หลิงตู้ฉิงใช้เวลาอยู่ในห้องกับหลิวเฟ่ยเฟ่ยอยู่หลายวันก่อนที่จะพูดกับนางว่า “รอให้ข้าเสร็จธุระทั้งหมดก่อน ข้าจะพาเจ้าไปที่ตำหนักเทพเหมันต์เพื่อให้เจ้าใช้อำนาจวิถีเต๋าของพวกเขามาทำให้เจ้าสำเร็จเต๋า”
“ทำแบบนั้นมันจะดีเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามกลับด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ทำไมจะไม่ดี? เป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องรู้สึกซาบซึ้ง เพราะมันหมายความว่าพวกเขาจะได้มีความเกี่ยวพันกับเจ้า” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “หรือถ้าพวกเขายังไม่พอใจ ข้าอาจจะยกอาณาเขตในอี้ซางให้พวกเขาสักอาณาเขตเพื่อเป็นการตอบแทน แค่นี้พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว ไม่สิต่อให้พวกเขาจะไม่ยอมรับ พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี!”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยหัวเราะ “งั้นข้าจะทำตามที่ท่านบอกก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นเมื่อทั้งคู่แต่งตัวเสร็จ พวกเขาก็พากันเดินไปที่ลานหน้าคฤหาสน์ตรงจุดที่ง้าวเทวะพินาศนอนอยู่
หลิงตู้ฉิงเตะมันป้าบใหญ่ จากนั้นเขาหัวเราะและพูดว่า “เป็นไง อิ่มเลยล่ะสิกับรางวัลที่ได้จากสวรรค์?”
ง้าวเทวะพินาศกลอกตาและตอบกลับ “ข้าต้องรับเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ทำหยั่งกับข้าจะมีโอกาสดี ๆ แบบนี้ในอนาคตอีก!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันก็ไม่แน่หรอก มันยังมีอีกหลายอย่างที่รอให้เราไปทำเพื่อได้รางวัลจากสวรรค์อีก!”
หลังจากแวะไปเยี่ยมเยือนคนในครอบครัวของเขาอยู่พักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ไปหาหลิงยี่เทียน และพูดว่า “ยี่เทียน เจ้าจงสั่งให้คนของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์และบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่บ่มเพาะวิชาธาตุแสงให้เดินทางไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อเตรียมตัวได้เลย อ๋อ เจ้าส่งข้อความไปที่ตำหนักเทพยุทธ์ด้วยเพื่อให้กวนหลิงอู่ไปสมทบกับพ่อที่นั่นด้วยเช่นกัน”
“ท่านพ่อ ท่านเตรียมจะลงมือกับแดนกระดูกขาวแล้วงั้นเหรอ?” หลิงยี่เทียนถามกลับ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม พ่อต้องลงมือแล้วไม่งั้นมันจะไม่ทันเวลา”
หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ถ้างั้นข้าจะเตรียมตัวให้พร้อมด้วยก็แล้วกัน ข้ากับพี่สี่ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะไปช่วยท่านพ่อด้วย!”
แต่แล้วก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้ทันพูดอะไรต่อ จู่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดผู้หนึ่งของสำนักเต๋าสวรรค์ก็มาขอเข้าเฝ้า
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของสำนักเต๋าสวรรค์เจอหน้าหลิงยี่เทียน เขาพูดขึ้นทันที “ถวายบังคมฝ่าบาทราชันมนุษย์ สาเหตุที่ข้ามาเยือนท่านในวันนี้เป็นเพราะข้ามีข่าวมงคลมาแจ้งฝ่าบาท อีก 3 เดือนนับจากนี้เจ้าสำนักของเราจะเข้าสู่พิธีสมรส ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลาฝ่าบาทจะให้เกียรติสำนักของเราเข้าร่วมพิธีด้วย!”
หลิงยี่เทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเขาถามกลับทันที “เจ้าสำนักของเจ้ากำลังจะแต่งงาน? เจ้าหมายถึงพี่สาวของข้า?”
“ถูกต้องแล้วฝ่าบาท เจ้าสำนักว่านถิงกำลังจะเข้าพิธีสมรส!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดตอบกลับ
หลิงยี่เทียนหันไปมองหน้าหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงงทันที พร้อมกับที่หลิงตู้ฉิงก็มองหน้าเขาเช่นกัน
หลิงว่านถิงกำลังจะแต่งงาน? ทำไมหลิงว่านถิงถึงไม่ส่งข่าวนี้มาบอกกับพวกเขาด้วยตัวเอง?
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วทันที “เจ้าบ่าวเป็นใครกัน?”
ลูกสาวของเขากำลังจะแต่งงาน แต่เขาที่เป็นพ่อทำไมเพิ่งได้รู้ข่าวตอนนี้?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดโค้งคารวะก่อนที่จะตอบกลับว่า “เจ้าบ่าวของท่านเจ้าสำนักคือผู้ส่งสาสน์ผู้มาจากโลกเบื้องบนของสำนักเรา ซึ่งจากที่ผู้น้อยรู้มาพวกเขาคือศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันมาก่อน เอาล่ะ ผู้น้อยส่งข่าวเสร็จแล้วผู้น้อยขอตัวลา!”
เมื่อพูดจบเขารีบบินจากไปในทันที ปล่อยให้คู่พ่อลูกยืนมองหน้ากันด้วยสายตางุนงง
“ท่านพ่อ พี่สองกำลังทำบ้าอะไรของนาง?” หลิงยี่เทียนขมวดคิ้ว “รอบที่แล้วนางก็ถูกผู้ชายหลอกไปรอบหนึ่ง มารอบนี้นางคงไม่ถูกหลอกอีกรอบใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้างุนงงเช่นกันว่า “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ อันที่จริงถ้าจะให้พูดกันตามหลักแล้วก่อนหน้านี้พ่อก็อุตส่าห์ชำระล้างฝุ่นมลทินออกไปจากร่างของพี่สาวเจ้าตั้งเยอะแล้ว นางไม่น่าจะตกลงปลงใจกับใครได้เร็วขนาดนี้นี่นา?”
แต่แล้วจู่ ๆ จี้หยกที่หลิงตู้ฉิงพกติดตัวเอาไว้ที่ข้างเอวตลอดทันใดนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของหลิงตู้ฉิงกลายเป็นเดือดดาลทันทีพร้อมกับตะโกนว่า “ไอ้พวกสารเลวสำนักเต๋าสวรรค์ พวกมันบังอาจนักที่กล้าท้าทายอำนาจของข้าแบบนี้!”
“ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น?” หลิงยี่เทียนรีบถามขึ้นทันที
“การแต่งงานของพี่สาวเจ้าไม่ใช่ความตั้งใจของนางแน่นอน และตอนนี้ดูเหมือนว่านางกำลังเจอกับปัญหาใหญ่ พ่อต้องรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!” หลิงตู้ฉิงรีบตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าเดือดดาล
เมื่อในอดีต หลิงตู้ฉิงเคยประทับอักขระแจ้งเตือนลงที่หัวใจของซือโถวเหวินหยวนและได้ย้ำเอาไว้ว่าหาก หลิงว่านถิงเกิดปัญหาซือโถวเหวินหยวนจะต้องทำลายหัวใจของตัวเองทันทีเพื่อเตือนให้เขาได้รู้ ซึ่งตอนนี้เมื่อจี้หยกที่เชื่อมต่อกับอักขระแจ้งเตือนที่ถูกประทับในหัวใจของซือโถวเหวินหยวนแตกออก มันจึงมีความหมายได้อย่างเดียวคือหลิงว่านถิงกำลังเกิดปัญหา
หลิงตู้ฉิงรีบกลับไปที่คฤหาสน์สราญรมย์และตรงดิ่งไปที่ง้าวพินาศเทวะทันทีพร้อมกับเตะมัน และสั่งกับมันว่า “จงเปิดเส้นทางมิติให้ข้าไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เดี๋ยวนี้!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงแจ้งตำแหน่งของสำนักเต๋าสวรรค์ให้กับง้าวเทวะพินาศทันที
ย้อนกลับไปครึ่งชั่วยามที่สำนักเต๋าสวรรค์
ในเวลานี้บรรยากาศของสำนักเต๋าสวรรค์กำลังตึงเครียดเป็นอย่างมาก
หลิงว่านถิงจ้องเขม็งไปที่จางซิงอี้ด้วยสีหน้าเดือดดาล และตวาดถามว่า “ศิษย์พี่ ท่านทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง!”
ในตอนนี้นางถูกจางซิงอี้ใช้พลังตรึงร่างเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้
ส่วนซวนหยวนและต้วนมู่ฟาง ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะโมโหเป็นอย่างมากแต่พวกเขาก็ทำได้แค่ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือกับจางซิงอี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด แต่จางซิงอี้คือผู้เชี่ยวชาญที่ลงมาจากโลกเบื้องบน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ตัวว่าต่อให้สู้ไปพวกเขาก็ไม่อาจสู้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ตั้งท่าระวังและรอดูสถานการณ์ต่อไป
“ท่านผู้ส่งสาสน์ นี่ท่านเป็นคนพวกเดียวกับเราจริง ๆ รึเปล่า? ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงได้ตรึงร่างของว่านถิงแบบนี้?” ซวนหยวนเอ่ยถามขึ้น
จางซิงอี้ยิ้มและตอบกลับว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำอะไรศิษย์น้องของข้าแน่ แต่ที่ข้าทำเช่นนี้เป็นเพียงเพราะข้าต้องการล่อให้พ่อของนางมาปรากฏกาย! ว่านถิง ตั้งแต่ในอดีตพ่อของเจ้าเป็นมารในใจของข้ามาตลอด ซึ่งถ้าข้าไม่ขจัดมารในใจนี้ออกไปได้ข้าจะไม่มีวันทะลวงระดับขึ้นไปได้เลย ดังนั้นที่ข้าปล่อยข่าวออกไปว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้านั้นเป็นแค่เพียงกลลวงเพื่อล่อให้พ่อของเจ้ามาที่นี่เท่านั้นเพื่อที่ข้าจะได้ขจัดมารในใจออกไปได้!”
หลิงว่านถิงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยันและพูดว่า “น้ำหน้าอย่างเจ้าเนี่ยนะจะทำอะไรพ่อของข้าได้?”
จางซิงอี้ยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้ว่าพ่อของเจ้าจะแข็งแกร่งมาก ๆ ก็จริง แต่ตอนนี้พ่อของเจ้าเพิ่งเกิดใหม่และข้าเองตอนนี้ก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่ต่างกับผู้สำเร็จเต๋า แถมกว่าที่พ่อของเจ้าจะเดินทางมาถึงที่นี่มันก็คงต้องใช้ระยะเวลาเหมือนกัน ซึ่งกว่าที่พ่อของเจ้าจะมาถึงข้าก็เตรียมการเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว ดังนั้นนี่มันจึงเป็นโอกาสดีที่สุดที่ข้าจะสามารถจัดการกับพ่อของเจ้าได้ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์ของพวกเราถึงได้ส่งข้าลงมาที่นี่ แต่ตอนนี้ข้าได้เข้าใจแล้วว่าท่านอาจารย์คงมีเจตนาให้ข้าได้มีโอกาสลบมารในใจที่ยังคงเกาะกินข้าอยู่แน่นอน!”
หลิงว่านถิงแสดงสีหน้ามืดหม่นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
ถึงแม้ว่าพ่อของนางจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ศิษย์พี่ของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ความรู้สึกลึกล้ำที่นางสัมผัสได้จากศิษย์พี่ของนางนั้นไม่ต่างอะไรกับตอนที่นางอยู่ใกล้ ๆ พ่อของนางเลย
แน่นอนว่าถ้าหากพ่อของนางรู้ว่านางกำลังจะแต่งงาน พ่อของนางต้องรีบเร่งมาที่นี่ทันทีแน่นอน และเมื่อเจอกับหลุมพรางที่ศิษย์พี่ของนางวางเอาไว้พ่อของนางจะต้องมีอันตราย
เมื่อคิดได้สักพัก หลิงว่านถิงหันหน้าไปหาซือโถวเหวินหยวนและพูดกับเขาด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า “ซือโถว ตอนนี้ข้าคงหวังพึ่งได้แค่เจ้าแล้วเท่านั้น”
ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้ ทางออกของนางมีเพียงอย่างเดียวก็คือการใหซือโถวเหวินหยวนทำลายหัวใจของตัวเองซะ เพื่อแจ้งให้พ่อของนางรู้ว่านางกำลังมีอันตราย ซึ่งการทำเช่นนี้นางก็รู้สึกปวดใจมากเช่นกันเพราะซือโถวเหวินหยวนติดตามนางมานานมากจนนางคิดกับเขาไม่ต่างอะไรกับคนครอบครัวเดียวกัน
ซือโถวเหวินหยวนหัวเราะ “นายหญิงไม่ต้องเศร้าไปหรอกนี่คือหน้าที่ที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมาแค่ข้าได้มีโอกาสเห็นนายหญิงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างใกล้ชิดแค่นี้มันก็ถือได้ว่าวาสนาของข้าแล้ว สิ่งที่ข้าเสียดายในตอนนี้มีเพียงแค่อย่างเดียวก็คือข้าคงอยู่ไม่ถึงวันที่จะเห็นนายหญิงสำเร็จเต๋าและขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน เอาล่ะข้าขอตัวลานายหญิงของข้า!”
เมื่อพูดจบซือโถวเหวินหยวนทำลายหัวใจของเขาในทันที และด้วยการกระทำนี้มันจึงทำให้หลิงตู้ฉิงรู้ได้ในทันทีว่าหลิงว่านถิงกำลังมีอันตราย!
ที่ผ่านมาจางซิงอี้นั้นรู้สึกอยู่ตลอดว่าซือโถวเหวินหยวนนั้นมีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่เคยหาสาเหตุได้เลยสักครั้ง แต่แล้วเมื่อเขาเห็นการกระทำนี้ของซือโถวเหวินหยวน เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่ามันหมายความว่ายังไง
จางซิงอี้ยิ้มเยาะและพูดว่า “แจ้งให้พ่อของเจ้ารู้แล้วยังไงล่ะ? กว่าเขาจะมาถึงที่นี่ข้าก็เตรียมการเสร็จไปแล้ว มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรทั้งนั้น!”
“เจ้าแน่ใจเหรอ?” เสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎของรอยแยกมิติ ซึ่งที่ด้านในมีชายผู้หนึ่งกำลังค่อย ๆ เดินออกมาในสภาพที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งจากการถูกเสียดสีของพลังแห่งมิติที่ผันผวน