเอง เธอรู้ดีว่ามันน่าสะพรึงแค่ไหน ถ้าปราศจากการคุ้มกันของสายเลือด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้นั้นจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านทันทีที่สัมผัสกับน้ำในทะเลสาบ
“ผมแค่อยากลอง ถ้ามีอันตราย จะรีบขึ้นมาทันที” จางเซวียนตอบ
“เอ่อ…อย่างนั้นก็ได้”
เมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ครอบครองสายเลือดจอมราชันย์ ฉีหลิงเอ๋อโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
เธอถอนหายใจและพูดต่อ “ฉันแน่ใจว่าคุณรู้กฎของเราที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง ฉันจะคอยเฝ้าระวังให้คุณอยู่ด้านนอกนะเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น และคุณก็ห้ามพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ใครฟังด้วย…”
ไม่มีข้อห้ามที่ระบุว่าห้ามสมาชิกของตระกูลฉีพาคนนอกเข้าสู่อาณาบริเวณของทะเลสาบ แต่การปล่อยให้คนนอกลงไปในทะเลสาบนั้น แน่นอนว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎ
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจของใครอยู่แล้ว และจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็นโดยเด็ดขาด” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มเพื่อให้ความมั่นใจ
จำเป็นตรงไหนที่ต้องป่าวประกาศให้ใครรู้*?คนถ่อมเนื้อถ่อมตัวอย่างเราไม่พูดมากอยู่แล้ว!*
จางเซวียนสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวลงไปในทะเลสาบ
เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานรุนแรงเกรี้ยวกราดพุ่งตรงเข้ามาฉีกร่างของเขา เหมือนได้เจอกับคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติอีกครั้ง เพียงครู่เดียว ร่างของจางเซวียนก็ตึงเขม็ง เลือดสดๆไหลออกจากร่างของเขาไม่หยุด
“พลังปราณเทียบฟ้า!”
ด้วยการใช้ความคิด จางเซวียนตั้งต้นขับเคลื่อนพลังงานปราณไปทั่วร่าง ทำการบ่มเพาะและเยียวยากล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บ
แต่พลังงานรุนแรงในทะเลสาบมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก แม้เขาจะเยียวยาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอจะยับยั้งร่างกายไม่ให้แหลกสลาย
“ออกมา!”
จางเซวียนนำไก่น้อยออกจากจุดตันเถียน
“เหลือเชื่อจริงๆ! พลังจิตวิญญาณร้อนแผดเผาอะไรขนาดนี้…ผมชอบบบบ! มาเลยที่รัก มาฉีกผมให้เป็นชิ้นๆ!”
ได้เห็นทะเลสาบจันทร์กระจ่าง นัยน์ตากลมดำเหมือนลูกปัดของไก่น้อยถึงกับเบิกโพลง
มันกระพือปีกเล็กจ้อยและว่ายเตาะแตะไปทั่วทะเลสาบ
จางเซวียนขมวดคิ้ว
เหตุผลที่เขานำไก่น้อยออกมาก็เพื่อจะต้มซุปไก่ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเยียวยาร่างกายของเขา แต่มันกลับว่ายไปมาอย่างมีความสุข…
อย่าลืมสิว่าแกเป็นใคร! แกเป็นไก่นะ ไม่ใช่เป็ด!
ไก่น่ะว่ายน้ำไม่ได้!
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะต่อว่าไก่น้อย อีกฝ่ายก็มุดหัวเพื่อดำดิ่งลงไปในทะเลสาบ
น้ำในทะเลสาบเดือดพล่านเป็นฟองขณะที่พลังงานดุเดือดพุ่งเข้าใส่ไก่น้อย ราวกับถูกยิงด้วยลูกธนูหอบใหญ่ เพียงครู่เดียวไก่น้อยก็เละ กลายเป็นหย่อมเลือดสีแดงก่ำหย่อมหนึ่ง
“ฮะ…”
ฉีหลิงเอ๋อที่เฝ้าดูจากริมฝั่งถึงกับจังงัง
เจ้าไก่นั่นคืออะไร? มาจากไหน? ทำไมถึงพยายามฆ่าตัวตาย? กลัวถูกจับกินหรือไง?
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของฉีหลิงเอ๋ออย่างไม่หยุดหย่อน
“แกมันไอ้ตัวไร้ประโยชน์!” จางเซวียนแทบปล่อยโฮ
อย่างน้อยที่สุด ก็ช่วยมีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม? ฉันนำแกออกมาเพื่อให้ช่วยชีวิตฉัน แต่ลงท้ายแกก็ฆ่าตัวตายเสียเอง…
อสูรในตำนานอย่างแกควรรักษาชื่อเสียงของตัวเองมากกว่านี้!
จางเซวียนก้มหน้าด้วยความอับอายที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับก้อนขนไร้สติตัวนี้ ดูเหมือนเขาคงต้องพึ่งตัวเอง
ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยเป็นไปตามแผนเมื่อมีไก่บ้าตัวนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง
จางเซวียนกัดฟัน เขาขับเคลื่อนพลังงานสวรรค์สร้างเต็มพิกัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเยียวยาให้ถึงขีดสุด แต่ดูเหมือนจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
ทะเลสาบจันทร์กระจ่างสั่นสะท้านไม่หยุด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกิดความผิดปกติบางอย่าง
จางเซวียนชะงักและมองรอบตัว เห็นทะเลสาบสั่นอย่างดุเดือดจนดูเหมือนพร้อมระเบิดได้ทุกวินาที
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร*?* จางเซวียนแทบคลั่ง
ครั้งก่อนที่เกิดเรื่องแบบนี้คือที่ทะเลสาบหมดจดของจักรวรรดิฮ่วนหยู ในตอนนั้น เป็นเพราะเขากับตัวโคลนซึมซับพลังงานในปริมาณมากเกินไป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความตะกละตะกรามของเขาเองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น
แต่คราวนี้เขายังไม่ได้เริ่มฝึกฝนวรยุทธเลยด้วยซ้ำ! ลำพังแค่ปัดป้องพลังงานรุนแรงเกรี้ยวกราดที่พุ่งเข้าใส่ก็ไม่เหลือเวลาให้ทำอะไรแล้ว
ถ้าเราพยายามสูบทะเลสาบให้เหือดแห้งแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็ยังพอเข้าใจ แต่นี่เราไม่ได้ทำอะไรเลย…ไม่ยุติธรรม!
ทำไมทะเลสาบถึงทำท่าจะระเบิด?
คราวนี้ไม่เกี่ยวกับเรานะ!