บทที่ 927 ที่รัก ฝันดีค่ะ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 927 ที่รัก ฝันดีค่ะ
กุญแจล็อก?

แสนรักไม่ใช่คนของกรมทหาร สำหรับสิ่งของของเขตกรมทหาร แน่นอนว่า เขาไม่ได้รู้ชัดเจนไปเสียทุกอย่าง

ฉะนั้นกุญแจล็อกนี้ มันมาได้อย่างไร?

“ท่านประธาน ท่านคงยังไม่รู้ เหมือนอย่างพื้นที่นั้นที่ท่านถูกส่งตัวไปฝึกซ้อม มันคือพื้นที่ลับ คนธรรมดาทั่วไปเข้าไปไม่ได้ ยกเว้นนายพลตำแหน่งสูง”

“นายพลตำแหน่งสูง?”

“ใช่ครับ ผมเองก็เพิ่งได้ข่าวมาชัดเจนเมื่อวาน ด้านในนั้น เข้าไปจะต้องใส่รหัสลับกับลายนิ้วมือ คงจะเป็นเพราะอย่างนี้ ไชยันต์จึงได้ส่งตัวท่านเข้าไปในนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนั้น”

เงาดำนี้เก่งกาจไม่น้อย แม้แต่สิ่งเหล่านี้ก็หาข้อมูลมาได้ชัดเจน สุดท้ายเขาจึงย้อนถามมาหนึ่งประโยค

แสนรักไม่พูดอะไรต่อ

อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจต่อสิ่งนี้ เพราะว่าตอนแรกที่เข้าไป คือไชยันต์เข้าไปส่งด้วยตัวเอง

ต่อมา ตอนที่เขาออกมาเพื่อกลับไป ก็เป็นธีระ ที่มายืนรอรับถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง

ฉะนั้น ด้านในนี้มีอะไรกันแน่ที่ตัวเขาเองคาดคิดไม่ถึง?

นายพลตำแหน่งสูง?

เขาครุ่นคิดอย่างหนัก

เงาดำเห็นแล้ว ก็ค่อยๆ มองออกไปมองยังด้านนอก พบว่าความเคลื่อนไหวในห้องครัวเหมือนจะหยุดลงแล้ว ทันใดนั้น เขาก็เริ่มร้อนใจเล็กน้อย

“ท่านประธานครับ ผมต้องไปแล้ว เหมือนคุณนายจะกลับเข้ามาแล้ว”

พูดจบ เขาก็ปีนหน้าต่างออกไป

สายตาอันหนักอึ้งทั้งสองของแสนรักมองมา : “นายจะบอกฉันว่า คืนวันนั้นคนที่แอบเข้าไปสะกดจิตฉัน คือมีคนจงใจปล่อยเข้าไป?”

“ตึง!”

เงาดำที่เพิ่งจะปีนขึ้นหน้าต่าง สั่นสะท้านไปทั้งตัว และพลัดตกลงมาจากด้านบน!

ไม่!

เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน เขาเพียงแค่บอกเขาในสิ่งที่ตัวเองสืบหามาได้ สมองอย่างเขา ถึงแม้ว่าจะใส่จรวดเข้าไป ก็คิดไม่ถึงขั้นนี้ได้หรอก

เงาดำปีนลุกขึ้นมาจากบนพื้น ในใจยังคงมีความกล้าๆกลัวๆ มองดูยัง BOSS ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

“ท่านประธาน ผมมีความสามารถแบบนี้ที่ไหนกันล่ะครับ? ในจำนวนพวกเราที่ติดตามท่านอยู่ สมองของผมคือโง่ที่สุดแล้ว ฉะนั้น ความหมายของท่านตอนนี้ ท่านหมายถึงภายในกรมทหารยังมีคนแอบร่วมมือกับไวท์ พาเลซ อย่างนั้นเหรอครับ?”

เขาย้อนถามด้วยความตกใจและโมโห

แสนรักหัวเราะเยาะ มุมปากก็ยิ่งเย้ยหยัน : “นอกจากแบบนี้แล้ว นายคิดว่าจะเป็นไปได้แบบไหนอีกล่ะ?”

“งั้น…..เขาเป็นใครกัน?”

“เหอะ…..”

เพียงแค่เสียงนี้เสียงเดียว บรรยากาศในห้องนี้ แทบจะสามารถอธิบายได้ว่าความรุนแรงมันยิ่งทวีคูณ

มันช่างน่ากลัวจนเกินไปแล้ว!

เงาดำลูบคลำท้ายทอยที่รู้สึกเย็นวาบ

แต่ในความเป็นจริง คนคนนี้มาได้ถึงจุดจุดนี้ เขาเดาได้ไม่ยากเลย

เขตกรมทหารคืออาณาเขตของตระกูลเทวเทพ สถานที่แบบนั้น นายพลตำแหน่งสูงอาวุโสนั้น สามารถพูดได้ว่าไชยันต์อบรมปลูกฝังมาด้วยมือของเขา เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทรยศต่อเขา

ไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่ส่งตัวแสนรักเข้าไปคุ้มกันไว้ที่นั่น

ดังนั้น ตอนนี้คนคนนี้ เพียงแค่ขยับสมองคิดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถคิดได้เลยว่าเขาเป็นใคร

ในที่สุดสีหน้าของเงาดำก็ยิ่งดูแย่ลง เมื่อนึกถึงความจริงที่ไม่อยากจะพบเจอ เขาลังเลอยู่นานมาก และถามขึ้นมาหนึ่งประโยค : “ท่านประธานครับ งั้น….ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดีครับ?”

“ทำยังไงอะไร?”

“พวกเรายังคงทำไปตามแผนเดิมไหมครับ? ตอนนี้ไวท์ พาเลซทางนั้นถูกท่านทำให้เกิดความวุ่นวายแล้ว ถ้าหากยังคงทำตามแผนเดิมต่อไป ก็เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก”

เงาดำพูดเตือนขึ้นมาอย่างลังเลใจ

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาเพิ่งจบลง ผู้ชายคนนี้ที่นั่งอยู่ใต้แสงเงาโคมไฟนี้ มุมริมฝีปากอันเรียวบางและเย็นชาก็เผยให้เห็นถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจน

“เขาคู่ควรเหรอ?”

“……”

ไม่มีเสียงใดๆ

เพราะว่า เงาดำคนนี้ทราบอย่างชัดเจนว่า “เขา” คนนี้ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงใคร

ใช่สิ เขาคู่ควรไหม?

เขาทำสิ่งที่ผิดพลาดมามากมาย ไม่ได้ปกป้องคุ้มครองลูกชายของตัวเอง และไม่มีปกป้องคุ้มครองหลานของตัวเอง แต่ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เมื่อเห็นตระกูลเทวเทพถูกบีบบังคับจนหมดหนทางแล้ว เขากลับยังคงยื่นมือมาช่วย

แล้วผลลัพธ์ล่ะ?

งั้นชายแก่นั้นทำอะไรลงไปบ้าง?

วันทั้งวันไม่มีแม่แต่ความเคลื่อนไหวใดๆ…..

เขาคู่ควรอะไร?

ในที่สุดเงาดำก็ปีนออกไปทางหน้าต่าง

“ดลธี!”

“ครับ ท่านประธาน”

“ไปตรวจสอบมาให้ชัดเจนว่า คนที่คนคนนั้นแอบสมรู้ร่วมคิดด้วยเป็นเขาหรือเปล่า? ถ้าหากใช่ ฉันจะจัดการเขาให้ตายไม่มีแม้แต่ที่ฝังศพ!!”

เสียงในตอนท้ายที่ลอยผ่านมาจากในช่องหน้าต่าง เป็นราวกับดาบคมที่ดึงออกมาจากขั้วโลกอันแสนหนาวเหน็บอายุนับพันปี ทุกคำที่ออกมา ฟังดูแล้วช่างเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก และมีแรงอาฆาตแค้นมากมายแฝงอยู่ด้วย!

ดลธีฟังเข้าใจแล้ว

ทันใดนั้น เขาก็ทำเหมือนตอนที่เข้ามา หลังจากที่รีบออกไปจากกระท่อมหลังเล็กอย่างรวดเร็วแล้ว ไม่นานก็หายเข้าไปในความมืดจนมองไม่เห็นแล้ว

เขาไม่ใช่คนของบ้านตระกูลนี้

ถ้าหากไม่นับเจ้านายของเขา ไม่ต้องให้คนคนนี้ต้องเอ่ยปาก เขาเองก็คงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้ได้!

——

ในค่ำคืนของวันนั้น เส้นหมี่ยังคงไม่รู้ตัวว่าเคยมีคนเข้ามาในกระท่อมไม้หลังนี้

หลังจากที่เธอจัดเก็บในห้องครัวเรียบร้อยแล้ว พบว่าคนที่อยู่ในห้องก็ได้นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นเพราะตอนกลางวันที่ขึ้นไปเดินเล่นบนไหล่เขา เขาจึงเหนื่อยแล้ว

“ที่รัก ฝันดีค่ะ”

เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอก็ไม่ได้ไปรบกวนเขา บอกฝันดีกับเขาอย่างอารมณ์ดี และเธอก็นอนหลับลงบนเตียงเล็ก ข้างๆ

ตอนนี้เขายังป่วยอยู่ เธอไม่สามารถปล่อยเขาให้นอนคนเดียวอยู่ในห้องนี้ได้ ถ้าหากเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาตอนกลางดึกจะทำยังไงล่ะ?

ไม่นานเส้นหมี่เองก็ผล็อยหลับไป

เพียงแต่ นอนๆไป แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้สึกตัวว่า เธอถูกคนอุ้มเธอไปจากบนเตียงเล็กๆนี้