ตอนที่ 1472

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ข้ายอมคลานแล้ว! ข้ายอมคลานแล้ว!” จิตใจอันดื้อรั้นของอี้เกาหนิงพังทลาย ทั้งต้องร่วมรักกับหมูร้อยตัวและถูกกระทิงทะลวงประตูหลังอย่างละร้อยครั้ง นี่คือสิ่งที่ใช้ปฏิบัติกับมนุษย์จริงๆรึ?

เขากลัวว่าพวกหลิงฮันจะเปลี่ยนใจจึงรีบพุ่งไปยังช่องสุนัขอย่างรวดเร็ว

หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองสุนัขตัวดำและกล่าว “เจ้าช่างสุดยอดในเรื่องการทำผู้คนรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ!”

“แน่นอน อย่าลืมว่านายท่านหมาเป็นใคร!” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“หยุด!” เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของศิษย์เก่าจำนวนหนึ่งได้ปรากฏตัว สิ่งที่พวกเขาเห็นคืออี้เกาหนิงกำลังจะคลานลอดผ่านช่องสุนัขพวก

หากอี้เกาหนิงคลานผ่านช่องลอดสุนัขไปย่อมหมายถึงการหักหน้าศิษย์เก่าทุกคนในสำนัก

แต่ทว่าในตอนนี้อี้เกาหนิงกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวจากคำขู่ของสุนัขตัวดำ ในความคิดของเขาตอนนี้ รูตรงหน้าไม่ใช่ช่องลอดสุนัขแต่เป็นประตูทางออกจากนรก!

“เหอๆ!” สุนัขตัวดำพาดเท้าหน้าทั้งสองไว้ด้านหลัง ใบหน้าของมันภาคภูมิใจในความสำเร็จเป็นอย่างมาก

แต่ก็ไม่น่าแปลก การที่สามารถข่มขู่ให้ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์หวาดกลัวได้นั้น ใครบ้างจะไม่ภูมิใจ?

“อี้เกาหนิง!” เหล่าศิษย์เก่าตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกันเพื่อจะดึงสติของอี้เกาหนิงกลับมา

ซึ่งมันก็ได้ผล อี้เกาหนิงที่กำลังหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามดังลั่นก็ตื่นจากความหวาดกลัว มือและเท้าที่กำลังคลานอยู่หยุดชะงักทันที

แต่ปัญหาคือร่างเขาได้คลานผ่านช่องลอดมาครึ่งทางแล้ว ครึ่งตัวบนของเขาอยู่ด้านใน ในขณะที่ครึ่งตัวล่างอยู่ด้านนอก ก้นของเขายังคงแอ่นเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

สุนัขตัวดำหยิบท่อนไม้ออกมาจากอุปกรณ์มิติและใช้มันแท่งทะลวงเข้าไปยังก้นของอี้เกาหนิง

“อ้ากกกก” อี้เกาหนิงกรีดร้องเสียงดังลั่น บางทีนี่อาจจะเป็นเสียงร้องที่น่าอนาถที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมา ร่างของเขาพุ่งออกจากช่องลอดสุนัขราวกับเป็นกระต่ายที่ตื่นกลัว เมื่อมองไปยังก้นของตนเองอี้เกาหนิงได้พบว่าโลหิตกำลังไหลทะลักนองออกมาจากก้นของเขา

ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่งถูกทำให้อัปยศต่อหน้าสาธารณะชน

“ฮ่าๆๆๆ!” สุนัขตัวดำหัวเราะลั่นจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น

ทุกคนส่ายหัว หลังจากเหตุการณ์นี้ อี้เกาหนิงคงไม่มีหน้าไปพบใครอีก

อี้เกาหนิงเผ่นหนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่หันหลังกลับไปมอง บนทางที่เขาวิ่งผ่านล้วนแต่มีหยาดน้ำตาหยดเอาไว้ตามพื้น

“ฮึ่ม!” เหล่าศิษย์เก่ารุดหน้าเข้ามา พวกเขาโกรธจนจิตใจแทบจะลุกเป็นไฟ แววตาของเขามีเพลิงอันร้อนระอุลุกโชนออกมา

ระดับวารีนิรันดร์… ระดับวารีนิรันดร์… ระดับวารีนิรันดร์… พวกเขาคือปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งหมดหกคน!

พวกเขาเหล่านี้ถูกเรียกให้มาช่วยเหลือโดยศิษย์เก่าที่ลอดผ่านช่องสุนัขไปก่อนหน้านี้

ทั้งหกคนมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีด้วยกันถึงหกคน เป็นไปได้ด้วยรึที่ศิษย์ใหม่ระดับดาราจะเอาชนะพวกเขาได้?

พวกเขาไม่เชื่อว่าอี้เกาหนิงจะถูกศิษย์ใหม่ระดับดารากำราบเอาได้จนกระทั่งมาเห็นด้วยตาตัวเอง

ผู้ที่ขัดขืนมีแค่สามคนแท้ๆ แต่หนึ่งในนั้นยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นด้วยซึ่งสามารถเมินเฉยไปได้เลย ในสายตาพวกเขาระดับดาราขั้นต้นนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ด้วยซ้ำ

ส่วนผู้ขัดขืนอีกสองคนคือคู่ชายหญิง

ทั้งสองต้องมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในมือแน่นอน ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ระดับดาราจะสามารถต่อต้านระดับวารีนิรันดร์ได้อย่างไร?

เพียงแต่ว่าหากพวกเขาทั้งหกร่วมมือกัน ต่อให้อีกฝ่ายจะมีอุปกรณ์เซียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้

“ฮึ่ม สำนักมีกฎของสำนัก ถ้าไม่ทำตามกฎพวกเจ้าก็ต้องพบเจอปัญหาที่ตนเองก่อ!” ศิษย์เก่าคนหนึ่งยืนตัวตรง รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนอยู่ในช่วงอายุสามสิบปีเท่านั้น ผมของเขามีสีขาวโพลนและมีเขาทองคำหนึ่งเขางอกขึ้นมาจากหน้าผาก

“จงคุกเข่า!” จักรพรรดินีชี้นิ้วและเค้นเสียงกล่าวด้วยท่าทางองอาจ

ท่าทีของจักรพรรดินีแม้จะดูหยิ่งยโสโอหัง แต่กลับมองแล้วไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใดๆ ในทางกลับนาง นิสัยหยิ่งยโสของนางนั้นดูงดงามเสียด้วยซ้ำ ต่อให้นางจะยิ้มหรือโกรธนางก็ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด

ศิษย์เก่าผมขาวอดไม่ได้ที่จะชะงักกับความงามของจักรพรรดินีและเผยถึงร่องรอยของความรู้สึกหลงไหล เขารีบสะบัดหัวส่ายหน้าให้ตนเองหลุดจากภวังค์และกล่าว “เจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่า?”

ศิษย์ใหม่ในปีนี้เหตุใดถึงได้หยิ่งยโสทะลุชั้นฟ้าเช่นนี้?

จักรพรรดิคร้านจะกล่าวตอบ นางลงมือทันที ‘ครืน’ ด้านหลังของนางปรากฏดวงดาราสี่ดวงที่ปลดปล่อยอำนาจแรงกดดันอันทรงพลังของสุดยอดราชาออกมา

ศิษย์เก่าผมขาวแสยะยิ้ม อีกฝ่ายงดงามอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงระดับดาราเท่านั้น ไม่ว่าจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์เขาก็ยังสามารถกำราบได้ด้วยฝ่ามือเดียว เขาลงมือตอบโต้ ‘ครืน’ ด้านหลังของเขาปรากฏวงโคจรดาราจักรที่มีดวงดาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่และส่องประกายระยิบระยับ

ไม่ว่าอย่างไรระดับวารีนิรันดร์ก็ยังคงเหนือกว่าระดับดารา

จักรพรรดินีดาราไม่ประมาท แม้พลังต่อสู้ของนางจะทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ แต่ความต่างของพลังที่แท้จริงก็ยังคงเป็นจุดอ่อนอยู่ดี ‘พรึบ’ หินต้นกำเนิดสวรรค์ถูกนำออกมา

ศิษย์เก่าผมขาวปล่อยหมัดออกไป แต่พลังทำลายของหมัดทั้งหมดก็ถูกหินต้นกำเนิดสวรรค์ดูดซับไปทั้งหมด จักรพรรดินีในโอกาสนี้ตอบโต้ ‘ปัง’ นางใช้ก้อนหินซัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าส่งร่างของศิษย์เก่าผมขาวลอยกระเด็น

ศิษย์เก่าอีกห้าคนตกตะลึง พลังของจักรพรรดินีไม่ได้แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ นางอ่อนแอกว่าศิษย์เก่าผมขาวอยู่พอสมควร แต่เขาถึงยังถูกนางโจมตีด้วยก้อนหินได้?

ก้อนหินนั่นเป็นสมบัติแบบใดกันแน่?

ศิษย์เก่าผมขาวลอยไปไกลกว่าสิบฟิตก่อนจะทรงตัวกลับมายืนได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ทรงพลัง ที่เขาถูกโจมตีไม่ใช่เพราะอ่อนแอกว่าแต่เป็นเพราะประมาทก้อนหินก้อนนั้น

เขาโมโหเป็นอย่างมากที่ถูกจอมยุทธระดับต่ำกว่าโจมตี จิตสังหารอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาสูงถึงเก้าชั้นฟ้า

ต่อให้จักรพรรดินีเป็นอัจฉริยะเขาก็ไม่อาจรับความอับอายได้ไหว!

“หืม?” ในขณะที่มีคนจ้องมองไปยังใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาว ศิษย์คนนั้นก็เผลอยิ้มหัวเราะออกมา

“จิตวิญญาณบรรพบุรุษ… ความสำเร็จอันเป็นนิรันดร์… ปัดเป่าภัยร้าย… จงจดจำเอาไว้อย่าได้ลืมเลือน…” ใครบางคนอ่านรอยที่ถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาว

หินต้นกำเนิดสวรรค์คืออะไร? นอกจากความสามารถดูดซับพลังทำลายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อื่น เพราะงั้นขุมอำนาจที่ทรงพลังจึงนิยมใช้มันเป็นศิลาจาลึกบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูลเอาไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ

“ฮ๋าๆๆ!” คนกลุ่มหนึ่งหัวเราะลั่นออกมา อักษรทั้งสี่*ที่ถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาวช่างเด่นชัดยิ่งนัก

**อักษรทั้งสี่ (先祖文心)