บทที่ 2133 คิดถึงผมในแง่ดีบ้างได้ไหม
เนี่ยอู๋หมิงที่อยู่ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงตอบมาว่า “ใช่ น้องสาว แกพูดถูกแล้ว ทำไมฉันคิดไม่ได้กันนะ เนี่ยหลิงหลงกลับมาแบบไม่สะทกสะท้าน ต้องมั่นใจแน่ว่าพวกเราไม่มีหลักฐาน ถ้าฉันลงมือกับเธอจริงๆ ปัญหาจะตกมาอยู่ที่พวกเราแทน ผู้อาวุโสกับระดับสูงพวกนั้น โปรดปรานเนี่ยหลิงหลงมาโดยตลอด โชคดีที่ฉันโทรหาแกก่อน ไม่งั้นฉันคงติดกับแล้ว บัดซบเอ๊ย!”
เยี่ยหวันหวั่นอับจนคำพูดอยู่บ้าง เนี่ยอู๋หมิงมีนิสัยวู่วาม ไม่คิดหน้าคิดหลัง จะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ไม่ช้าก็เร็ว
“งั้นตอนนี้ควรทำยังไง ต้องหาหลักฐานก่อนใช่ไหม” เนี่ยอู๋หมิงถาม
“พี่วางใจเถอะ เนี่ยหลิงหลงกล้ากลับมา พี่หาหลักฐานอะไรไม่เจอแน่นอน อย่าดูถูกน้องสาวคนนี้ของพวกเราเด็กขาด ตอนนี้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“ทำเป็นไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ” เนี่ยอู๋หมิงตะลึงไปแวบหนึ่ง
“เฮอะ เนี่ยหลิงหลงคงมั่นใจว่าพี่จะลงมือกับเธอแน่ พวกเราแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ใครจะจูงจมูกใครเดิน ก็ยังไม่แน่หรอก” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพลางหัวเราะหยัน
“ใช่ๆๆ แกวิเคราะห์ได้ถูกเผงเลย! อันที่จริงฉันโทรหาแก ก็เพราะมีความคิดแบบนี้แหละ ไม่อยากให้แกโดนหล่อนจูงจมูก!” เนี่ยอู๋หมิงพูด
เยี่ยหวันหวั่นสบถในใจ เวรเอ๊ย พี่กล้าทำตัวไร้ยางอายยิ่งกว่านี้อีกหน่อยไหม?!
เช้าวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นได้รับสายจากนายหญิงเนี่ย รบเร้าให้เธอกลับไปสักรอบ บอกว่ามีเรื่องจะหารือ
ณ บ้านตระกูลเนี่ย
นายหญิงเนี่ยและหัวหน้าตระกูลเนี่ยนั่งอยู่บนโซฟา เนี่ยหลิงหลงยืนอยู่ด้านข้างอย่างพินอบพิเทา “พ่อคะ แม่คะ พวกพ่อวางใจได้เลย ช่วงที่พวกพ่อไม่อยู่บ้าน หนูจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ”
“โดยเฉพาะพี่ชายของลูกน่ะ จับตาดูไว้เลยนะ อย่าปล่อยให้ไปสร้างปัญหาข้างนอกอีก” นายหญิงเนี่ยกำชับอย่างไม่วางใจ
เนี่ยอู๋หมิงที่กำลังนอนกระดิกเท้าเล่นเกมอยู่บนโซฟา พอได้ยินก็ยืดคอออกมาแล้วเอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด “แม่ แม่คิดถึงผมในแง่ดีบ้างได้ไหม”
นายหญิงเนี่ยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง “งั้นแกมีดีอะไรให้ฉันคิดถึงบ้างล่ะ!”
เนี่ยอู๋หมิงพูดไม่ออกแล้ว…
เขาคิดอย่างจริงจังแล้วว่าคนที่ควรไปตรวจดีเอ็นจะต้องเป็นเขา เขาต้องไม่ใช่ลูกแท้ๆ แน่!
เนี่ยหลิงหลงมองคนงานที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง จากนั้นคนงานก็รีบยกกล่องของขวัญอันประณีตหรูหรากล่องเล็กกล่องน้อยเดินเข้ามา
เนี่ยหลิงหลงเปิดปากเอ่ยว่า “ใช่แล้ว แม่คะ นี่เป็นโสมคนกับรังนกที่หนูให้คนเอากลับมาจากจีนโดยเฉพาะ ยังมีอาหารเสริมส่วนหนึ่งด้วยค่ะ แม่กับพ่อทำงานหนักขนาดนี้ ต้องบำรุงให้ดีๆ นะคะ ใส่ใจสุขภาพด้วย”
นายหญิงเนี่ยพยักหน้า “ลำบากลูกแล้ว”
หัวหน้าตระกูลเนี่ยมองเนี่ยหลิงหลงที่ว่างง่ายรู้ความ ด้วยสีหน้าซับซ้อน
หลังจากเปิดโปงอู๋โยวตัวปลอม เขาก็ตรวจสอบตระกูลเนี่ยทั้งตระกูล แต่ยังไม่พบเส้นสนกลในอะไรเลย
ครั้งนี้สบโอกาสไปที่จิ่นเฉิงพอดี จะได้ไปตรวจสอบทางนั้นสักหน่อย
เวลานี้ มีเสียงฝีเท้าว่องไวและแผ่วเบาแว่วมาจากทางประตู
เยี่ยหวันหวั่นหิ้วถุงพลาสติกใบหนึ่ง เดินเข้ามาจากนอกประตูด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
“พ่อคะ แม่คะ!”
พอได้ยินเสียงหวานของลูกสาว ใบหน้าของนายหญิงเนี่ยที่ดูสง่างามสูงศักดิ์ก็ถูกความอ่อนโยนปรีดาเข้าแทนที่ทันที รีบลุกขึ้นปรี่เข้าไปต้อนรับ “หวันหวั่นกลับมาแล้ว!”
เมื่อเห็นของที่เยี่ยหวันหวั่นหิ้วอยู่ในมือ นายหญิงเนี่ยก็เอ่ยถามไปว่า “หวันหวั่น ลูกหิ้วอะไรมาจ๊ะ”
เยี่ยหวันหวั่นแกะสิ่งที่ถูกกระดาษฟอยล์ห่อไว้อย่างแน่นหนาราวกับสมบัติล้ำค่าออกมา แล้วตอบว่า “ปิ้งย่างเสียบไม้ค่ะ ซื้อมาจากร้านแผงลอยเจ้าดังทางตอนใต้ของเมืองเชียวนะคะ หนูต่อคิวอยู่ตั้งสองชั่วโมงถึงจะซื้อมาได้ กลัวว่าจะเย็น เลยรีบซิ่งรถมาเลย ตอนนี้ยังร้อนๆ อยู่ พ่อคะ แม่คะ ทั้งคู่ลองชิมดูสิคะ!”
————————————————————————-
บทที่ 2134 ทำเกินไปหน่อยแล้ว
พอนายหญิงเนี่ยฟังจบ ขอบตาก็แดงระเรื่อแล้ว “เด็กคนนี้นี่…ลูกจะลำบากขนาดนี้ไปทำไม ถ้าอยากกิน ทำกินที่บ้านก็ได้นะ!”
เยี่ยหวันหวั่นกอดแขนนายหญิงเนี่ย พลางเอ่ยอย่างฉอเลาะว่า “แบบนั้นนมันไม่เหมือนกันค่ะ หนูกินเองแล้วมันอร่อย เลยอยากให้พ่อแม่ได้ชิมด้วย พวกพ่อแม่รีบลองดูสิคะว่าอร่อยไหม ถ้าอร่อยครั้งหน้าหนูจะได้ไปซื้ออีก…”
นายหญิงเนี่ยพลันตื้นตันยิ่งกว่าเดิม “ยังคงเป็นลูกสาวคนดีของแม่”
“ได้ๆๆ พ่อจะชิมเลย!” หัวหน้าตระกูลเนี่ยมีความสุขมาก ราวกับที่อยู่ตรงหน้าคืออาหารชั้นเลิศอะไรอย่างนั้น รีบหยิบเนื้อย่างเสียบก้านไผ่ไม้หนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
เนี่ยหลิงหลงเห็นสามีภรรยาแซ่เนี่ยห้อมล้อมปิ้งย่างเสียบไม้ที่เยี่ยหวันหวั่นซื้อมาราวกับสมบัติล้ำค่า จากนั้นก็มองอาหารเสริมของตัวเองที่ถูกวางกองไว้ด้านข้างพวกนั้น ดวงตาฉายแววเยียบเย็นอึมครึมเล็กน้อย
เนี่ยอู๋หมิงที่อยู่บนโซฟามองสถานการณ์ด้วยใบหน้าอับจนวาจา “พ่อ แม่ พวกแม่ทำเกินไปหน่อยแล้ว ครั้งก่อนผมกินของพวกนี้พวกแม่ก็ไล่ตามบ่นผมอยู่ตั้งหลายวัน บอกว่าของที่ผมกินคืออาหารขยะ! ตอนนี้กลับเยินยอยัยคนนี้จนแทบลอยขึ้นฟ้า! พวกพ่อแม่ความจำเสื่อมเหรอไง”
นายหญิงเนี่ยถลึงตาใส่เขา “หุบปาก แกจะไปรู้อะไร อย่าพูดจาเหลวไหลนะ!”
เนี่ยอู๋หมิงช็อกไปแล้ว…
เขาพูดเหลวไหลงั้นเหรอ
เป็นยัยเด็กนี่ต่างหากที่พูดจาเหลวไหล!
เธอซื้อของยังต้องต่อคิวอีกเหรอ แค่เถ้าแก่ร้านเห็นเธอกลัวว่าคงอยากยกร้านประเคนให้เธอใจแทบขาดแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นมองท่าทางของเนี่ยอู๋หมิงที่ดูราวกับกินยาขมเข้าไปก็หัวเราะร่า แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางพ่อแม่แล้วเอ่ยถาม “พ่อคะ แม่คะ พวกพ่อแม่รีบตามหนูกลับมา มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
หัวหน้าตระกูลเนี่ยตอบด้วยสีหน้าอ่อยโยน “อีกสองวันพ่อกับแม่ของลูกจะไปทำธุระที่จิ่นเฉิง พวกเราอยากให้ลูกมาดูแลบ้านตระกูลเนี่ยในช่วงนั้นน่ะ”
นายหญิงเนี่ยเอ่ยอย่างมีนัยยะว่า “วันหน้าตระกูลเนี่ยก็ต้องส่งต่อให้ลูกแน่นอน ลูกก็เรียนรู้ไว้แต่เนิ่นๆ เถอะจ๊ะ”
พอเนี่ยหลิงหลงที่อยู่ด้านหลังฟังมาถึงตรงนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
เมื่อกี้ยังทำเป็นไหว้วานให้เธอช่วยดูแลตระกูลเนี่ยให้อะไรทำนองนั้นอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมอบอำนาจทั้งหมดให้นังขยะเนี่ยอู๋โยวคนนั้นแล้ว
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ตระกูลเนี่ยมานานแค่ไหน ก็เป็นได้แค่คนใช้คนหนึ่งเท่านั้น
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเนี่ยหลิงหลงอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง บังเอิญจับสังเกตกระแสความอึมครึมบนใบหน้าของเธอได้พอดี จึงยิ้มจางๆ แล้วเอ่ยว่า “พ่อคะ แม่คะ ทั้งสองคนวางใจได้เลยค่ะ หนูจะดูแลภายในบ้านให้เป็นอย่างดีเลย”
เนี่ยหลิงหลงกลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยอย่างรู้ความว่า “พ่อคะ แม่คะ ในบ้านมีหนูกับพี่สาวอยู่ ไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นหรอกค่ะ หนูจะคอยช่วยเหลือพี่สาวเองค่ะ”
หัวหน้าตระกูลเนี่ยพยักหน้า “อืม ไปกันเถอะ พวกผู้อาวุโสกำลังรออยู่”
ภายในห้องประชุม
พวกระดับสูงและผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยทั้งบ้านหลักและบ้านรองต่างก็นั่งประจำที่แล้ว
หัวหน้าตระกูลเนี่ยกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในระหว่างที่ฉันไปจิ่นเฉิง จะให้อู๋โยวรักษาการณ์ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแทน หวังว่าทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจ สนับสนุนอู๋โยว และดูแลตระกูลเนี่ยร่วมกันเป็นอย่างดี”
สำหรับคุณหนูรองตระกูลเนี่ยที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยที่เพิ่งหวนกลับมาคนนี้ ทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป
เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหัวหน้าตระกูล ทั้งหมดต่างก็ไม่แสดงออกใดๆ พากันเอ่ยคล้อยตาม
“ท่านหัวหน้าตระกูลวางใจเถอะครับ ตระกูลเนี่ยยังมีตาเฒ่าอย่างพวกเราอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรหรอก”
หัวหน้าตระกูลเนี่ยพยักหน้า จากนั้นก็มองไปทางเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หวันหวั่น ท่านนี้คือปู่รองของลูก ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็ขอคำแนะนำจากเขาได้”
…………………………………………………