ตอนที่ 1013: ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1013: ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ (1)

หงเหลียนกัดฟันตอนที่นางได้ยินคำพูดเย้ยหยันจากไคเซอร์ แววตาของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เจี้ยนเฉินเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่นางจำเป็นที่จะต้องปกป้องเขาให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางต้องทำเช่นนี้เพื่อที่นางจะได้เจอสหายร่วมตระกูลที่หายไป นางยอมทนแม้จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส

ปิ่นเทพเพลิงที่ไคเซอร์ทำให้กระเด็นไปกลับมาอยู่ในมือของนางอีกครั้ง มือของนางเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่ด้านหน้าของนาง นางทำมือเป็นผนึกที่ซับซ้อนและเห็นเป็นภาพติดตาครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลาเดียวกัน นางก็ตะโกนออกมา “เพลิงดาวตก ! “

ปิ่นเผาไหม้ไปด้วยเพลิงที่รุนแรง และมันก็ขยายออกจากขนาเดิมที่เท่ากับฝ่ามืออย่างรวดเร็ว มันขยายออกยาวสิบเมตรในพริบตา ในขณะที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ที่ผิวของมัน

วูซซ ! ปิ่นใหญ่เปลี่ยนไปแสงสีแดง ในขณะที่มันพุ่งไปที่ไคเซอร์ด้วยคลื่นพลังที่น่ากลัว ความเร็วของมันน่าเหลือเชื่อมาก

“ฟีนิกซ์น้อย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า อย่าให้ความมีน้ำใจของข้าสูญเปล่า” ไคเซอร์ตะโกนออกมา ทันนั้นเอง มือขวาของเขาที่เป็นกรงเล็บมังกรก็โจมตีออกไป เขากระแทกปิ่นออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจหงเหลียนและตรงไปที่เจี้ยนเฉินแทน

เจี้ยนเฉินหายไปจากสายตาของเขาและอยู่ไกลจากเทือกเขาครอสมากในตอนนี้ เขารีบมุ่งไปที่เมืองทหารรับจ้างอย่างรวดเร็ว แต่ไคเซอร์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งที่แน่นนอนของเขา ไคเซอร์คิด “ข้าจะให้เจี้ยนเฉินไปถึงที่เมืองทหารรับจ้างไม่ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่เช่นนั้นมันคงจะมีปัญหาแน่”

“คู่มือของเจ้าคือข้า ถ้าเจ้าต้องการจัดการเจี้ยนเฉินก็ผ่านข้าไปก่อน” หงเหลียนพูดออกมาอย่างเย็นชา นางควบคุมปิ่นให้ไปโจมตีไคเซอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะขัดขวางเขา

แม้ว่าปิ่นจะมีพลังงานดั้งเดิม แต่หงเหลียนก็ยังหลอมรวมมันไม่สมบูรณ์ เช่นนั้น นางจึงไม่สามารถใช้พลังของมันได้ทั้งหมด นี่เป็นเหตุว่าทำไมนางถึงไม่สามารถทำอันตรายไคเซอร์ได้ และทำได้แค่เพียงทำให้เขาวุ่นวายและป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้เจี้ยนเฉินได้เท่านั้น

โทสะพวยพุ่งในไคเซอร์หลังจากที่หงเหลียนขัดขวางเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาตะโกนออกมา “เมื่อเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งไหนดีที่สุดสำหรับเจ้า ข้าจะกำจัดวิญญาณของเจ้าก่อนซะเลย ! ” พลังงานมหาศาลขดอยู่รอบกรงเล็บของไคเซอร์ และเขาก็กระแทกปิ่นออกไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งห่างออกไปหลายพันเมตรจากหงเหลียนด้วยการเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย เขาเหวี่ยงกรงเล็บไปที่หน้าอกของนางอย่างโหดร้าย

แกร๊ง ! กรงเล็บที่แหลมคมของเขาขูดผ่านเกราะขนนกไป เสียงดังบาดหูดังขึ้นมา แม้ว่าการโจมตีของเขาจะไม่สามารถทำลายเกราะได้ แต่หงเหลียนก็ไม่สามารถต้านการโจมตีได้ เพราะนางยังหลอมรวมเกราะขนนกไม่เสร็จสมบูรณ์ พลังที่ยิ่งใหญ่ผ่านการป้องกันของเกราะขนนกเข้าไปที่หงเหลียนทันที

พรวด ! หงเหลียนกระอักเลือดออกมาและไคเซอร์ก็กระจายไฟที่ลุกไหม้อยู่รอบ ๆ นางออกไป

จิตสังหารพวยพุ่งในตาของไคเซอร์ และเขาก็ไล่ตามหงเหลียนไป เขากำหมัดที่เป็นกรงเล็บของเขาแล้วคำรามออกมา “หมัดมังกรทรราชย์”

ปัง !

หมัดทำลายล้างของไคเซอร์กระแทกเข้ากับหงเหลียน ซึ่งทำให้นางกระอักเลือดออกมาอีกครั้งทันที นางหน้าซีด ในขณะที่เกราะขนนกของนางเกือบจะหลุดออกจากร่างของนาง

“หมัดมังกรทรราชย์ ! หมัดมังกรทรราชย์ ! หมัดมังกรทรราชย์ ! “

ไคเซอร์ไล่ตามหงเหลียนพร้อมกระหน่ำโจมตีออกไป หมัดแปดหมัดกระแทกเข้ากับหงเหลียน และพลังนั้นก็ยิ่งใหญ่จนทำให้ท้องฟ้าสั่นไหว

หลังจากที่ไคเซอร์กระหน่ำโจมตีนาง พลังแห่งการมีอยู่ของหงเหลียนก็อ่อนลงมาก ตาของนางเกือบจะปิดแล้วในตอนนี้ และนางก็กำลังหายใจเฮือกสุดท้ายเข้าไป นางดูเหมือนเกือบจะตายแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง ไฟสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากตัวหงเหลียนและครอบคลุมร่างของนางทั้งหมดในขณะที่มันลุกโชน

เสียงฟีนิกซ์ดังชัดออกมาจากเปลวเพลิงในขณะที่มันปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง ภาพของฟีนิกซ์เทวะที่เงยหน้าขึ้นในขณะที่มันร้องขึ้นไปบนท้องฟ้าปรากฎออกมาด้านหลัง มันดูตระการตามาก

“นี่เป็นความสามารถโดยกำเนิดของตระกูลฟีนิกซ์เทวะ ! เพลิงจุติ ! ” ไคเซอร์กลัวทันทีเมื่อเห็นแบบนี้ เหตุผลที่เขาไม่อยากรับมือกับหงเหลียนก่อนหน้านี้เป็นเพราะความสามารถโดยกำเนิดของตระกูลฟีนิกซ์เทวะ พวกเขาจะกลับมาอยู่ในสภาพสูงสุดทันทีผ่านการชำระล้างของเพลิงเมื่อพวกเขาตาย ซึ่งมันทำให้ยากที่จะฆ่าพวกนี้และพวกนี้ก็เกือบอมตะ

เพลิงสีแดงเข้มกระจายออกไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นหงเหลียนที่สง่างาม พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลเปล่งรัศมีออกมาจากนาง และมันก็ทรงพลังมากกว่าก่อนหน้านี้

อาการบาดเจ็บทั้งหมดของหงเหลียนหายไปหลังจากที่นางเกิดใหม่ นางกลับมาอยู่ในสภาพสูงสุดและความแข็งแกร่งของนางยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ความสามารถโดยกำเนิดของฟีนิกซ์เทวะสามารถใช้ได้ทั้งหมด 9 ครั้ง ความแข็งแกร่งของผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้นไม่ได้ถาวร

“เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้” หงเหลียนพูด ในขณะที่นางมองไปที่ไคเซอร์อย่างเย็นชา

สายตาของไคเซอร์เป็นประกายแหลมคม เขาเหยียดออกมา “ถ้าเจ้าเป็นฟีนิกซ์ระดับ 9 หรือแม้แต่เพิ่งสำเร็จระดับ 9 มา ข้าก็คงจะไม่ใช่คู่มือกับความสามารถโดยกำเนิดของเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นเพียงระดับ 8 ดังนั้นเจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าถึงแม้ว่าเจ้าจะเกิดใหม่ถึง 9 ครั้งก็ตาม” หลังจากนั้น ไคเซอร์ก็พุ่งไปที่หงเหลียน เขาโจมตีออกไปแรงที่สุดที่เขาทำได้และทำให้นางบาดเจ็บปางตายอีกครั้ง นางต้องเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง

“ข้าจะสังหารเจ้าทุกครั้งที่เจ้าเกิดใหม่” ไคเซอร์พูดพร้อมขบฟัน เขาฆ่าหงเหลียนอีกครั้งด้วยความแข็งแกร่งของเซียนจักรพรรดิ

สายตาของหงเหลียนยังคงสงบมาโดยตลอด ความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยทุกครั้งที่นางเกิดใหม่ ในไม่ช้า นางก็เกิดใหม่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว

ทันใดนั้นเอง ความคิดไม่สบายใจก็เกิดขึ้นในหัวไคเซอร์เมื่อเขาสังเกตเห็นสายตาที่สงบนิ่งของหงเหลียน เขาคิด “ว่ากันว่าการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์เทวะจะสามารถใช้ได้ 9 ครั้ง นางจะตายหลังจาก 9 ครั้งหรือไม่นะ…”

“ข้าจะวุ่นวายอยู่กับเจ้านานไม่ได้แล้ว ! ” ไคเซอร์คิด ตาของเขาเป็นประกาย เขาตัดสินใจ เขาโจมตีออกไปสองสามครั้งเต็มกำลังเพื่อทำให้หงเหลียนที่เกิดใหม่มาแล้ว 3 ครั้งบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ต่อ เขาหลอมรวมเข้ากับมิติรอบ ๆ และกลายเป็นภาพติดตาในขณะที่เขาเคลื่อนไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินไป เขาหายไปในพริบตา

หงเหลียนยังอยู่ในกระบวนการของการเกิดใหม่ครั้งที่ 4 ดังนั้นนางจึงไม่สามารถขัดขวางเขาได้ นางไม่เห็นไคเซอร์แล้วหลังจากที่นางเกิดใหม่

ท่าทางของหงเหลียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่ลังเลและเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงแล้วไล่ตามไป

ฮุสตันกำลังพาเจี้ยนเฉินไป ฮุสตันเป็นเซียนราชาในขั้นสูงสุด ดังนั้นความเข้าใจในกฎของมิติของเขาจึงมากกว่าเจี้ยนเฉินมาก ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนที่ได้เร็วมากและเดินทางไปได้หมื่นกิโลเมตรในเวลาอันสั้น พวกเขาเข้าใกล้เมืองทหารรับจ้างเข้าไปเรื่อย ๆ

“เจี้ยนเฉิน เจ้าหนีไม่รอดหรอก” ไคเซอร์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวมาจากด้านหลัง เขาไล่ตามมาด้วยความเร็วที่มากกว่าฮุสตันหลายเท่า

“บัดซบ ! ” ท่าทางของฮุสตันเปลี่ยนไปและพลังเซียนธาตุความมืดก็ไหลออกมาจากร่างของเขา ความเร็วของเขาพุ่งพรวดขึ้นทันที ในขณะที่เขาเคลื่อนไปที่ไปด้วยทักษะลับ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังช้ากว่าไคเซอร์ ไคเซอร์ไล่ตามมาทันในไม่ช้า และเขาก็แทงกรงเล็บของเขาไปที่หลังของเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตาม แสงสีขาวก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อในตอนนี้ มันพุ่งผ่านด้านข้างของเจี้ยนเฉินไปและกระแทกเข้ากับกรงเล็บของไคเซอร์ด้วยความแม่นยำสูง

“อ๊าก ! ” ทันใดนั้นเอง ไคเซอร์ก็ร้องออกมา กรงเล็กของเขาแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้แต่กลับกลายเป็นเหมือนเต้าหู้ไปเลยต่อหน้าแสงสีขาวนี้ มันพุ่งทะลุกรงเล็บเป็นรู

“พลังงานดั้งเดิม มันเป็นพลังงานดั้งเดิมจริง ๆ ความแข็งแกร่งนี้เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ” ไคเซอร์กลัวมาก