ด้วยเสียงตะโกนอันก้องกังวานของหลิงตู้ฉิง แม่ชีทั้งหลายที่อยู่ในสำนักชีเปลื้องอารมณ์ก็กรูกันออกมาทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันทำไมตะโกนเรียกพวกเราอย่างหยาบคายแบบนี้!?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและหยิบเอาแส้ศักดิ์สิทธิ์เส้นเดิมที่เคยใช้ฟาดหลวงจีนวัดต้าหงออกมาและพูดว่า “หากวันนี้พวกเจ้าไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจกับข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะยิ่งหยาบคายกับพวกเจ้ามากกว่าเดิม!”

ในเวลาเดียวกัน หนึ่งในแม่ชีกลับโพล่งขึ้นว่า “เป็นเจ้างั้นเหรอ!?”

แม่ชีเฒ่าเอ่ยถามขึ้นทันที “หลิงซิน เจ้ารู้จักเขางั้นเหรอ?”

“อาจารย์ เขาคือคนเดียวกับที่ข้าเคยเล่าให้ท่านฟังที่ถามถึงปรมาจารย์เหมี่ยวหยินเมื่อตอนที่ข้าอยู่ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ!” หลิงซินรีบตอบกลับทันที

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของแม่ชีเฒ่าเปลี่ยนเป็นเดือดดาลทันทีและพูดว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นไอ้สารเลวผู้นั้น!”

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเหยียดหยัน “เมื่อในอดีตพวกเจ้าล่อลวงคนรู้จักของข้าผู้หนึ่งมาที่สำนักชีเปลื้องอารมณ์ของพวกเจ้า ซึ่งในเวลานั้นข้าไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะพานางไป พวกเจ้าภาวนากันเอาไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกันหากข้ารู้ว่าในระหว่างที่นางอยู่ที่นี่พวกเจ้าไม่ได้ดูแลนางเป็นอย่างดี ข้าจะทำให้พวกเจ้าเผชิญกับความลำบากในแบบที่พวกเจ้าจะไม่มีวันลืม!”

ในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ แม่ชีเฒ่าอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากสำนักชีเปลื้องอารมณ์พร้อมกับพูดว่า “ข้าเจ้าสำนักชีเปลื้องอารมณ์ฮุยเจีย ขอต้อนรับผู้มีพระคุณที่มาเยือน”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่แม่ชีเฒ่าที่เพิ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “ข้าจำเจ้าได้ เจ้าคือคนที่พาเหมี่ยวหยินไปเมื่อตอนนั้น จงพาเหมี่ยวหยินมาเจอกับข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะทำลายสำนักชีเปลื้องอารมณ์ของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

ฮุยเจียถอนหายใจพลางประสานมือโค้งคารวะและพูดว่า “เมื่อตอนนั้นเป็นข้าเองที่ผิด ข้าไม่ควรที่จะพาเหมี่ยวหยินกลับมาเลย! ถึงแม้ว่านางจะมีวาสนาต่อเต๋าแห่งพุทธแต่เนื่องจากนางไม่อาจละเรื่องทางโลกได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่นางอยู่ที่นี่นางจึงไม่อาจสงบใจบ่มเพาะได้เลย จนท้ายที่สุดนางก็ตรอมใจตายหลังจากที่ท่านขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนได้ไม่นาน”

“ก่อนที่จะตาย เหมี่ยวหยินได้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า ‘ต่อให้นางจะไม่รู้ว่าจะได้พบกับท่านอีกครั้งรึเปล่า แต่นางก็จะขอตายเพื่อไปเกิดใหม่เพื่อไปตามหาท่านและหากได้พบกันครั้งหน้า ต่อให้ท่านจะเป็นคนไร้หัวใจสักแค่ไหนนางก็จะไม่ดื้อรั้นขอร้องให้ท่านเปลี่ยนแปลงเพื่อนางอีกแล้ว นางจะขอดูท่านอยู่ห่าง ๆ ด้วยดวงใจที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง’ นี่คือสิ่งที่นางเคยพูดเอาไว้ก่อนที่ดวงวิญญาณของนางจะหลุดออกจากร่าง”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮุยเจีย อารมณ์ของหลิงตู้ฉิงพลุ่งพล่านในทันที เขาอยากจะฆ่าคนของสำนักชีเปลื้องอารมณ์ให้ตายให้หมดภายในพริบตา แต่เมื่อเขาได้ยินประโยคสุดท้ายอารมณ์ของเขากลายเป็นตกตะลึง

“ที่แท้ก็เป็นนาง!” หลิงตู้ฉิงอุทานขึ้น

หลิวแฟ่ยเฟ่ยบ่มเพาะวิชาดรุณีเยือกแข็งมาโดยตลอด ซึ่งตอนแรก ๆ นางมักอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเขาและไม่เคยปฏิเสธเขาเลยแม้สักครั้งไม่ว่าเขาสั่งให้นางทำอะไรก็ตาม แต่พอระยะหลัง ๆ เมื่อนางบ่มเพาะไปถึงระดับที่สูงขึ้นจู่ ๆ นางกลับเว้นระยะห่างจากเขาไปเรื่อย ๆ

สิ่งนี้น่าจะเป็นปณิธานเดิมของนางเมื่อชีวิตที่แล้วที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งมันทำให้นางเว้นระยะไปจากเขาโดยที่นางเองก็ไม่น่าจะรู้ตัวแน่นอน!

หลิงตู้ฉิงเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ต่อให้นางจะตรอมใจตายเองแต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนพานางมาที่นี่และท้ายที่สุดกลับปล่อยให้นางตาย ดังนั้นข้าถือว่าพวกเจ้าทั้งหมดมีบ่วงกรรมกับข้าและพวกเจ้าจำเป็นต้องชดใช้! แม่ชีทั้งหมดของสำนักชีเปลื้องอารมณ์ยกเว้นเจ้าแม่ชีเฒ่า จะต้องออกไปยังโลกภายนอกเพื่อแต่งงานและให้กำเนิดบุตร พวกเจ้าทั้งหมดจำเป็นต้องให้กำเนิดบุตรอย่างน้อย 1 คน ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาที่นี่!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้บรรดาแม่ชีทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?

สีหน้าของฮุยเจียกลายเป็นมืดหม่นทันที และพูดว่า “ทำไมท่านต้องบังคับให้พวกเราทำอะไรที่มันสุดโต่งแบบนี้ด้วย?”

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนเจ้าชอบบังคับใจคนไม่ใช่เหรอ? สิ่งที่ข้าทำในตอนนี้มันก็เหมือนกับพวกเจ้าเมื่อก่อนนั่นล่ะ แต่ถ้าหากพวกเจ้าไม่ยินยอม งั้นข้าจะสร้างแรงบันดาลใจให้ก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เหวี่ยงแส้ฟาดไปที่เหล่าแม่ชีทั้งหลายทันที

บรรดาแม่ชีทั้งหลายต่างปัดป้องตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยพลังของหลิงตู้ฉิงตอนนี้ที่สามารถใช้เจตจำนงได้แล้ว แม่ชีเหล่านี้จะต่อต้านเขาได้ยังไง?

ทางด้านของฮุยเจียนั้นยืนมองอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่เข้าไปช่วยใครเลย เพราะนางก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์

ถึงแม้ว่าการฟาดแส้แต่ละครั้งจะดูรุนแรง แต่มันก็ไร้ซึ่งพลังในการสังหาร แต่ละแส้ที่ฟาดลงไปนั้นมีแต่พลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาล้วน ๆ!

หลังจากถูกฟาดไปสักพัก เหล่าแม่ชีก็เริ่มหลั่งน้ำตาเพราะแส้ของหลิงตู้ฉิงนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนา ซึ่งมันก็กำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของพวกนางที่เคยลดทอนอารมณ์และความปรารถนาต่าง ๆ ไปได้มากแล้ว

ในเวลานี้เมื่ออารมณ์และความปรารถนาของตัวเองกลับมาถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์เหมือนเดิม เหล่าแม่ชีทั้งหลายจึงเริ่มนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง นึกถึงเรื่องราวของเหล่าผู้คนในอดีตที่พวกนางลืมไปแล้ว ซึ่งมันทำให้น้ำตาของพวกนางไหลออกมาไม่หยุด

หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจพลางกวาดสายตามองไปที่เหล่าแม่ชีทั้งหลาย “ด้วยคำสั่งของข้า พวกเจ้าจงออกไปยังโลกภายนอกเพื่อแต่งงานและมีลูกซะ และเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ พวกเจ้าถึงจะสามารถกลับมาที่นี่ได้อีกครั้งเพื่อเดินตามเส้นทางแม่ชีของพวกเจ้าต่อไป แต่ถ้าถึงเวลาพวกเจ้าไม่กลับมาที่นี่มันก็แปลว่าพวกเจ้าไม่มั่นคงกับเส้นทางของพวกเจ้าพอ หากเป็นเช่นนั้นมันก็ถือว่าพวกเจ้าไม่คู่ควรกับการอยู่ในสำนักชีเปลื้องอารมณ์”

“ส่วนเจ้าแม่ชีน้อยหลิงซิน เหตุผลที่ข้าไม่ฟาดแส้ใส่เจ้าก็เพราะข้าจะพาเจ้ากลับไปกับข้าเพื่อให้เจ้าไปรับใช้ภรรยาของข้า เจ้าจงรับใช้ภรรยาของข้าให้ดี และหากเจ้าทำได้ดีพอเมื่อถึงเวลาข้าปล่อยเจ้ากลับมาที่นี่เพื่อให้สืบทอดเต๋าแม่ชีของพวกเจ้าต่อไปโดยที่เจ้าจะได้ไม่มีมลทินใด ๆ ติดตัว นี่คือการไว้หน้าที่ข้ามีให้กับสำนักชีของพวกเจ้า”

ฮุยเจียถอนหายใจเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับสำนักชีของนาง “นี่ถือว่าเป็นความผิดร่วมกันของพวกเราทั้งหมดและเป็นชะตากรรมที่พวกเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากพวกเจ้าทั้งหมดสามารถผ่านเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้ เมื่อกลับมาเต๋าของพวกเจ้าจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เอาล่ะพวกเจ้าจงไปเก็บข้าวของและออกไปสู่โลกภายนอกซะ ส่วนเจ้า หลิงซิน ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่รอวันที่เจ้ากลับมา จงไปรับใช้คนที่เจ้าจำเป็นต้องรับใช้ให้ดีเพราะนี่คือเวรกรรมที่สำนักเราต้องชดใช้”

“ทราบแล้วท่านเจ้าสำนัก!” หลิงซินโค้งคารวะ

จากนั้นหลิงซินและแม่ชีคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของด้วยความรู้สึกสับสนในใจ

อันที่จริงเมื่อเหล่าแม่ชีทั้งหลายกลับมามีอารมณ์และความปรารถนาเหมือนเดิม ในใจลึก ๆ ของพวกนางตอนนี้ก็เริ่มอยากที่จะออกไปสู่โลกภายนอกด้วยตัวเองเช่นกัน เพราะความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นโลกภายนอกกำลังผุดขึ้นในใจพวกนาง

หลิงตู้ฉิงมองดูเหล่าแม่ชีทั้งหลายที่กำลังบินออกไปจากสำนักชีเปลื้องอารมณ์ทีละคน ๆ จนท้ายที่สุดเขาพูดกับฮุยเจียว่า “ในตอนนี้อี้ซางกลับเป็นปกติแล้ว ทุกคนสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ตัวเจ้าเองถ้าหากต้องการเข้าไป ข้าอนุญาตให้เจ้าเลือกอาณาเขตได้ 1 อาณาเขตที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างน้อย ๆ พวกเจ้าจะได้มีทรัพยากรเอาไว้ใช้เพื่อบ่มเพาะกัน นี่ถือว่าเป็นรางวัลที่ข้ามองให้กับพวกเจ้าสำนักชี”

“ท่านผู้มีพระคุณช่างมากความสามารถยิ่งนักที่สามารถจัดการกับปัญหาของอี้ซางได้” ฮุยเจียถอนหายใจ “ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณมากที่เมตตา หลังจากนี้ข้าจะไปเลือกอาณาเขตของอี้ซางเอาไว้สักหนึ่งอาณาเขตแน่นอน ส่วนหลิงซิน นับจากนี้ข้าขอมอบนางให้อยู่ในความดูแลของท่านโปรดท่านช่วยทะนุถนอมนางด้วย!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง นางจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเมื่อไหร่ที่นางกลับมาหาเจ้า ข้ารับประกันได้ว่านางจะกลายเป็นแม่ชีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักชีเจ้าแน่นอน”

“ขอบคุณผู้มีพระคุณ!” ฮุยเจียโค้งตัวขอบคุณ

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาเดินไปจับแขนหลิงซิน และพานางบินออกไปทันที

ในตอนแรกหลิงซินรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงต้องคว้าร่างนางให้ไปกับเขา แต่แล้วเมื่อนางเห็นว่าความเร็วของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางจะเทียบได้เลย นางจึงเข้าใจว่าหากให้นางบินตามไปด้วยตัวเองมันคงเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ

ในเวลาไม่นานหลิงตู้ฉิงก็พาหลิงซินกลับไปถึงประตูเคลื่อนย้ายที่เขาสร้างขึ้น จากนั้นเขาพานางกลับไปที่อาณาจักรจันทราทันที

เมื่อกลับไปที่ถึงอาณาจักรจันทรา หลิงตู้ฉิงเดินตรงไปที่เรือนของหลิวเฟ่ยเฟ่ยโดยที่ไม่แวะที่ไหนเลย และเมื่อเขาได้พบหน้ากับหลิวเฟ่ยเฟ่ย เขาโผเข้ากอดนางทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “เฟ่ยเฟ่ย ข้าพาสาวรับใช้มาให้เจ้า!”

หลิวเฟ่ยเฟ่ยมองไปที่หลิงซินที่อยู่ข้างหลังหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงง และถามว่า “ทำไมสาวใช้ของข้าถึงเป็นแม่ชีแบบนี้?”

“นางเป็นคนของสำนักชีเปลื้องอารมณ์…เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ แค่รู้ไว้ว่านับจากนี้นางจะมาเป็นสาวใช้ของเจ้าก็พอ เจ้าสามารถใช้ให้นางไปทำธุระอะไรก็ได้โดยไม่ต้องเกรงใจ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

“สามี ท่านพูดสิ่งที่ท่านอยากจะพูดมาเถอะ!” หลิวเฟ่ยเฟ่ยหัวเราะ “ว่าแต่ท่านไม่มาหาข้านานแล้ว ท่านอยากจะค้างที่นี่สักพักไหม?”

“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

หลิวเฟ่ยเฟ่ยแสดงสีหน้าเบิกบานมากขึ้นกว่าเดิมทันที และพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะปรนนิบัติท่านให้ดีที่สุดเลย!”

“ข้าเองก็จะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุดเช่นกัน!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

จากนั้นคนทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าไปในห้อง…