ตอนที่ 2237 มหาสมุทรนรกโลกันต์

อัจฉริยะสมองเพชร

ที่ใจกลางภูเขาลอยได้ซึ่งตระกูลฉีพำนักอยู่ บรรพบุรุษเก่าแก่ฉีเหมิงนั่งอยู่บนโขดหินพร้อมเบ็ดตกปลาคันหนึ่งในมือ

ตรงหน้าเขาคือทะเลสาบขนาดเล็ก มีปลาแหวกว่ายไปมาให้เห็นเป็นระยะ

ฉีเหมิงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวราวกับเป็นรูปปั้น แต่แล้วก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “สงสัยอะไรก็ถามผมได้เลย ไม่ต้องแอบดูหรอก”

ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ ไม่มีใครอยู่ตรงหน้า

ฟึ่บ!

แต่หลังจากพูดจบได้ไม่นาน ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวบนผิวน้ำ จู่ๆก็โผล่มาราวกับถูกส่งทะลุมิติมาที่นี่ แถมการเคลื่อนไหวของเขายังไม่ก่อให้เกิดคลื่นรบกวนใดๆ ผิวน้ำก็ไม่กระเพื่อม เหมือนเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของภาพในจินตนาการ

เขาคือบรรพบุรุษของตระกูลเป่ยถัง, เป่ยถังเฉว่

“ตาเฒ่าฉี ยาเม็ดเพิ่มความงามกับจางเซวียนคนนั้นคืออะไรน่ะ?”

ฉีเหมิงดูจะเดาไว้แล้วว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้ เขายกมือ “รอสักเดี๋ยวหนึ่งเถอะ เสิ่นถูหลิ่วเชียงกำลังมา เขามาถึงเมื่อไหร่ ผมจะอธิบายให้คุณฟัง”

ไม่ช้า อีกร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ

เขาคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนสุดท้ายของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน, เสิ่นถูหลิ่วเชียง

“ตามผมมา”

เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ฉีเหมิงลุกขึ้นยืน เขาสะบัดเสื้อคลุมเบาๆ เกิดแรงกระเพื่อมในอากาศ พริบตาต่อมา พวกเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบจันทร์กระจ่าง

ฉีเหมิงหันไปถาม “คุณสองคนเห็นการเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบไหม?”

“การเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบ?” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสองพิจารณาทะเลสาบจันทร์กระจ่างอย่างถี่ถ้วน หน้าซีดขึ้นมาทันทีด้วยความอัศจรรย์ใจ “นั่นมัน…หยดเลือดของจอมราชันย์ใช่ไหม?”

รังสีในทะเลสาบจันทร์กระจ่างปั่นป่วนมาก มีทั้งหยดเลือดและสมุนไพรหลายชนิดผสมปนเปกันอยู่ภายใน ทำให้ยากจะแยกแยะได้ว่ามีอะไรอยู่ในทะเลสาบบ้าง แต่ทั้งคู่ก็บอกได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว

ที่ผ่านมา ทะเลสาบจันทร์กระจ่างเป็นแค่สถานที่บ่มเพาะกายเนื้อ แม้จะถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอดของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน แต่ก็พอจะหาที่อื่นที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ได้

แต่หลังจากมันผสมผสานเข้ากับหยดเลือดของจอมราชันย์ ก็กลายเป็นดินแดนสวรรค์ประทานสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ บางที…อาจเป็นรองแค่แอ่งลาวาอมตะเท่านั้น

“ใช่” ฉีเหมิงพยักหน้า “พวกคุณบอกได้ไหมว่าเป็นหยดเลือดของจอมราชันย์คนไหน?”

“เอ่อ…” เป่ยถังเฉว่ใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขากวาดทั่วทั้งทะเลสาบ ครู่ต่อมาก็รีบหันไปมองเสิ่นถูหลิ่วเชียงราวกับจะขอความมั่นใจ

ทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกันก่อนที่เป่ยถังเฉว่จะถามอย่างลังเล “นี่คือ…หยดเลือดของจอมราชันย์แห่งนางฟ้าอมตะใช่ไหม?”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!” ฉีเหมิงพยักหน้า “ทะเลสาบกลายเป็นแบบนี้หลังจากที่จางเซวียนลงไปฝึกฝนวรยุทธ แต่ก็นั่นแหละ ถึงพลังงานจะเข้มข้นรุนแรงขึ้นมาก แต่ก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว”

ประสิทธิภาพการบ่มเพาะกายเนื้อของทะเลสาบจันทร์กระจ่างมีมากขึ้นหลังจากที่ได้ผสมผสานเข้ากับหยดเลือดของจอมราชันย์ แต่ในขณะเดียวกัน พลังงานที่อยู่ในนั้นก็เกรี้ยวกราดรุนแรงกว่าเดิมมาก จนไม่ว่านักรบคนไหนก็ไม่อาจลงไปได้อีก

จอมราชันย์คือผู้ยิ่งใหญ่ หยดเลือดของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่นักรบทั่วไปจะซึมซับได้โดยง่าย ในสภาพนี้ ต่อให้อัจฉริยะระดับฉีเยว่ก็คงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน

เมื่อนึกถึงทะเลสาบจันทร์กระจ่างที่เขาลงทุนลงแรงและเสียเงินมหาศาลเพื่อสร้างมัน แต่กลับมาใช้การไม่ได้แบบนี้ ฉีเหมิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ

ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีก 2 คนก็พูดไม่ออกกับเรื่องที่ได้รับรู้ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าเป่ยถังเฉว่จะเอ่ยถามอย่างลังเล “คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จางเซวียนจะเป็น…”

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลฉีถึงทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนจางเซวียน ถึงขนาดยอมเสี่ยงต่อการมีเรื่องกับกลุ่มอำนาจอื่น ลงท้ายก็เป็นเพราะมีกลุ่มอำนาจที่สูงส่งกว่าเข้ามาเกี่ยวข้องนี่เอง

รวมแล้ว ในสรวงสวรรค์มีจอมราชันย์เพียง 10 คน ซึ่งรวมถึงจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ด้วย ในจำนวนนี้ มี 2 คนที่ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น คือจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีกับจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์

พูดอีกอย่างก็คือ โลกนี้มีจอมราชันย์ 8 คน

สำหรับสรวงสวรรค์ การได้เกี่ยวข้องกับจอมราชันย์ในทางใดทางหนึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุด การที่จอมราชันย์คนหนึ่งมาเยือนตระกูลฉีเพื่อฝึกฝนวรยุทธและปรับเปลี่ยนสภาพโดยธรรมชาติของทะเลสาบจันทร์กระจ่างเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์นั้น!

ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ พวกเขามีพละกำลังในระดับที่เป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนทั้งโลก แต่ก็รู้ดีว่าพละกำลังที่มีนั้นไม่ได้สลักสำคัญเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมราชันย์

“เดี๋ยวก่อน ไม่น่าใช่นะ…” เสิ่นถูหลิ่วเชียงโพล่งออกมา “ถ้าเป็นหยดเลือดของจอมราชันย์ ต่อให้ที่นี่ยังไม่อาจเทียบชั้นกับแอ่งลาวาอมตะ แต่ก็ไม่น่าจะห่างกันเท่าไหร่”

“พวกคุณจำได้ไหมว่าแอ่งลาวาอมตะน่าสะพรึงแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ได้การยอมรับเป็นพิเศษ ก็ไม่มีใครเข้าไปในนั้นได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสูงลิ่ว และนั่นรวมถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอย่างพวกเราด้วย! แต่ตอนนี้ก็เห็นชัดว่าทะเลสาบจันทร์กระจ่างยังไม่ถึงระดับนั้น พวกเรายังซึมซับพลังจิตวิญญาณของมันได้อยู่ ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าหยดเลือดในทะเลสาบยังห่างไกลกับการเข้าถึงระดับของราชันย์เทพเจ้า ต่อให้จะคล้ายกันแค่ไหนก็ตาม”

หยดเลือดของราชันย์เทพเจ้าควรจะทรงพลังพอที่จะทำลายทั้งภูเขาลอยได้ที่พวกเขาพำนักอยู่ ตอนนี้ทะเลสาบจันทร์กระจ่างเปลี่ยนไปเพราะอานุภาพของหยดเลือดก็จริง แต่ในแง่ของพละกำลัง มันยังคงอ่อนด้อย

สิ่งนี้พิสูจน์เรื่องที่พวกเขาเพิ่งพูดไป

“ผมก็งงเหมือนกัน แต่พวกคุณคงรู้เรื่องของน่านฟ้าอมตะแล้ว” ฉีเหมิงพูดอย่างระมัดระวัง

เมื่อหวนนึกถึงข่าวที่พวกเขารู้มา ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้ง 2 ครุ่นคิดหนัก

ผ่านไปครู่ใหญ่ เป่ยถังเฉว่ก็เงยหน้า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราต้องรายงานเรื่องนี้ต่อจอมราชันย์”

ฉีเหมิงส่ายหัว “จอมราชันย์เพิ่งเดินทางเข้าสู่มหาสมุทรนรกโลกันต์ พวกเราคงยังติดต่อเขาไม่ได้เร็วๆนี้หรอก”

“มหาสมุทรนรกโลกันต์?” ทั้งคู่ทวนคำอย่างงุนงง

พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“ดูเหมือนจอมราชันย์ตั้งใจจะหลอมกายเนื้อให้ผู้ที่ปรากฏตัวในสระบาดาลเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว” ฉีเหมิงพูดต่อ

“เข้าใจแล้ว…”

ทั้งคู่พยักหน้า

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน จิตวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏตัวในสระบาดาาล เป็นจิตวิญญาณที่มีพละกำลังมากและดึงดูดความสนใจของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นในทันที เพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณดวงนี้ จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นลงทุนถึงขนาดใช้ความสามารถเรื่องมิติและเวลาของเขาเพื่อเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของจิตวิญญาณดวงนั้น

แม้จิตวิญญาณดวงที่ว่าจะยังมีพละกำลังไม่ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่ก็แข็งแกร่งพอจะเอาชนะราชันย์เทพเจ้าส่วนใหญ่ได้

จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเข้าสู่มหาสมุทรนรกโลกันต์เพื่อหลอมกายเนื้อให้จิตวิญญาณดวงนั้น คงไม่ถือว่าเกินจริงหากจะพูดว่าเขาทุ่มสุดตัว

“นี่เป็นครั้งแรกที่จอมราชันย์ใส่ใจเรื่องของคนอื่น” เสิ่นถูหลิ่วเชียงตั้งข้อสังเกต “ผมอยากรู้เหลือเกินว่าจิตวิญญาณดวงนั้นมีอะไรพิเศษ เป็นผู้หญิงหรือเปล่า?”

อย่าว่าแต่ราชันย์เทพเจ้า ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่มีความหมายในสายตาของจอมราชันย์

แต่คนระดับนั้นกำลังจะหลอมกายเนื้อให้จิตวิญญาณดวงหนึ่ง หากจะบอกว่าพวกเขาไม่สงสัยเลยก็คงไม่จริง

พวกเขารู้จักจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำแบบนี้

หรือว่าจิตวิญญาณดวงนั้นทำให้จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเกิดความหลงใหลคลั่งไคล้?

ฉีเหมิงเลิกคิ้ว เขารีบปรามเป่ยถังเฉว่กับเสิ่นถูหลิ่วเชียง “ระมัดระวังคำพูดด้วย!”

เสิ่นถูหลิ่วเชียงหัวเราะเจื่อนๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า ก็แค่บังเอิญคิดขึ้นมา…”

เขาไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่ายความลับของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น เพียงแต่อยากรู้ และอีกสองคนที่อยู่ด้วยก็ล้วนเป็นสหายเก่าแก่ จึงอดไม่ได้ที่จะช่างเจรจากว่าปกติสักหน่อย

“ผมพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ว่ากันว่าจิตวิญญาณดวงนี้มาจากโลกเบื้องล่าง แต่ไม่ใช่ผู้หญิงหรอก ดูเหมือนมันจะได้รับกระแสจิตปรารถนาจนสภาวะที่สำแดงออกมามีลักษณะคล้ายคลึงกับจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นอย่างน่าประหลาด ก็เพราะความสงสัยนี่แหละที่ทำให้จอมราชันย์ตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือจิตวิญญาณดวงนั้น”

เป่ยถังเฉว่เล่าเรื่องที่เขารู้มา

จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นล้างมือจากกิจการงานต่างๆของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนแล้ว โดยพวกเขารับหน้าที่ดูแลบริหารแทน ด้วยเหตุนี้ จึงรู้ความลับมากมายที่คนอื่นๆไม่รู้

เมื่อรู้ว่าจิตวิญญาณดวงนั้นไม่ใช่ผู้หญิง อีก 2 คนพยักหน้าอย่างโล่งอก

“ไม่ว่าจางเซวียนจะเกี่ยวข้องกับน่านฟ้าอมตะหรือไม่ เรื่องนี้ก็เกินกว่าอำนาจการตัดสินใจของพวกเรา ผมคิดว่าคงไม่ดีนักหากทำอะไรหุนหันพลันแล่นไป” ฉีเหมิงพูด “ในเมื่อตอนนี้พวกคุณรู้ความจริงจากผมแล้ว ผมก็เชื่อว่าคงจะรู้ด้วยนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ไปจากที่นี่กันเถอะ แล้วทำในสิ่งที่พวกเราควรทำ”

เสิ่นถูหลิ่วเชียงกับเป่ยถังเฉว่พยักหน้าอย่างเห็นพ้องก่อนจะหายวับไป

ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่มีความสามารถในการทะลุมิติ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วกว่าที่ตาเปล่าจะมองเห็น ทำให้เกิดภาพที่ดูคล้ายกับการทะลุมิติ

…..

ที่สระบาดาล, เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน

องครักษ์ที่เคยพบจางเซวียนเข้าไปในอาณาบริเวณสระบาดาลอีกครั้งเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่น

ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ภาพลวงตาของจางเซวียนขยายขนาดขึ้นจนใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป แถมยังดูสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ รังสีที่แผ่ออกมาก็รุนแรงเข้มข้นกว่าเดิม

“ตอนนี้ผู้คนมากมายพากันมอบจิตปรารถนาให้เขา ทั้งนักรบระดับเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แถมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ…”

องครักษ์กลืนน้ำลาย

ก่อนหน้านี้ ตอนที่กระแสจิตปรารถนาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับราชันย์เทพเจ้าอีก 3 คนทำให้ภาพลวงตาขยายใหญ่ขึ้นจนเท่ากับคนจริง พวกเขาก็คิดว่าคงยากที่ชายหนุ่มจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ ไม่คิดเลยว่าภาพลวงตาของเขาจะขยายใหญ่ขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว

แต่คราวนี้ เพราะจิตปรารถนาส่วนใหญ่มาจากนักรบระดับเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้าง อานุภาพของมันจึงไม่โดดเด่นนัก

“กระแสจิตปรารถนาที่มาจากเทพเจ้าและเทพเจ้าสวรรค์สร้างยังอ่อนด้อยไปสักหน่อย หากเขาได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้าอีกสักสองคน ก็คงมีภาพลวงตาที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สองของที่นี่” องครักษ์คนที่ 2 ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับพยักหน้า

“คุณพูดถูก แต่การจะได้รับการสนับสนุนจากราชันย์เทพเจ้านั้นไม่ง่ายนะ เพียงเท่านี้ก็น่าทึ่งแล้วที่เขาได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้าถึง 3 คน! นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะก้าวหน้าไปกว่านี้ได้อย่างไร…” องครักษ์คนแรกส่ายหน้า