แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ภาพลวงตาก็กระตุกอีกครั้ง
ภาพลวงตานั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ใหญ่เป็น 2 เท่าในชั่วพริบตา
ความสูงของภาพลวงตาของจางเซวียนเหนือกว่า 1 จ้าง ทำให้กลายเป็นภาพลวงตาที่ใหญ่ที่สุดในสระบาดาล!
“นี่คือ…จิตปรารถนาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ 2 คน?”
องครักษ์ทั้งสองถึงกับเข่าอ่อน ทั้งคู่ทรุดฮวบลงกับพื้น ความตกตะลึงเกินขนาดทำให้พวกเขาพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนจะเสียสติ
เมื่อครู่นี้ ทั้งคู่เพิ่งพูดไปหยกๆว่าการจะได้การยอมรับจากราชันย์เทพเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แล้วภาพลวงตาของชายหนุ่มก็ได้รับกระแสจิตปรารถนาจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีก 2 คน…
ทั่วทั้งสรวงสวรรค์มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติราว 30 คนเท่านั้น และโดยเฉลี่ย จอมราชันย์คนหนึ่งจะได้รับกระแสจิตปรารถนาจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ 3 คน…
แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ทำแบบนั้นได้!
ภูมิหลังของเขาเป็นอย่างไรกันแน่?
ทั้งคู่สบตากันอย่างอัศจรรย์ใจสุดขีด
ลงท้าย ก็ดูเหมือนพวกเขาประเมินความสามารถของชายหนุ่มต่ำไป
…..
เมื่อเข้าสู่บริเวณจัตุรัส จางเซวียนถึงกับตกใจที่เห็นผู้คนออกันล้นหลาม
ฝูงชนที่เขาเห็นมีจำนวนมากกว่าที่คิดไว้มาก
จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็สั่งการให้อสูรสวรรค์สร้างบินได้พาเขาร่อนลงสู่เวทีเพื่อจะได้เริ่มการสาธิต แต่ในตอนนั้น ก็พลันรู้สึกได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่พุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
ไม่ช้า วรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนก็เข้าถึงระดับเทพเจ้าขั้นกลาง-สูงสุด อีกเพียงก้าวเดียวก็จะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง
“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนงุนงง
เขายังไม่ได้เริ่มการสาธิตเลยด้วยซ้ำ มีใครส่งกระแสจิตปรารถนามาให้เขาโดยไม่ได้ตั้งใจหรือเปล่า?
วรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนเพิ่งถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางได้ไม่นาน ตามการคาดเดาของเขา น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยราวครึ่งเดือนกว่าจะยกระดับวรยุทธขึ้นไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้
แล้วทำไมวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาถึงพัฒนารวดเร็วขนาดนี้?
กระแสจิตปรารถนาไหลบ่าเข้าสู่ร่างของเขาราวกับกระโดดลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกราก…
ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้ภายในคืนเดียว!
จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
ครั้งแรกที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง เขายังเป็นคนหนุ่มที่เปี่ยมด้วยความหวังและความทะเยอทะยาน เขาเคยคิดว่าคงสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าภายใน 2-3 วัน แต่สัปดาห์หนึ่งผ่านไป…ก็ยังไม่สำเร็จแม้แต่วรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง
จางเซวียนอับอายกับความไร้ประสิทธิภาพของเขามาก
ถ้าระดับวรยุทธยังไต่เตาะแตะอยู่แบบนี้ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าต่อไปจะมองหน้าบรรดาลูกศิษย์อย่างไร
ภายใต้คำชี้แนะของเหล่าจอมราชันย์ ลูกศิษย์ของเขาคงมีทรัพยากรให้ใช้มากมาย เดาได้ไม่ยากว่าวรยุทธของพวกนั้นคงพุ่งพรวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เฮ้ออออ*…*การฝึกฝนวรยุทธช่างยากเย็นเสียจริงๆ
ต้องเสียทั้งหยดเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆถึงพูดแบบนี้
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็กระโจนขึ้นเวทีพร้อมกับฉีหลิงเอ๋อและคนอื่นๆ
…..
ฝูงชนเงียบกริบทันทีเมื่อดาวเด่นปรากฏตัว สายตาของพวกเขาบ่งบอกความกังขา
“นั่นคือนักปรุงยาผู้หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามหรือ?”
“ยังหนุ่มเหลือเกิน!”
“ไม่เพียงแค่หนุ่ม ยังดูดีด้วย! น่า ฉันยอมรับก็ได้ ฉันสนใจเขา, โอเคไหม?”
“ฉันว่าเธอสนใจยาเม็ดเพิ่มความงามของเขามากกว่า!”
เมื่อความนิยมในยาเม็ดเพิ่มความงามพุ่งพรวดและชื่อ ‘จางเซวียน’ แพร่สะพัดออกไป หลายคนก็เริ่มสนใจอยากรู้ว่านักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นคนนี้จะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน บางคนคิดว่าเขาอาจเป็นชายชราภูมิปัญญาล้ำลึกที่อุทิศชีวิตให้กับการหลอมยา
ไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหนุ่มที่มีอายุแค่ 20 ต้นๆ
และที่สำคัญกว่านั้น ยังดูดีด้วย
ชายหนุ่มที่ทั้งฉลาดและหล่อเหลาย่อมมีชื่อเสียงในหมู่สาวๆ สายตาของสุภาพสตรีหลายคนในหมู่ฝูงชนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ฉีหลิงเอ๋อก้าวออกมา “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เป็นเกียรติของฉันที่ได้พบพวกคุณทุกคนในวันนี้ ฉันคือฉีหลิงเอ๋อจากตระกูลฉี เป็นผู้ส่งคำเชิญไปหาพวกคุณ”
ในฐานะนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ เธอไม่อาจเปล่งเสียงให้ดังพอที่จะแน่ใจว่าฝูงชนจะได้ยินอย่างทั่วถึง จึงมีการจัดเตรียมค่ายกลไว้ล่วงหน้าเพื่อขยายเสียงให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนหรือมีสิ่งรบกวนใดๆก็ตาม
ฉีหลิงเอ๋อยังเป็นมือใหม่เรื่องการทำธุรกิจในเมืองหลวง แต่การที่เธอได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลฉีในการจัดงานครั้งนี้ก็ถือเป็นการประกาศชัดเจนแล้วว่าเธอคือผู้มีสิทธิ์มีเสียงไม่น้อยภายในตระกูล
คงโง่เง่าเต็มทีหากจะทำตัวเป็นศัตรูกับใครคนหนึ่งที่มีตระกูลฉีหนุนหลัง
“ผู้ที่ยืนข้างฉันคือจางเซวียน, นักปรุงยาผู้อยู่เบื้องหลังยาเม็ดเพิ่มความงาม ฉันเชิญพวกคุณมาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อพูดถึงยาเม็ดเพิ่มความงาม แต่เพื่อแนะนำพวกคุณให้รู้จักยาเม็ดขนานใหม่อีก 2 ขนานที่นักปรุงยาจางคนนี้เป็นผู้หลอม” ฉีหลิงเอ๋อพูดก่อนจะถอยออกไปเพื่อส่งต่อเวทีให้จางเซวียน
“ผมเชื่อว่าพวกคุณเกือบทุกคนที่นี่คงรู้จักคุ้นเคยกับประสิทธิภาพของยาเม็ดเพิ่มความงามแล้ว” จางเซวียนพูด
ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินกิตติศัพท์ของยาเม็ดเพิ่มความงาม หรือไม่ก็เคยใช้มันกับตัวเอง
เพราะไม่อย่างนั้น ใครเล่าจะเสียเวลามารวมตัวกันเพื่อรอดูสิ่งที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออะไร?
“ยาเม็ดเพิ่มความงามช่วยบ่มเพาะผิวพรรณของคุณ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม กระชับ และยืดหยุ่นกว่าเดิม” จางเซวียนพูด “นอกจากนั้น ยังช่วยเยียวยาอาการบอบช้ำภายในและยืดอายุขัยของคุณได้ด้วย…มีบางคนในหมู่พวกคุณได้ทดลองยานี้ด้วยตัวเองและเล่าสู่กันฟังแล้ว ผมจึงจะไม่พูดมาก”
“อย่างที่ฉีหลิงเอ๋อบอกไว้ วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้คือเพื่อแนะนำยาเม็ด 2 ขนานใหม่ที่ผมเพิ่งคิดค้นขึ้นมา”
“อันดับแรก ผมขอแนะนำยาเม็ดเพิ่มความงามเวอร์ชั่นอัพเกรด ซึ่งก็คือยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ รายละเอียดที่ผมแนบไปพร้อมกับคำเชิญนั้นไม่ได้ผิดพลาดหรือเกินจริง มันมีอานุภาพในการเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธของนักรบได้ถึง 50% ซึ่งหมายความว่าผู้ที่กินยาเม็ดนี้เข้าไปย่อมแน่ใจได้ว่าจะสามารถก้าวข้ามด่านคอขวดที่เผชิญอยู่”
“สิ่งหนึ่งที่นักรบส่วนใหญ่กังวลเมื่อต้องกินยาเม็ดก็คือผลข้างเคียงของมัน แต่ผมรับประกันได้เลยว่ายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธไม่มีผลข้างเคียงพวกนั้น คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าในอนาคตอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคในการฝึกฝนวรยุทธเพราะกินยาเม็ดนี้เข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธยังมีประสิทธิภาพตามแบบของยาเม็ดเพิ่มความงามด้วย มันจะทำให้ผิวพรรณของคุณผ่องใสกว่าเดิม อีกทั้งเยียวยาอาการบอบช้ำภายในพร้อมกับยืดอายุขัย…และที่สำคัญที่สุดก็คือ อร่อย!”
“เพิ่มโอกาสของความเป็นไปได้ในการฝ่าด่านวรยุทธถึง 50%?”
“นั่นจะยืนยันความสำเร็จของการฝ่าด่านวรยุทธได้เลยนะ?”
“มีประสิทธิภาพเหมือนกับยาเม็ดเพิ่มความงามด้วยหรือ?”
“นักรบส่วนใหญ่เพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธได้เพียง 20% จากการขัดเกลาวรยุทธอย่างเหมาะสม ซึ่งหากได้กินยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธด้วย โอกาสของความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก!”
“บ้าไปแล้ว!”
“เขาบอกด้วยนะว่าไม่มีผลข้างเคียง มันจะเหลือเชื่อไปหรือเปล่า?”
ฝูงชนด้านล่างส่งเสียงหารือกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่บนหลังอสูรสวรรค์บินได้ก็พากันสนใจสิ่งที่จางเซวียนพูด
พวกเขาอาจไม่ได้ต้องการยาเม็ดเพื่อกินเอง แต่ก็มอบมันให้เหล่าทายาทได้ ยานี้จะช่วยให้นักรบเพิ่มพละกำลังขึ้นมากภายในระยะเวลาอันสั้น และนั่นคือกุญแจที่จะขยายอิทธิพลของตระกูลให้กว้างไกลกว่าเดิม
…..
โจวเฟิงยืนอยู่บนหลังอสูรสวรรค์สร้างบินได้ตัวหนึ่ง เขามองผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านหน้าและถามด้วยความสงสัย “ท่านอาจารย์ การหลอมยาเม็ดแบบนี้เป็นไปได้จริงๆหรือ?”
อีกฝ่ายคือนักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์, ฟู่เจียงเฉิน!
“ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นไปได้จริงหรือเปล่า แต่ไม่ด่วนตัดสินใจจะดีกว่า โลกนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเรา…รอดูไปก่อนเถอะ เขานำยาเม็ดออกมาเมื่อไหร่ พวกเราก็จะรู้เอง” ฟู่เจียงเฉินตอบโดยไม่ละสายตาจากเวที
ในฐานะราชันย์เทพเจ้า เขาอยู่มาหลายพันปีแล้ว ได้พบอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอย่างเหลือเชื่อมาก็มาก
หากใช้สามัญสำนึกของเขา เขาคิดว่ายาเม็ดที่สามารถเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 50% เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี สิ่งอำนวยความสะดวกแบบนี้ไม่น่าจะมีอยู่จริง…แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้
เพราะเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อน จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก็เคยประสบความสำเร็จในแบบที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
บางทีชายหนุ่มอาจเป็นแบบนั้น
…..
“ผมเข้าใจว่าพวกคุณคงยังแคลงใจในสิ่งที่ผมพูด จึงนำยาเม็ดมาที่นี่ด้วยเพื่อสาธิตประสิทธิภาพของมัน!”
จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขานำกล่องหยกออกมาใบหนึ่งและเปิดฝา เผยโฉมยาเม็ดรูปกลมต่อสายตาทุกคน
ไม่มีคลื่นความถี่ พลังจิตวิญญาณ หรือรังสีอันน่าทึ่งใดๆ เมื่อมองจากระยะไกล ยาเม็ดนั้นดูแสนจะธรรมดา
“นั่นมันยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางใช่ไหม?”
“ผมหลอมยานั่นมากว่า 100 ปีแล้ว ไม่มีทางจำผิดแน่…”
“ยาเม็ดเพิ่มความงามดูเหมือนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ ขณะที่ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธก็ดูเหมือนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง…เขาจะเปลี่ยนรูปแบบยาเม็ดของเขาบ้างไม่ได้หรือไง?”
ฝูงชนพากันขมวดคิ้วเมื่อเห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ แม้แต่ฟู่เจียงเฉินก็พูดไม่ออก
เขาเคยคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็คงระบุประสิทธิภาพของยาเม็ดได้เมื่อได้เห็นของจริง…แต่ดูเหมือนเขาจะคิดเยอะไป!
ตั้งแต่วินาทีที่ได้เห็นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ก็รู้ทันทีว่ามันคงเหมือนยาเม็ดเพิ่มความงาม ที่ต่อให้จับมาผ่าซีกและใช้เวลาวิเคราะห์หลายต่อหลายวัน ก็ยังไม่อาจล้วงลึกความลับที่อยู่เบื้องหลังได้
“เขาคงเป็นอัจฉริยะเรื่องการหลอมยาผู้หาตัวจับยาก…” ฟู่เจียงเฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ท่านอาจารย์ อะไรทำให้คุณพูดแบบนั้น?” โจวเฟิงถาม
หมอนั่นยังไม่ได้สาธิตประสิทธิภาพของยาเม็ดด้วยซ้ำ แต่ท่านอาจารย์ของเขาก็เอ่ยปากชมเสียแล้ว