ณ จัตุรัสกลับฟ้าตอนนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนทุกหนแห่ง
จอมเทพโอสถเจ็ดดาวลงมือหลอมโอสถนั้นมันย่อมจะกลายเป็นงานของชุมเก้าสาย
เรื่องที่เย่หยวนท้าทายเทพสวรรค์กู้หงนั้นมันโด่งดังไปทั่วทั้งชุมเก้าสายอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเองก็เกินไปหรือไม่ ให้ท่านอาจารย์ออกมาประลองกับเด็กน้อยเช่นนี้มันจะเสื่อมเสียเกียรติจนเกินไปแล้ว!” ศิษย์น้องของซ่งเฉานามหลัวหยูกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย
ศิษย์น้องอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นตาม “การให้ท่านอาจารย์ประลองกับมันนี้มันจะต่างอะไรกับการให้ท่านอาจารย์ประลองกับเราเล่า? การประลองเช่นนี้มันย่อมไม่อาจจะมีทางออกผลอื่นใดไปได้”
ซ่งเฉายิ้มออกมา “พวกเจ้าจะไปรู้อะไร? เจ้าเด็กคนนั้นมันมีสูตรสุราอันเหนือล้ำอยู่ในมือ หากเราเอามันมาได้แล้วมันคงได้เปลี่ยนกลายเป็นรายได้มหาศาล! ถึงเวลานั้นทั้งเทพสวรรค์หลงหยูแห่งชุมรุ่งอุดรหรือเทพสวรรค์จุนห่าวแห่งชุมแยกวาโยก็คงได้แต่ต้องก้มหัวลงให้กับท่านอาจารย์!”
เมื่อหลัวหยูได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ศิษย์พี่ สุรานี้มันดีขนาดนั้น?”
ซ่งเฉานั้นเริ่มหลับตาลงย้อนกลับไปนึกถึงรสชาติของมัน “มากเสียยิ่งกว่าดี! มันมีรสชาติแฝงมากมายอย่างไม่อาจบรรยาย! ศิษย์พี่ของเจ้าผู้นี้ได้ลองชิมแค่จอกเดียวยังรู้สึกได้ว่าครึ่งเดือนมานี้ข้ารู้สึกอบอุ่นอย่างมาก! ไม่ต้องใช้ปราณเทวะหรือไฟใดๆ ในการขับไล่ความหนาวเย็น! ทั้งอร่อยทั้งขับความหนาว เจ้าว่าคนทุ่งราบสุดอุดรเราจะทนความยั่วเย้าของมันได้หรือ?”
เหล่าศิษย์น้องของเขาทั้งหลายต่างได้แต่มองดูอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะตั้งแต่ที่ศิษย์พี่ของเขากลับมาจากโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งวันนั้นเขาก็เอาแต่พูดถึงความดีงามของสุราสาดตะวันโอบนี้อย่างไม่ขาดปาก ราวกับว่าตัวเขานั้นต้องมนต์ใดมา
ยิ่งได้ฟังเขาพูดถึงมันทุกสี่วันเหล่าศิษย์น้องทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกอดไม่ได้ที่จะอยากลอง
ในหมู่คนสุดอุดรทั้งหมดนี้มันไม่มีใครที่จะได้มีโอกาสดื่มมัน
แค่ได้ยินว่ามันอร่อย มีหรือที่คนทั้งหลายจะเชื่อง่ายๆ?
เว้นเสียแต่กับสองคนที่เคยดื่มมันมาก่อนอย่างซ่งเฉาและหวู่ซ่งสองคนนี้
ไม่ว่ามันจะอร่อยจริงหรือไม่ คนทั้งหลายย่อมไม่อาจรู้ได้
แต่พวกเขานั้นได้เข้าใจหลังจากที่ได้ยินคำของซ่งเฉา อย่างน้อยตราบเท่าที่ได้สูตรสุรานี้มามันก็จะสามารถพลิกหน้าธุรกิจสุราของทุ่งราบสุดอุดรได้ทีเดียว
“เขามาแล้ว เขามาจริงๆ! เจ้าเด็กคนนี้หรือ? ยังเด็กขนาดนี้เชียว!”
ในเวลานี้มันเกิดเสียงร้องขึ้นในหมู่ผู้คนก่อนจะเห็นว่ามีเงาร่างของเด็กหนุ่มเดินขึ้นมาบนลานประลอง
“นี่มัน… จะเด็กเกินไปหรือไม่? แค่เจ้าเด็กคนนี้มันก็มีสิทธิจะท้าทายเทพสวรรค์กู้หงท่าน?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากที่ใดกัน? กลับกล้ามาลบหลู่เทพที่ข้าบูชาเช่นนี้!”
“ไสหัวไป!”
…
เมื่อคนทั้งหลายเห็นหน้าตาหนุ่มน้อยของเย่หยวนพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้องขึ้นตามๆ กัน
อายุเท่านี้รู้หรือยังว่าโอสถคืออะไร กลับกล้ามาท้าทายยอดโอสถอันดับหนึ่งแห่งชุมเก้าสาย นี่มันล้อกันเล่นหรือ?
เมื่อมีคนเริ่มมันก็ย่อมจะมีคนตาม ตอนนี้คนทั้งหลายต่างเริ่มโห่ไล่เย่หยวนไปตามๆ กัน
แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งไม่คิดสนใจใดๆ
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะหุบปากลงไปเอง
เมื่อหลัวหยูเห็นเย่หยวนว่ายังหนุ่มอายุน้อยปานนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก “หึ ช่างเป็นเจ้าโง่ที่ไม่ประมาณตนเสียจริงๆ อายุเท่านี้ก็กลับกล้ามาท้าทายอาจารย์เรา โอหังนัก!”
แต่ซ่งเฉากลับพูดแทรกขึ้น “ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันจะมีวิชาหลอมโอสถระดับใด แต่หากให้พูดถึงวิชาควบคุมไฟของมันแล้วข้าขอยอมรับว่ามันเก่งกาจ! หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วมีหรือที่ข้าจะปล่อยให้เรื่องถึงมือท่านอาจารย์? ข้าคงจัดการมันลงเองไปแล้ว!”
หลัวหยูที่ได้ยินก็ต้องหันหน้ากลับมาหาศิษย์พี่ทันที “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านแพ้มันจริง?”
ซ่งเฉานั้นได้แต่พยักหน้าตอบมาด้วยสีหน้ามืดดำ
หลัวหยูนั้นย่อมไม่คิดจะอยากเชื่อ เขานั้นย่อมรู้ดีว่าวิชาควบคุมไฟของซ่งเฉานั้นเก่งกาจปานใด ต่อให้เป็นตัวเขามันก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงเรื่องการควบคุมไฟกับซ่งเฉาได้แม้แต่น้อย
แต่ศิษย์พี่อันเก่งกาจของเขากลับแพ้ให้เจ้าเด็กคนนี้? หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นยอดอัจฉริยะโอสถจริง?
ในตอนนั้นเองที่เกิดมีคลื่นพลังหนักหน่วงปรากฏขึ้น
“เทพสวรรค์กู้หงท่านมาแล้ว!”
“ต้องขอบคุณเจ้าเด็กคนนี้เลย ข้าจึงจะได้เห็นหน้าตาของท่านกู้หง!”
“ท่านกู้หง สั่งสอนมันเลยท่าน!”
…
ตอนนี้มันเกิดเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีรอบด้าน
เทพสวรรค์กู้หงนั้นเป็นตัวตนที่เป็นดั่งเทพเจ้าของคนทั้งหลาย
ในทุ่งรายสุดอุดรนี้ จอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้นเป็นดั่งดวงตะวันกลางฟ้าส่องแสงลงมายังโลก
เด็กน้อยอย่างเย่หยวนที่คิดท้าทายเทพสวรรค์กู้หงนั้นย่อมจะเหมือนได้ทำการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนทั้งหลาย
ชายชราในชุดสุดฟ้าครามค่อยๆ เดินออกมาจากช่องว่างมิติก่อนจะหันหน้าไปมองรอบๆ ด้วยท่าทางสง่า
“ศิษย์กราบคารวะท่านอาจารย์!” ซ่งเฉาและเหล่าศิษย์น้องทั้งหลายได้เดินเข้ามาก้มคารวะเทพสวรรค์กู้หง
เทพสวรรค์กู้หงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองดูที่เย่หยวนอย่างตื่นตะลึงไม่น้อย
เพราะความเยาว์วัยของเย่หยวนนี้มันเกิดที่เขาคาดไปมาก
“เจ้าคือจี้ฉิงหยุนที่ท้าทายเทพสวรรค์ผู้นี้?” เทพสวรรค์กู้หงถามขึ้น
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมาเขาก็ได้ส่งพลังกดดันเข้าไปหาเย่หยวนอย่างไม่น้อย
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนกลับยืนนิ่งไม่สนใจแรงกดดันใดๆ ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองนั้นสามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกันได้
เมื่อเทพสวรรค์กู้หงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ตื่นตะลึงขึ้นไม่น้อย
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนที่เย่หยวนพบเจอเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นเขาได้รับแรงกดดันหนักหน่วงปานใด? คลื่นพลังของเทพสวรรค์กู้หงนี้มันอ่อนแอกว่ากันไปมาก
คลื่นพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาในเวลานี้มันเหมือนเด็กน้อยที่ยกไม้ยกมือวางท่าต่อหน้าปรมาจารย์
“เป็นจี้ผู้นี้เอง!” เย่หยวนตอบ
เทพสวรรค์กู้หงที่ได้ยินก็แสดงท่าทางชื่นชมออกมา “สมแล้ว วีรบุรุษย่อมมาจากรุ่นคนหนุ่มสาวเสมอ! ถึงกับกล้ามาท้าทายเทพสวรรค์ผู้นี้ด้วยอายุเท่านี้ เจ้ามีความกล้าหาญมาก! วางใจเถอะ เทพสวรรค์ผู้นี้จะไม่รังแกคนอ่อนแอแน่นอน เมื่อข้าลงมือแล้วข้าย่อมจะเฝ้าระวังไม่ให้ทำอะไรเกินเลยน อ่า… เจ้าเลือกโอสถเถอะ”
การประลองดวลใดๆ นี้มันย่อมเป็นสิ่งที่สุดแสนง่ายดายต่อตัวเขา
เพียงแค่ว่าท่าทางของเขานี้ต่อคนทั้งหลายแล้วมันเหมือนเป็นยอดคนผู้มีจิตใจกว้างขวาง
“สมชื่อท่านเทพสวรรค์กู้หง! กับความพยายามของเจ้าหนุ่มนี้ท่านกลับไม่โกรธเคืองและยังชื่นชมคิดแนะนำให้ด้วย”
“หึ ดูเจ้าเด็กนั่นสิ! ยังจะทำหน้าหยิ่งยโสอยู่อีก!”
…
แต่แท้จริงแล้วมีหรือที่เย่หยวนจะเชิดหน้าหยิ่งใส่ใคร? เขานั้นแค่ทำหน้าตาเฉยชาตามปกติประสาของเขา
แต่ในสายตาของคนทั้งหลายแล้วความเฉยชานั้นเองที่เป็นเรื่องผิด ต่อหน้าเทพสวรรค์กู้หงแล้วตัวเย่หยวนควรจะก้มหัวลงต่ำ สั่นกลัวหรือไม่ก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่นออกมา
เพราะการทำเช่นนั้นมันจะเหมาะกับอายุที่เย่หยวนมีมากกว่า
เย่หยวนหันไปมองเทพสวรรค์กู้หงด้วยสีหน้าแปลกๆ “ท่านจะให้ข้าเลือกจริง?”
เทพสวรรค์กู้หงจึงได้หัวเราะขึ้นมา “เทพสวรรค์ผู้นี้เป็นถึงจอมเทพโอสถเจ็ดดาว ประลองกับเจ้าแค่นี้มีหรือที่ข้าจะเป็นฝ่ายเลือกได้?”
เย่หยวนพยักหน้ารับออกมาและกล่าวด้วยเสียงเฉยชา “เช่นนั้น… เอาเป็นโอสถวิญญาณสวรรค์เพลิงชาด”
นั่นทำให้ดวงตาของเทพสวรรค์กู้หงเบิกกว้าง แทบจะสำลักออกมา
โอสถวิญญาณสวรรค์เพลิงชาดนั้นมันคือยอดโอสถที่ยากที่สุดในหมู่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก
ต่อให้จะหลอมขึ้นมาด้วยฝีมือที่เขามีทั้งหมด มันก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ
ที่สำคัญ ต่อให้จะสำเร็จ มันก็คงไม่อาจจะหลอมได้คุณภาพสูงๆ
เขาคิดจะเปิดปากพูดแต่ก็ไม่อาจจะกล่าวใดๆ ออกมาได้
บอกว่าหลอมได้?
หากเขาพลาดขึ้นมาเล่า?
บอกว่าหลอมไม่ได้?
แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“เด็กน้อย เจ้ามาหาเรื่องเทพสวรรค์ผู้นี้แน่แล้วใช่หรือไม่? โอสถนั้นตัวเจ้าเองก็คงไม่อาจหลอมได้มิใช่หรือ?” เทพสวรรค์กู้หงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าดำมืด
เย่หยวนจึงส่ายหัวออกมา “ดูท่าท่านจะไม่มั่นใจว่าจะหลอมโอสถวิญญาณสวรรค์เพลิงชาดได้สินะ เช่นนั้น… เอาเป็นโอสถเขี้ยวหนุมานอึดใจดีหรือไม่?”
เทพสวรรค์กู้หงแทบจะกระอักเลือดคำโตออกมา เจ้าคิดเล่นงานผู้คนให้ถึงตายเลยหรือ?
ที่สำคัญ… โอสถนี้เองมันก็ยังเป็นโอสถความยากเก้าเช่นกันด้วย!
เขานั้นมั่นใจแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้คงมาเพื่อก่อกวนเขาเป็นแน่
หรือว่า… จะถูกคนเหล่านั้นส่งมา?
……………………