บทที่ 1387 พลังอำนาจจอมปีศาจ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

มือซีดยื่นออกมาจากไข่สีแดงบีบเสาผลึกจนแตกออก

พลังน่าสะพรึงกลัวทำให้ทั้งสวรรค์และโลกเงียบงันไปในทันที

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อมองไปที่ไข่สีแดงเข้ม เมื่อเปลือกไข่แตก เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่กลั่นตัวจากภายใน

ตู้ม!

ทันใดนั้นเสาสีแดงเข้มก็พุ่งออกจากเปลือกไข่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไปกระแทกใส่เจดีย์ผลึกแก้วบนท้องฟ้า เมื่อทั้งสองปะทะกัน เจดีย์ก็ดีดกลับออกไปทันที

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ก่อนที่จะโบกมือให้เจดีย์บินกลับมาหา สายตาของเขาจ้องมองไปที่ไข่สีแดงเข้มด้วยความวูบไหวหวั่นเกรงอยู่ในดวงตา

แกร็ก

ภายใต้การจ้องมองของเขา ไข่สีแดงเข้มก็แตกออกอย่างรวดเร็ว มือซีดยื่นออกมาแกะเปลือกไข่ออก ร่างเยาว์วัยสีแดงเข้มก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ

ร่างเยาว์วัยมีรูปร่างสมส่วนสูงเพรียว ดวงตาเป็นสีแดงราวกับว่าถูกควบแน่นจากมหาสมุทรเลือด ผมสีขาวปลิวสยายไปตามสายลมดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ ทว่ารัศมีดุร้ายรอบตัวเขา ทำให้ภูเขาเสี่ยหมัวทั้งหมดสั่นสะเทือน

ไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า รูม่านตาสีแดงเข้มเบิกกว้างโดยไม่มีแววใดๆ กวาดมองไปทั่วด้วยความเฉยเมย

ในเวลาเดียวกันพายุสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนก็กวาดรอบตัวเขาพร้อมกับแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมา เมฆสีแดงเข้มรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นพายุปกคลุมสวรรค์และโลก

ชาวโลกมองไปที่ภาพเงานั้น ร่างก็สั่นงันงกเกือบจะทรุดลง พวกเขาสูญเสียความคิดจากแรงกดดัน ท่อนขาก็สั่นพั่บไปหมดแล้ว

ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ซีดขาวลงเช่นกัน แม้ว่านางจะไม่รู้ถึงพลังของร่างนั่น แต่สัญชาตญาณบอกว่าความแข็งแกร่งของคนคนนั้นมีมากกว่าผู้บัญการใหญ่ปีศาจโลหิตเสียอีก

ร่างกายนางสั่นสะท้าน ถ้าไม่ใช่เพราะแรงใจ นางคงจะวิ่งหนีไปในตอนนี้แล้ว

ขณะที่นางรู้สึกหวาดกลัว มือของมู่เฉินก็ตบไหล่บางเบาๆ คลื่นหลิงปกคลุมเพื่อขจัดความกดดัน

“ท่านเทพ…”

ไป๋ซู่ซู่มองมู่เฉินอย่างขอบคุณ แต่นางก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วนพร้อมกับความหวาดเกรงหนาแน่นพล่านในดวงตา

“ไม่คิดว่าจอมปีศาจจะถือกำเนิดในเผ่าเสี่ยเสีย…” มู่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

สุดท้ายความกังวลครั้งใหญ่ของเขาก็เกิดขึ้น จอมปีศาจที่ปรากฏในเผ่าเสี่ยเสียเป็นการดำรงอยู่ที่เทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุน ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตแบบนี้แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม

เพราะเขารู้ชัดเจนว่าจอมปีศาจแข็งแกร่งเพียงใด แม้ว่าผู้คนจะเห็นว่าเขาจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดว่ามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับนักรบราชันปีศาจแท้จริง

“ตอนนี้ลำบากแล้ว”

 

บนยอดเขาเสี่ยหมัว

ร่างเยาว์วัยไม่สนใจร่างเปลือยเปล่าของตน เขาอ้าปากกินเปลือกไข่

หลังจากนั้นม่านตาสีแดงเข้มก็มองไปทางมู่เฉินก่อนที่จะพูดว่า “ข้าต้องขอบคุณสำหรับวันนี้ มิฉะนั้นข้าคงต้องรออีกหลายสิบหรือร้อยปี”

แม้ว่าเขาจะเพิ่งถือกำเนิด แต่เขาก็ได้กลืนกินเลือดเนื้อของสมาชิกเผ่านับไม่ถ้วน จนสุดท้ายกระทั่งผู้บัญชาการใหญ่ยังสละแก่นโลหิตบริสุทธิ์ ทำให้ได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมาด้วย

มู่เฉินถอนหายใจ “ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเผ่าเสี่ยเสียจะมีจอมปีศาจ”

จอมปีศาจโลหิตเผ่าเสี่ยเสียพยักหน้าอย่างไม่แยแส “แม้ว่าเจ้าจะมีส่วนช่วยต่อการเกิดของข้า แต่เจ้าก็ต้องตายในวันนี้”

เสียงของเขาแหบพร่า ไร้อารมณ์ใดๆ มีเพียงไอหนาวเหน็บแฝงอยู่เท่านั้น

มู่เฉินยิ้ม เขารู้ว่าวันนี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นตายตั้งแต่เห็นจอมปีศาจโลหิตถือกำเนิด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะจบลงโดยดี

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลองลิ้มรสฝีมือของจอมปีศาจแล้ว”

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมปีศาจ แต่มู่เฉินก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ผลลัพธ์จะถูกตัดสินหลังจากต่อสู้กันจริงแล้วเท่านั้น

“แก่นโลหิตเจ้าหนาแน่นดี แทนที่จะฆ่าเจ้าทำไมเจ้าไม่มอบตัวให้ข้า ข้าจะปรับแต่งให้เป็นทาสรับใช้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป” จอมปีศาจโลหิตกล่าวขณะที่มองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินยิ้มขณะที่แสงสีม่วงทองกำจายจากด้านหลัง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถูกเรียกออกมา มู่เฉินยืนอยู่บนหัวของร่างเวทสวรรค์ ส่วนร่างรองทั้งสองยืนอยู่บนไหล่คนละด้าน

ทั้งสามนั่งลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด รัศมีสีม่วงทองเปล่งออกมาจากร่างเวทสวรรค์โดยธรรมชาติ ราวกับดวงอาทิตย์สีม่วงทองก็มิปาน

มู่เฉินตอบโต้ด้วยการกระทำ

“มดกำลังเขย่าต้นไม้เรอะ”

จอมปีศาจโลหิตกล่าวอย่างไม่แยแสกับภาพนี้

มู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ทั้งสามผสานพลังวาดตราประทับในเวลาเดียวกัน รหัสเทพอมตะควบแน่นขณะที่ไหลเวียนไปรอบๆ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ในไม่กี่ลมหายใจ จำนวนของรหัสเทพอมตะก็มีถึงสองร้อยลายช่างน่าตกใจนัก

ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความคิดจะหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ เขาใช้พลังถึงขีดสุดทันที

รหัสเทพอมตะสองร้อยลายเปล่งแสงสีม่วงทองออกมาทำให้มิติแปรปรวน พลังนี้สามารถทำร้ายผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตได้ในทันที

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน ระฆังเทพอมตะ!”

เมื่อเสียงตะโกนของมู่เฉินดังขึ้นรหัสเทพอมตะก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ก่อตัวเป็นระฆังขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างจอมปีศาจโลหิตไว้

มู่เฉินสะบัดเสื้อ รหัสเทพอีกหลายสิบลายก็รวมตัวกันแล้วควบแน่นเป็นเสาขนาดใหญ่กระแทกกับระฆัง

เคร้ง!

ในช่วงเวลาปะทะนั้นสวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน กระทั่งภูเขาเสี่ยหมัวยังเริ่มพังทลายลง คลื่นกระแทกขนาดใหญ่ที่มีความกว้างหมื่นจั้งสร้างความหายนะ ฉีกขอบฟ้าออกจากกัน

ในรัศมีร้อยลี้ของระฆังทอง หินน้อยใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับพื้นโลกสลายลง…

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจและหวั่นกลัว นี่เป็นเพียงพลังจากคลื่นกระแทก แล้วภายในระฆังจะทรงพลังแค่ไหนกัน?!

การโจมตีของมู่เฉินเผยความน่ากลัวขึ้นในทันที

ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่เปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อมองไปที่มู่เฉิน แต่นางเห็นว่าใบหน้าของเขายังดูเคร่งเครียดไม่แสดงอาการผ่อนคลายใด

เนื่องจากเขารู้ดีว่ากระบวนท่านี้สามารถทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันจากจอมยุทธ์ใต้ระดับเทียนจื้อจุน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับจอมปีศาจ

ขณะที่ความคิดนี้แวบขึ้นในหัวของมู่เฉิน ทันใดนั้นระฆังก็สั่นะสะเทือนรุนแรง ทุกคนสามารถเห็นลายฝ่ามือชัดเจนด้านบนของระฆังทอง

ปัง!

ระฆังทองแตกเป็นเสี่ยงๆ ใต้ฝ่ามือนั้น ร่างจอมปีศาจโลหิตก็ปรากฏขึ้น นอกจากมีริ้วรอยสีแดงเข้มบนร่างกายแล้วก็ไม่ได้อาการบาดเจ็บใดๆ

กระทั่งรอยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว!

ซื้ด!

ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะหายใจลึก พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าจอมปีศาจโลหิตจะทรงพลังปานนี้ การโจมตีระดับนั้นเป็นเพียงการข่วนอีกฝ่ายเท่านั้น!

เมื่อตระหนักได้ว่าจอมปีศาจโลหิตทรงพลังเพียงนี้ แม้แต่ไป๋ซู่ซู่ที่มั่นใจในตัวมู่เฉินก็ยังอดกังวลไม่ได้

“สมกับเป็นราชัน…”

แม้ว่ามู่เฉินจะคาดไว้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจให้กับจอมปีศาจโลหิตที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ มีความแตกต่างระหว่างคำว่าจอมปีศาจและผู้บัญชาการ พลังแตกต่างราวกับระหว่างสวรรค์และโลก

บนยอดเขา จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเหยียดนิ้วออก

ทันใดนั้นแสงสีแดงก็สว่างวาบ มีเลือดไหลออกมาจากปลายนิ้วเขา

หยดเลือดกลายเป็นไข่มุกทะลุผ่านมิติบินไปหามู่เฉิน

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็กำจายจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อตัวเป็นภูเขาขนาดมหึมา

ตึง!

หยดเลือดปะทะเข้าบนภูเขาอย่างจัง

ครืน!

วินาทีนั้นรู้สึกเหมือนสวรรค์และโลกล่มสลาย ภูเขาที่ดูเหมือนอยู่ยงคงกระพันแตกสลายทันทีที่สัมผัสกับหยดเลือด พลังอันเหลือเชื่อแผ่ซ่านออกมา

ปัง!

ฟ้าถล่มดินถล่มทลาย บริเวณที่มิติบิดเบี้ยว แสงสีม่วงทองจางหาย ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เหมือนได้รับผลกระทบอย่างหนักถูกผลักออกไปหลายพันลี้ด้วยพลังที่น่ากลัวพร้อมกับรอยลึกสองรอยลากจากขา…

เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นฉากนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมู่เฉินเป็นฝ่ายเสียเปรียบ…

เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าจอมปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากกว่ามู่เฉิน

ไกลออกไปในที่สุดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็หยุดลง มู่เฉินมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ใต้เท้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นรอยแตกหลายแห่งปรากฏขึ้น

แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นี้ พลังของราชันน่ากลัวอย่างแท้จริง

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก ความคมชัดฉายในนัยน์ตา จอมปีศาจโลหิตทรงพลังนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะข่มขู่เขาที่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน!

“ดูเหมือนวันนี้…ข้าต้องพุ่งสุดแรงแล้ว!”