บทที่ 967 ความยากระดับหก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 967 ความยากระดับหก

ณ ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกว่าตนเองไม่ต่างไปจากเกษตรกรที่หว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้และพวกมันก็กำลังออกผลผลิตที่งดงาม

เด็กหนุ่มจ้องมองเฉียนเหมยที่กำลังเดินเข้ามายังกำแพงเมือง

เนื่องจากผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือด ชุดเกราะเงินของแม่ทัพหญิงเฉียนเหมยจึงแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี ร่างกายบอบบางของนางหลงเหลืออยู่เพียงชุดรัดรูปที่สวมใส่อยู่ด้านใน ซึ่งบัดนี้ มันก็กำลังเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตของราชามนุษย์ม้า แต่นั่นกลับทำให้เฉียนเหมยมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอย่างประหลาด

ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังจ้องมองเฉียนเหมยด้วยความเลื่อมใสและชื่นชม สายตาของหลินเป่ยเฉินกลับจับจ้องอยู่ในส่วนที่ตนเองไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน

‘ก่อนหน้านี้นางสวมใส่กระโปรงยาวอยู่ตลอดเวลา เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเฉียนเหมยก็ขายาวเหมือนกัน…’

‘เอวก็คอดกิ่ว’

‘เอ่อ หน่มน๊มก็ใหญ่จังเลย น่าจะขนาด 36 คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย… เฉียนเหมยกินมะละกอเป็นอาหารหรือไงวะ?’

‘ให้ตายสิ ตอนที่มาอยู่ตำหนักไม้ไผ่แรก ๆ เฉียนเหมยผอมบางยิ่งกว่าอะไรดี… อื้อหือ มาตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าหุ่นน่าสะบึ้มเหลือเกิน’

ความคิดเหล่านี้ปรากฏขึ้นในใจหลินเป่ยเฉินโดยไม่รู้ตัว

เฮ้อ

หลินเป่ยเฉินเป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนดี ก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้มองเฉียนเหมยมากไปกว่าน้องสาวข้างกาย

แต่รู้ตัวอีกที เฉียนเหมยก็เติบโตขึ้นมากแล้ว

หลินเป่ยเฉินอดนึกเปรียบเทียบนางกับสตรีคนอื่น ๆ ไม่ได้

“ถ้าเทียบกับเทพีกระบี่ในร่างเยว่เว่ยหยาง บอกตามตรงว่าเฉียนเหมยไม่แพ้เลยสักนิด โดยเฉพาะในส่วนของช่วงเอวและหน้าอก ออกจะดูดีกว่าเยว่เว่ยหยางอยู่พอสมควร แต่ไม่รู้เลยว่าเสียงครางของใครจะถึงใจมากกว่ากัน…”

“แต่ถ้าในเรื่องของความงาม นางคงสู้หลิงเฉินไม่ได้ ทว่า หากพูดถึงเรื่องความสวยใสบริสุทธิ์ เรียกได้ว่าเฉียนเหมยกินขาด…”

“น่าเสียดายที่ไป๋ชินหยุนถอนตัวออกไปแล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรับปากอะไรเอาไว้ ไม่งั้นถ้าให้เลือกระหว่างนางกับเฉียนเหมย เราคงตัดสินใจลำบากแน่…”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม คนที่เอาชนะใจเราได้มากที่สุดก็ยังเป็นนักพรตหญิงชินอยู่ดี ไม่รู้เหมือนกันนะว่าบัดนี้นางไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมถึงได้หายตัวไปเนิ่นนานขนาดนี้…”

“รอยแผลเป็นบนใบหน้าของศิษย์น้องเซียงก็ยังไม่อาจหาทางรักษาได้อีก เฮ้อ ไม่รู้เหมือนกันนะว่านางจะได้รับบุหรี่ชุดใหม่ที่เราส่งไปให้แล้วหรือยัง ตั้งแต่ที่โทรศัพท์ได้รับการอัปเกรด เราอุตส่าห์ใช้ศิลาบูชา 10 ก้อนซื้อบุหรี่สำหรับสตรีส่งไปให้นาง และขณะนี้ ก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่เราพอจะสามารถชดใช้ให้เยว่หงเซียงได้…”

“ส่วนศิษย์พี่ฮันไม่รู้เลยว่าป่านนี้เป็นอย่างไรบ้างในสมรภูมิชายแดนเหนือ… เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ ศิษย์พี่ฮันเป็นบุรุษเหมือนกัน แล้วเราจะไปนึกถึงเขาทำไมเนี่ย?”

เมื่อชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ปรากฏขึ้นมาในห้วงคิด หลินเป่ยเฉินก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย

แย่แล้วสิ

สงสัยคงไม่ได้พบหน้ากันนานเกินไป จึงเกิดความคิดถึงโดยไม่รู้ตัวใช่หรือไม่?

ไม่ได้การแล้ว

หลินเป่ยเฉินพยายามสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน

ทันใดนั้น เขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาแปลก ๆ จากผู้คนรอบกาย หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่ด้านนอกกำแพงเมืองอีกครั้ง พลันก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในภารกิจทำสงครามชิงอาณาจักร เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงตบหน้าเรียกสติตัวเองไปอีกหลายฉาด

นี่เขาเริ่มเสียสมาธิเพราะสาวสวยตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

เมื่อผู้คนรอบกายเห็นหลินเป่ยเฉินตบหน้าตนเอง พวกเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความสงสารและเวทนา

วีรบุรุษแห่งแผ่นดินผู้นี้มีทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม แต่น่าเสียดายที่เกิดมาพร้อมกับอาการบกพร่องทางสมอง ยิ่งเห็นกิริยาท่าทางของเด็กหนุ่มในขณะนี้ ทุกคนก็รู้แล้วว่าอาการทางสมองของหลินเป่ยเฉินคงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

นับว่าเป็นอาการที่ร้ายแรงยิ่ง แม้เด็กหนุ่มจะมีพลังอยู่ในขั้นเซียนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถรักษาตนเองให้หายขาดได้สำเร็จ

ณ สถานทูตจักรวรรดิจี้กวง

“ความยากระดับสาม?”

เซียนทะเลทรายชาซานถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ นิ้วมือของเขาเลื่อนปัดลงไปบนหน้าจออาคม ก่อนยิ้มมุมปากเหยียดหยาม “อีกไม่นานเดี๋ยวพวกมันก็ได้เข้าใจว่าระดับความยากที่แท้จริงนั้นอยู่ในขั้นไหน ฮ่า ๆๆ เพราะว่าการประเมินครั้งนี้นับตั้งแต่ต้นจนจบ มีความยากอยู่ในระดับหกต่างหาก”

ความยากระดับหก?

องค์ชายอวี่และคนอื่น ๆ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“ท่านลอบเปลี่ยนระดับความยากอย่างนั้นหรือ?”

“นี่มันผิดกติกาไม่ใช่หรือไง?”

“แล้วจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”

เว่ยชงเฟิงและมือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่าพูดออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

นี่คือการประเมินอย่างสกปรกและไร้ความยุติธรรมไม่ใช่หรือ?

หากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีหวังได้ถูกสั่งประหารชีวิตทั้งโขยงแน่

“ไม่ต้องห่วง ข้ารับรองว่าพวกเขาไม่มีทางกลับออกมาอย่างมีชีวิตเด็ดขาด”

ดวงตาของชาซานถงเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต

“จริงหรือ?”

องค์ชายอวี่หยุดชะงัก คล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

ชาซานถงพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิของเป่ยไห่ อัครเสนาบดีจั่วเซียง หรือแม้แต่หลินเป่ยเฉิน…. ฮ่า ๆๆ ตราบใดที่คนกลุ่มนี้เข้าสู่อาณาเขตสนธยาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางกลับบอกมาอย่างมีชีวิตได้อีก ซากศพของพวกเขาจะต้องถูกฝังอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล ตราบใดที่ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับออกมา แล้วยังจะมีผู้ใดที่จะรู้ความจริงเบื้องหลังการประเมินครั้งนี้อีก?”

องค์ชายอวี่ต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเซียนทะเลทรายนอกจากจะลงมือด้วยตนเองแล้ว ยังเป็นการลงมือที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงอีกด้วย

นี่คือการกวาดล้างขั้วอำนาจในจักรวรรดิเป่ยไห่

จักรวรรดิเป่ยไห่จบสิ้นแล้ว

“องค์ชายเชิญเสด็จกลับจักรวรรดิจี้กวงเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ชาซานถงหยุดชะงักใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อ “จักรวรรดิเป่ยไห่กำลังจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ หากกองทัพจี้กวงอาศัยโอกาสนี้บุกโจมตีชายแดนเหนือ พวกท่านจะสามารถบุกทะลวงเข้ามาได้ช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของกองทัพจี้กวงเองแล้ว”

องค์ชายอวี่รีบสลัดความตกตะลึงทิ้งไปและเริ่มขบคิดตามที่ชาซานถงกล่าวออกมา

การล่มสลายของจักรวรรดิเป่ยไห่ ย่อมมีกลุ่มอำนาจสองกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด

หนึ่งนั้นคือจักรวรรดิจี้กวง สองคือตระกูลเว่ยแห่งมณฑลเฉียนเกา

แต่เมื่อลองขบคิดให้ละเอียดรอบคอบ กลุ่มอำนาจทั้งสองกลุ่มนี้ยังมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร

อย่างน้อยในขณะนี้ องค์ชายอวี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเซียนทะเลทรายชาซานถงกำลังวางแผนอะไรอยู่ และมีจุดประสงค์อันใดในการกระทำเรื่องราวนี้กันแน่

นี่แสดงให้เห็นถึงสิ่งใด?

นี่แสดงให้เห็นว่าเซียนทะเลทรายชาซานถงเลือกปิดบังข้อมูลแผนการกับฝ่ายจี้กวง แต่อาจจะเปิดเผยทุกอย่างกับตระกูลเว่ยแห่งมณฑลเฉียนเกาก็เป็นได้

ไม่แน่ว่าชาซานถงอาจทำงานให้ตระกูลเว่ยด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้น นี่ก็นับว่าเป็นโอกาสทองสำหรับจักรวรรดิจี้กวงแล้ว

จักรวรรดิเป่ยไห่เปรียบเสมือนเนื้อก้อนโตที่เมื่อได้รับประทานจนย่อยสลาย ก็กลายเป็นพลังงานให้จักรวรรดิจี้กวงได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและองอาจมากกว่าเดิม

นี่คือโอกาสที่จะปล่อยผ่านไปไม่ได้เป็นอันขาด

เมื่อขอบคุณในความช่วยเหลือจากเซียนทะเลทรายเรียบร้อย องค์ชายอวี่และบุตรสาวก็ออกเดินทางโดยไม่ลังเล

เว่ยชงเฟิงและมือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่ายังอยู่ที่นี่ต่อไป

เซียนทะเลทรายปิดหน้าจออาคมและออกจากสถานทูตไปเช่นกัน

ชาซานถงได้รับคำสั่งจากนายท่านมาว่าเมื่อบอกกล่าวแผนการกับองค์ชายอวี่เสร็จสิ้นแล้ว เขาก็สมควรเดินทางกลับโดยทันที เพื่อป้องกันมิให้ข่าวลือรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ

เซียนทะเลทรายชาซานถงเดินไปบนท้องถนนพร้อมกับรู้สึกว่าชีวิตช่างเป็นสิ่งสวยงาม

ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่วันก่อน หัวใจของเขายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขากลัวหลินเป่ยเฉิน

เพราะว่าหลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งมากเกินไป

เพราะเขารู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า

และสิ่งที่ทำให้ชาซานถงหวาดหวั่นใจมากที่สุดก็คือ การที่จีหวูชวงยินยอมละทิ้งศักดิ์ศรีไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าจวนที่พักของหลินเป่ยเฉิน มันก็ทำให้ชาซานถงต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนับครั้งไม่ถ้วน

ตัวเขาอยากจะขอโทษหลินเป่ยเฉินอยู่เหมือนกัน แต่เซียนทะเลทรายกลับพบว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติดีพอแม้แต่จะย่างเท้าไปที่หน้าประตูจวนซางจั้วหยวนด้วยซ้ำ

และในระหว่างที่ชาซานถงกำลังหวาดกลัวสุดขีดอยู่นั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าโชคชะตากลับหยิบยื่นโอกาสครั้งสำคัญมาให้อีกครั้ง

ชาซานถงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับข้อเสนอของนายท่าน

และบัดนี้ ชีวิตของหลินเป่ยเฉินก็ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว

การทำสงครามชิงอาณาจักรที่มีความยากอยู่ในระดับหก อย่าว่าแต่หลินเป่ยเฉินเลย ต่อให้เป็นผู้มีพลังระดับเซียนขั้นหกก็ยังไม่สามารถรับมือไหวอีกแล้ว

ดังนั้น เจ้าเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นี้ จึงกำลังจะต้องตายอยู่ในอาณาเขตสนธยา

เวลาตายของหลินเป่ยเฉินได้มาถึงแล้ว!