ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 798 ประมุขอาคเนย์แห่งเขาโถงทอง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อเข้าใกล้เขาโถงทอง แม้ยังไม่ถึงอย่างเป็นทางการ แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าด้านหน้าสว่างขึ้น

ในตอนนี้น่าจะเป็นตอนกลางวัน แต่เขาโถงทองกลับเหมือนถูกม่านราตีผืนหนึ่งครอบคลุมไว้

เพียงแต่ภายใต้ม่านราตรีกลับไม่มีความรู้สึกมืดสลัว ทุกอย่างกลับส่องแสง ประกายดาวสาดแสงพร้อมกัน

การอยู่ในโลกซ้อนโลก ตอนกลางวันกับตอนกลางคืนแบ่งแยกไม่ชัดเจน จะมีประกายดาวส่องระยิบระยับตลอดเวลา เหมือนอยู่ใกล้กับทางช้างเผือกเป็นพิเศษ

และขณะมองเขาโถงทอง ความรู้สึกนี้ก็ชัดเจนมาก

แสงดาวเป็นจุดกะพริบอยู่เบื้องหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุด เหมือนกับโลกของหมู่เซียน

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูแสงดาวที่มีแบบแผนเป็นของตัวเองหลายสายวาดผ่านท้องฟ้า บนใบหน้าฉายแววครุ่นคิด

‘ข้าอาจจะรู้แล้วว่าประมุขอาคเนย์ฝึกวรยุทธ์แบบใด’ เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระแสเสียงให้กับพวกเยี่ยนตี๋และเฟิงอวิ๋นเซิง

ภาพการประมือของลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์กับคนอื่น เยี่ยนจ้าวเกอเห็นมาไม่กี่ครั้ง หากบังเอิญได้เจอ ก็เกิดขึ้นเพียงแวบเดียว ไม่ได้เห็นของจริงทั้งหมด

ทว่าในตอนนี้ ขณะมองลักษณะของเขาโถงทอง เยี่ยนจ้าวเกอก็คาดเดาในใจ “ประมุขอาคเนย์น่าจะขึ้นชื่อในมรรคากระบี่กับมรรคาโอสถ”

หลังจากเยี่ยนตี๋ใคร่ครวญ เขาก็เอ่ยว่า “เจ้าหมายถึงวิชาของจักรพรรดิจื่อเวยหรือ?”

“จ้าวแห่งหมื่นดารา จอมมรรคากระบี่แห่งสำนักเต๋าก่อนมหาภัยพิบัติ หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋า” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “จะใช่การสืบทอดสายตรงหรือไม่ยังยืนยันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นวรยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง”

ราชันปีศาจอัคคี ราชันสายฟ้า หรือจักรพรรดิประกายกาฬหลังมหาภัยพิบัติ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ถูกขนานนามว่าราชาหรือจักรพรรดิ แต่คำเรียกของพวกเขาเป็นแค่ตัวอักษรสองสามตัวเท่านั้น

ทว่าจักรพรรดิจื่อเวยแตกต่างกับคนเหล่านี้ โดยมีชื่อเต็มว่าจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว

ความเป็นมาถูกผู้คนยกย่องเป็นเจ้าแห่งหมู่ดาว เป็นปรมาจารย์แห่งดวงดารา ได้รับการจัดเป็นสี่เทวราชแห่งสำนักเต๋าเหมือนกับมารดาแห่งแผ่นดินผู้มีธรรมและเมตตารองรับฟ้า หรือมารดาแห่งแผ่นดิน เป็นหนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าที่สุดยอดที่สุด

ในขณะเดียวกัน เขายังถูกยกย่องเป็นจ้าวแห่งมรรคากระบี่ของสำนักเต๋าก่อนมหาภัยพิบัติด้วย

บรมครูสามพิสุทธิ์ไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาวัดได้ จึงไม่ถูกนับรวม และในการเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สำนักเต๋ายังให้กำเนิดผู้ฝึกกระบี่ระดับสุดยอดจำนวนไม่น้อย

จ้าวแห่งมรรคากระบี่ที่คนรุ่นหลังยกย่องมากที่สุด ปกติแล้วมีสามคน

หยกโปหยิน ลูกศิษย์ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด ผู้เป็นบรมครูสายหยกพิสุทธิ์

เต้าหยินตัวเป่า หรือเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ ผู้เป็นบรมครูสายเหนือพิสุทธิ์

และจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เทวราช

นอกจากนี้แล้ว เทวกษัตริย์กว่างเฉิง เทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋า เทพชื่อจิงจื่อ เทพอวิ๋นจงจื่อ เจ้าแม่กุยหลิง เจ้าแม่อู๋ตัง ล้วนเป็นปรมาจารย์มรรคากระบี่ทั้งสิ้น

หยกโปหยินกับเทวกษัตริย์วิเศษคณานับในที่นี้ล้วนเป็นยอดมีมือในยุคตำนานสถาปนาเทพเมื่อครั้งโบราณ ต่อมาหลังจากเวลาผ่านไป พวกเขาก็หายสาปสูญ ไม่ทราบไปอยู่ที่ใด คนรุ่นหลังไม่อาจตัดสิน

พวกเทวกษัตริย์กว่างเฉิงก็เป็นเช่นเดียวกัน

ส่วนจักรพรรดิจื่อเวยก็เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ที่ยังคงเคลื่อนไหวในช่วงที่วังเทพปกครองฟ้าดินก่อนมหาภัยพิบัติ

ดังนั้นทุกคนจึงยกให้จักรพรรดิจื่อเวยเป็นอันดับหนึ่งในด้านมรรคากระบี่ของสำนักเต๋าก่อนมหาภัยพิบัติ

เพียงแต่หลังจากมหาภัยพิบัติ ก็ไม่มีข่าวคราวของจักรพรรดิจื่อเวยอีก

ขณะมองภาพของเขาโถงทองที่โผล่ขึ้นด้านหน้า เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจควบคุมไม่ให้ตัวเองคิดไปในทางนี้ได้

แม้ว่ามหาภัยพิบัติจะทำให้วัฒนธรรม การสืบทอด และข้อมูลขาดตอนไปมหาศาล แต่ชื่อของจักรพรรดิจื่อเวย พวกเยี่ยนตี๋ก็ยังคงเคยได้ยินมาก่อน

ดังนั้นเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึง เยี่ยนตี๋ก็นึกไปในทิศทางนี้ทันที

เฉินจื้อเหลียงมาถึงตีนเขาโถงทอง ใบหน้าฉายรอยยิ้ม กล่าวกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอว่า “ทุกท่านโปรดตามข้ามา ท่านอาจารย์บอกว่าหากพวกท่านมาถึงแล้ว ไม่ต้องแจ้งข่าว ให้เข้าไปในเขาได้เลย”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกเยี่ยนตี๋พยักหน้าเอ่ยว่า “ประมุขอาคเนย์เกรงใจเกินไปแล้ว”

ครั้นทุกคนเข้าไปในเขาโถงทอง ก็ยิ่งเหมือนกับระหกระเหินอยู่กลางแสงดาวมากขึ้น

“จะว่าไปสถานที่อย่างเขาโถงทองยังมีความงดงามอยู่หลายส่วน ไม่ทราบว่าโถงทองในที่นี้จะเป็นโถงประดับทองจริงๆ หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอพลันยิ้มขึ้นมา

เขาขยิบตาให้พวกเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้าย “ในยุคสถาปนาเทพเมื่อครั้งโบราณ เขาโถงทองถ้ำหยก เป็นสถานที่ที่เทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋าซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดพำนักอยู่”

“ตามตำนานสถาปนาเทพ เคยมีข่าวลือว่าสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน กระบี่วิเศษสี่เล่มของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ ศาสดาแห่งลัทธิเจี๋ยเจี้ยวสายเหนือพิสุทธิ์ ตกอยู่ในมือของผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์”

“ลูกศิษย์ทั้งสี่คนของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด ได้กระบี่วิเศษไปคนละเล่ม ต่อมาได้บัญญัติเป็นคัมภีร์สี่กระบี่ซึ่งถือเป็นวิชาสายหยกพิสุทธิ์ตามเจตจำนงกระบี่ที่แฝงไว้ในกระบี่”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง มุมปากปรากฏรอยยิ้มจางๆ “สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ ยอดฝีมือสายหยกพิสุทธิ์ที่ได้รับกระบี่สังหารเซียน ก็คือเทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋า”

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินก็มองหน้ากันเอง

เยี่ยนตี๋ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องที่กษัตริย์ดินได้ออกคำสั่งไม่ให้ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เข้ามายังโลกซ้อนโลก รวมถึงเรื่องหลินฮั่นหัวแล้ว จึงอดเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ “บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง? หรือว่าประมุขอาคเนย์จะเป็น…”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ ตามที่เขาทราบ สี่กระบี่รัตนาซึ่งเป็นวิชาสายหยกพิสุทธิ์ได้หายสาปสูญไปก่อนเกิดมหาภัยพิบัติแล้ว

คัมภีร์กระบี่สังหารเซียนที่หลินฮั่นหัวฝึกฝน สมควรเป็นวิชาสายเหนือพิสุทธิ์

ทว่าการกลายเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ของหลินฮั่นหัว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่ความบังเอิญ ถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้น่าจะมีการร่วมมือกันที่คนนอกไม่ทราบอยู่ด้วย

วรยุทธ์ที่ประมุขอาคเนย์ฝึกฝน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋า แต่ก็ยึดครองเขาโถงทอง จะต้องมีความสัมพันธ์เก่าก่อนอยู่แน่

ยิ่งเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีระดับสูง ในด้านนี้ก็ยิ่งน่าจับตามอง

บนยอดเขาหลักของเขาโถงทอง มีกลุ่มตำหนักตั้งอยู่

ดวงดาวบนฟากฟ้าตกลงมาอย่างต่อเนื่อง รวมตัวกันที่กลุ่มตำหนัก ส่องแสงใส่ตำหนักจนสว่างไสว

แสงสว่างไม่แยงตา กลับอ่อนโยนยิ่ง แต่ความรู้สึกของพลังที่ยิ่งใหญ่ด้านใน กลับหนักแน่นจนทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจ

แต่ว่าภายใต้การจัดการของเฉินจื้อเหลียง อาหู่กับเสี่ยวอ้ายรออยู่ด้านนอก พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และเฟิงอวิ๋นเซิงสามคนได้รับการอนุญาตให้เข้าไปในตำหนักหลัก

เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงสบตากัน ทราบว่าที่เฟิงอวิ๋นเซิงเข้ามาได้ น่าจะเป็นเพราะมงกุฎจันทรากับดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก

เมื่อเข้ามาในตำหนักใหญ่ ก็เห็นโถงอันโอ่อ่าด้านใน เงยหน้ามองไป เพดานกลับมีดวงดาวไร้สิ้นสุดส่องระยิบระยับอยู่ในความมืดมิด

ดวงดาวดารดาษ เหมือนกับแผนที่ดาวขนาดใหญ่ ครอบอยู่บนศีรษะของทุกคน

มีบุรุษสวมอาภรณ์สีม่วงผู้หนึ่ง ยืนอยู่ในตำหนักใหญ่ราวกับยืนอยู่กลางทะเลดาว ปล่อยให้หมู่ดาวสาดส่อง

บุรุษผู้นั้นแค่มองดูแวบเดียว ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกคาดเดาอายุได้ยาก ดวงตาสว่างไสว เหมือนทั้งดาวจรัสในคืนมืด และประกายกระบี่ที่เย็นเยียบ

เมื่อเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็เอ่ยปากพูดว่า “เขากว่างเฉิง บรรพตบูรพาแห่งสำนักเต๋าก่อนมหาภัยพิบัติ ได้รับการขนานนามเคียงคู่เขาคุนหลุน ปัจจุบันสร้างรากฐานได้อีกครั้ง นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง”

เยี่ยนตี๋ประสานมือ “ขอบคุณคำชมของประมุขอาคเนย์”

บุรุษอาภรณ์สีม่วงตรงหน้า ก็คือผู้ควบคุมเขตตะวันอาคเนย์ และผู้ปกครองเขาโถงทองในปัจจุบัน ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย

คำพูดเมื่อครู่ของเขา เท่ากับไม่ขัดขวางการเปิดสำนักรับลูกศิษย์บนทะเลหวงเจียของเขากว่างเฉิง

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในทะเลหวงเจีย สถานการณ์เร่งรัด จึงทำอะไรมุทะลุไปมากมาย ขอประมุขอาคเนย์โปรดอภัย”

เฉาเจี๋ยส่ายหน้าเหมือนไม่สนใจ โพล่งขึ้นว่า “เฮยจู่ยังมีชีวิตอยู่หรือ?”

………………..