จางเซวียนโมโหจนแทบสติแตก เขารู้ดีว่าราชันย์เทพเจ้าจะต้องฉีกเขาเป็นชิ้นๆแน่ถ้าทะเลสาบจันทร์กระจ่างระเบิดขึ้นมาจริงๆ
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามกระโจนขึ้นจากทะเลสาบเพื่อยับยั้งอะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร พลังงานดุเดือดที่อยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็พุ่งเข้าใส่เขา สกัดกั้นบริเวณโดยรอบไว้หมด ในชั่วพริบตา จางเซวียนก็พบว่าตัวเขาเคลื่อนไหวไม่ได้ ราวกับใครสักคนใช้บ่วงรัดเขาไว้ ไม่มีหนทางหลบหนีเลย
“เวรแล้ว!” จางเซวียนสบถ
เขาก็กำลังจะขึ้นจากทะเลสาบ แล้วทำไมต้องติดหนึบกับเขาราวกับแฟนเก่าที่ไม่ยอมเลิกรา?
จางเซวียนพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนให้พ้นจากการกักขังของทะเลสาบ แต่พลังงานนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ตัวเขาซึ่งเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำจะรับมือไหว เขารู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ใจกลางน้ำวน แค่ฝืนตัวไว้ไม่ให้หมุนติ้วก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว นับประสาอะไรกับจะว่ายหนี!
ในที่สุด พลังงานนั้นก็พุ่งเข้าโอบล้อมจางเซวียนจากทุกทิศทาง เขารู้สึกราวกับมีมือมากมายฉุดรั้งไว้อย่างแรง พยายามฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ
สำหรับตอนนี้ ต่อให้พลังปราณเทียบฟ้าก็ไร้ประโยชน์
ฉีหลิงเอ๋ออยู่ในทะเลสาบได้กว่า 3 ชั่วโมงโดยใช้กระแสพลังปราณเทียบฟ้าเพียงสายเดียว แต่นั่นก็เป็นเพราะสายเลือดของเธอสามารถระงับความรุนแรงของพลังงานในทะเลสาบได้
แต่สำหรับเขา พลังงานนั้นสำแดงแสนยานุภาพเต็มที่ราวกับพยายามกำจัดผู้บุกรุก เมื่อเจอกับความเกรี้ยวกราดเต็มพิกัดของทะเลสาบ พลังปราณเทียบฟ้าก็แทบทำอะไรไม่ได้
เลือดทะลักออกจากร่างของจางเซวียน เขาเริ่มรู้สึกมึนหัว
“เราจะตายแบบนี้จริงๆหรือ?” จางเซวียนรู้สึกอยากร้องไห้
ทะเลสาบจันทร์กระจ่างจะไม่ต้อนรับเขาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่มันหลอกล่อเขาให้ติดกับและพยายาม ทำให้เขากลายเป็นมือระเบิดพลีชีพ! ดูเหมือนเขาต้องตายเท่านั้นมันถึงจะพอใจ
แบบนี้ไม่ได้การเราใช้หน้าหนังสือสีทองเล่นงานทะเลสาบดีไหม? จางเซวียนคิด
เขาอยากเก็บหน้าหนังสือสีทองไว้ใช้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าในอนาคตคงต้องเจอ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไรหากเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ จางเซวียนไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรได้
เขากัดฟันและกำลังจะนำหน้าหนังสือสีทองที่เพิ่งได้รับออกมาใช้ ก็พอดีกับที่เกิดความคิดหนึ่ง
ทะเลสาบจันทร์กระจ่างมีปฏิกิริยาเกี้ยวกราดกับใครก็ตามที่ไม่ได้มีสายเลือดตระกูลฉี ต่อให้เราไม่มีสายเลือดตระกูลฉี ก็ปลอมตัวได้โดยใช้เครื่องรางที่ลั่วชิงมอบให้ แล้วถ้าทำแบบนั้น จะระงับความเกรี้ยวกราดของทะเลสาบได้หรือเปล่า*?*
เมื่อก่อน เขาใช้เครื่องรางแห่งการปลอมตัวแปลงกายเป็นหลัวเทียนหยา และตบตาของล้ำค่าที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสายเลือดได้ บางที คราวนี้ก็อาจได้ผล
รู้ดีว่าเวลาไม่คอยท่า จางเซวียนรีบเปลี่ยนรังสีของจิตวิญญาณและพลังปราณทันที
ในชั่วพริบตา รังสีและพลังปราณของเขาก็เปลี่ยนไปจนเหมือนกับฉีเยว่และชายวัยกลางคนที่มาเมื่อครู่ รังสีของสายเลือดตระกูลฉีแผ่ซ่านออกจากร่างของเขา
ทันทีที่ปลอมตัวเสร็จ ทะเลสาบที่กำลังเดือดพล่านก็ค่อยๆสงบลง พลังงานดุเดือดที่พุ่งเข้าเล่นงานเขาลดความรุนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนตัวตนใหม่ของเขาได้การยอมรับแล้ว
“ได้ผล…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะปาดเหงื่อที่หน้าผาก
เขาไม่แน่ใจว่าการปลอมแปลงสายเลือดจะได้ผลแค่ไหน ซึ่งก็โชคดีที่สุดท้ายมันได้ผล
ในเมื่อตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว ความคิดที่จะขึ้นจากทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็ถูกสลัดออกไป
จางเซวียนตั้งต้นซึมซับพลังงานที่พุ่งออกมาจากน้ำในทะเลสาบ ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเข้าสู่วัฏจักรของการถูกทำลายและสร้างใหม่ หมุนเวียนไปอย่างไม่รู้จบ ทำให้แข็งแกร่งและทรงพลังกว่าเดิม
“ความเร็วในการบ่มเพาะกายเนื้อของเรานี่น่าทึ่งจริงๆ!”
จางเซวียนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นในทุกลมหายใจ นัยน์ตาของเขาเบิกโพลงด้วยความคาดหวัง
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาน่าจะผลักดันกายเนื้อจนอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่าเทพเจ้าสวรรค์สร้างทั่วไปได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไมทะเลสาบสวรรค์สร้างถึงขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการบ่มเพาะร่างกาย
ความเสี่ยงครั้งใหญ่ของเขาได้ผลอย่างงาม แม้เขาจะเกือบตาย แต่สิ่งที่ได้ก็คุ้มค่า ไม่อย่างนั้นคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะปรับสภาพร่างกายให้แข็งแกร่งได้ขนาดนี้
เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ ขั้นต้น!
เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ ขั้นกลาง!
จางเซวียนสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ-สูงสุดได้ในชั่วพริบตา แต่กายเนื้อของเขายังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กล้ามเนื้อของเขาเปล่งแสงสีทองอร่ามออกมา ร่างกายทุกส่วนกระชับแน่นกว่าเดิม
แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่สิ่งนี้ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ แสงสีทองทำให้เขาส่งพละกำลังไปได้ทุกที่ตามแต่จะต้องการ ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้สูงกว่าเดิมมาก
…..
“พี่ชาย ฉันรับไม่ได้!”
ทันทีที่กลับถึงห้อง ฉีชุนเอ๋อขว้างกระถางดอกไม้และชุดน้ำชาที่อยู่ในห้องจนแตกกระจายเพื่อระบายความแค้น
เธอเตรียมการทุกอย่างเพื่อปิดตายชะตากรรมของฉีหลิงเอ๋อ ไม่คิดเลยว่าสิ่งนั้นจะย้อนกลับมาแว้งกัดเธอ
“อารมณ์เสียไปก็ไม่มีประโยชน์น่ะ ลงท้ายก็เป็นเพราะเธอไม่ได้รู้จักฉีหลิงเอ๋อดีอย่างที่เธอคิดว่าเธอรู้จัก จำมันไว้เป็นบทเรียนราคาแพงเถอะ และอย่าได้สบประมาทคู่ต่อสู้อีก” ฉีเยว่พูดพร้อมกับโบกมือ
เหตุผลหลักที่ทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรก็เพราะฉีชุนเอ๋อไม่อาจประเมินความสามารถของฉีหลิงเอ๋อได้อย่างถูกต้อง ถ้าเธอสืบเสาะรายละเอียดเสียก่อน ก็คงจะรู้แล้วว่าฉีหลิงเอ๋อพัฒนาตัวเองได้ก้าวหน้ากว่าเดิม และคงจะเตรียมการรับมือได้ดีกว่านี้
“ฉันรู้ ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้ว แต่มันหงุดหงิดนี่!” ฉีชุนเอ๋อร้องออกมา
เธอต้องสูดหายใจลึกหลายเฮือกกว่าจะสงบลงได้บ้าง
“ฉันโตมากับเธอ รู้ดีว่าเธอทำอะไรได้หรือไม่ได้ จะต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับความปราดเปรื่องของเธอแน่ ยาเม็ดเพิ่มความงามงั้นหรือ? ฉันจะไปสืบเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนหลอม!”
ในฐานะผู้ดูแลตลาดจันทร์กระจ่างก่อนจะถูกถ่ายโอนอำนาจให้ฉีหลิงเอ๋อ แน่นอนว่าฉีชุนเอ๋อก็ไม่ธรรมดา
“ดี สืบเรื่องบริวารที่ติดตามเธอด้วยนะ พี่จำได้ว่าเขาชื่อจางเซวียน” ฉีเยว่พูด
“พี่ชาย คุณสงสัยว่าหมอนั่นคือผู้อยู่เบื้องหลังเธอหรือ?” ฉีชุนเอ๋อถามอย่างสงสัย “แต่เขาดูธรรมดามากเลยนะ!”
ฉีเยว่ส่ายหน้า “ในแง่วรยุทธ เขาเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ ด้วยเหตุนั้น จึงดูไม่ต่างอะไรกับนักรบทั่วไป แต่เขาสง่างามและสุขุมมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านหัวหน้าตระกูล แม้แต่พี่ยังรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณสั่นไหว แต่หมอนั่นสุขุมเยือกเย็นอย่างเหลือเชื่อ พี่ไม่รู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาร้อนรนหรือกระวนกระวายเลย เขาจะต้องมีอะไรมากกว่าที่พวกเราคิดแน่!”
“เอ่อ…” ได้ฟังความเห็นของพี่ชาย ฉีชุนเอ๋อนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งหากมองจากมุมมองของพี่ชาย การแสดงออกของชายหนุ่มก็ออกจะน่าแปลกจริงๆ
“พี่พูดถูก เขาดูสุขุมเยือกเย็นเกินไปสำหรับคนที่มีพละกำลังระดับนั้น ฉัน…ฉันยังรู้สึกว่าเขาดูน่าสนใจไม่เบา!”
ฉีเยว่เลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“เอาเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย เรื่องพวกนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือยกระดับวรยุทธของเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉีหลิงเอ๋อเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างแล้ว ถ้าเธอไม่พยายามเป็น 2 เท่าล่ะก็ ไม่ช้าก็คงตกกระป๋องในสายตาของหัวหน้าตระกูล”
“ฉันเข้าใจ…” ฉีชุนเอ๋อตอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
ขณะที่เธอกำลังจะพูดต่อ พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังจิตวิญญาณในอากาศพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ราวกับเกิดเหตุการณ์สำคัญ
ฉีเยว่ลุกพรวดและจับทิศทางที่พลังจิตวิญญาณมุ่งหน้าไป “มันตรงไปที่ทะเลสาบจันทร์กระจ่าง ไปกันเถอะ!”
เขาพรวดพราดออกจากห้องโดยไม่รอฉีชุนเอ๋อ
ที่พักของทั้งคู่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ เมื่อบึ่งไปด้วยความเร็วเต็มพิกัด เพียงไม่กี่อึดใจก็ถึงที่หมาย ฉีเยว่เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ที่ใจกลางทะเลสาบ ขณะที่ฉีหลิงเอ๋อนั่งอยู่ริมฝั่ง กำลังเหลียวซ้ายแลขวาไปมาอย่างไม่สบายใจ
“ฉีหลิงเอ๋อปล่อยให้คนนอกเข้าไปในทะเลสาบจันทร์กระจ่างจริงๆหรือนี่? คราวนี้เธอหาเรื่องใส่ตัวแล้ว!”
ฉีชุนเอ๋อมาถึงพอดี เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น
เธอกำลังหาทางสกัดดาวรุ่งฉีหลิงเอ๋อ ก็พอดีกับที่เกิดเรื่องนี้ การปล่อยให้คนนอกเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์กระจ่างคือการฝ่าฝืนกฎของตระกูลฉีอย่างร้ายแรง ต่อให้หัวหน้าตระกูลจะให้ความสำคัญกับฉีหลิงเอ๋อแค่ไหน แต่คราวนี้เธอต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่
ขณะที่ฉีชุนเอ๋อกำลังใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นความล่มจมของอีกฝ่าย ลมหอบใหญ่ก็พัดวู่หวิวอยู่กลางอากาศ จากนั้น หัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงอีกหลายคนก็มาถึงทะเลสาบจันทร์กระจ่าง
ทุกคนหน้าตาเคร่งเครียด
ทะเลสาบจันทร์กระจ่างคือหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของตระกูลฉี แม้จะไม่มีกฎห้ามคนนอกเข้ามาในอาณาบริเวณทะเลสาบ แต่การที่คนนอกจะลงไปในทะเลสาบนั้นเป็นข้อห้ามที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
แต่คราวนี้ ไม่เพียงแต่จะมีคนนอกลงไปในทะเลสาบ ยังสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ด้วย ถึงกับทำให้ทะเลสาบเกือบระเบิด เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้!
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าตระกูลตวาดก้อง
เขาเพิ่งกลับที่พักได้ครู่เดียวและกำลังเตรียมจะตรวจสอบยาเม็ดเพิ่มความงาม ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ถึงคลื่นรบกวนของพลังจิตวิญญาณที่อยู่โดยรอบ จึงรีบมาที่นี่โดยเร็ว
“ท่านหัวหน้า ฉีหลิงเอ๋อปล่อยให้คนนอกลงไปในทะเลสาบจันทร์กระจ่าง!”
รู้ดีว่านี่คือโอกาสทองที่จะได้ความดีความชอบ ฉีชุนเอ๋อรีบก้าวออกมาและประสานมือเพื่อรายงาน
หัวหน้าตระกูลมองไป เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ที่ใจกลางทะเลสาบ นัยน์ตาปิดสนิท ดูเหมือนเขากำลังพยายามปัดป้องพลังงานเกรี้ยวกราดนั้นไม่ให้ฉุดเขาลงไปในน้ำ
“บังอาจ!”
เห็นคนนอกพยายามฝึกฝนวรยุทธในทะเลสาบจันทร์กระจ่าง หัวหน้าตระกูลโมโหเดือด “ฉีหลิงเอ๋อทำแบบนี้ได้อย่างไร? พวกเรา! จับเธอไว้ นำตัวไปที่แผนกลงทัณฑ์ เธอจะต้องถูกลงโทษข้อหาเปิดเผยความลับของตระกูลและรวมหัวกับคนนอก ไม่ต้องสืบสวนอะไรแล้ว ฉีหลิงเอ๋อจะถูกถอดถอนสถานภาพสมาชิกสายหลักทันที!”
เมื่อครู่นี้เองที่เขายังรู้สึกว่าเธอมีศักยภาพมาก แต่ผ่านไปเพียงแป๊บเดียว เธอก็กล้าทำเรื่องแบบนี้ รนหาที่ตายชัดๆ!
“ได้!”
ฉีชุนเอ๋ออาสาอย่างตื่นเต้นและย่างสามขุมเข้าหาฉีหลิงเอ๋อ
ฉีหลิงเอ๋อเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เธอหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึง
จากนั้นก็รีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! หลิงเอ๋อ ไม่นึกเลยว่าคุณจะอยากตายเสียจนวางแผนให้ตัวเองล่มจมด้วยวิธีการน่าทึ่งแบบนี้!”
ฉีชุนเอ๋อกำลังคิดว่าจะเอาคืนฉีหลิงเอ๋ออย่างไร ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องแบบนี้?