ตอนที่ 1018: ขอบเขตตั้งเดิมสามระดับ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1018: ขอบเขตตั้งเดิมสามระดับ

คำพูดของเสี่ยวหลิงทำให้เจี้ยนเฉินตกใจ เสี่ยวหลิงเองเป็นสุดยอดจอมยุทธที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ นางต้องใช้พลังของตัวเองรวมทั้งพลังที่สะสมมาหลายปีที่ใต้เมืองทหารรับจ้างให้กับผนึกที่โมเทียนหยุนได้ทำเอาไว้ เพื่อที่จะป้องกันการโจมตีจากจอมยุทธของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ถ้างั้นความแข็งแกร่งของคนผู้นี้นั้นน่ากลัวขนาดไหนกันนะ ?

เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความกังวลหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองทหารรับจ้าง เขามั่นใจแล้วว่าคนที่โจมตีผนึกนั้นเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเคร่งเครียดมาก

โลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้ให้กำเนิดผู้ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิและก็ยังมีหลายคนอีกด้วย ต้องมีเซียนจักรพรรดิมากมายที่นั่นแน่

ในอีกมุมหนึ่ง ในโลกนี้ เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เอ่อหยินก็ได้ตายไปแล้วจากสี่จอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ของโลก มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด โมเทียนหยุนก็หายไปพร้อมกับพยัคฆ์ปีกเทวะ มีเพียงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม นางก็เหลือเพียงในรูปวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นความแข็งแกร่งของนางจึงไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดของนาง

แม้แต่ในสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ ยังมีเซียนจักรพรรดิเพียงไม่กี่คน แล้วพวกเขาจะไปต้านทานการรุกรานของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งที่น่ากลัวด้วยกำลังเพียงเท่านี้ได้อย่างไร

“เสี่ยวหลิง ถ้าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับคนที่เข้ามาโจมตีผนึก เจ้าเอาชนะเขาได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวหลิง มีเพียงเสี่ยวหลิงเท่านั้นในโลกปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งเกินกว่าเซียนจักรพรรดิ

เสี่ยวหลิงส่ายหัวอย่างไม่ลังเลแล้วพูดออกมา “พี่ใหญ่ เสี่ยวหลิงเอาชนะคนผู้นั้นไม่ได้แน่ เสี่ยวหลิงเดาว่าคนผู้นั้นต้องอยู่ในระดับย้อนกลับเป็นอย่างน้อยหรืออาจจะอยู่ในระดับแลกเปลี่ยนก็เป็นได้”

“ระดับย้อนกลับ ? ระดับแลกเปลี่ยน ? ” เจี้ยนเฉินจ้องอย่างงุนงงเมื่อเขาได้ยินคำสองคำที่ไม่คุ้นเคยเป็นครั้งแรก เขาถามอย่างจริงจัง “เสี่ยวหลิง ระดับย้อนกลับและระดับแลกเปลี่ยนที่เจ้าพูดถึงนั้นเป็นขอบเขตที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ ? “

“ใช่ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นายท่านเคยบอกข้า นายท่านบอกว่า เซียนผู้คุมกฎ เซียนราชา และเซียนจักรพรรดิที่อยู่ในทวีปเทียนหยวนนั้นเป็นเส้นทางของความเป็นเซียน ในขณะที่ขอบเขตที่เหนือกว่านั้นเป็นขอบเขตดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ขอบเขตดั้งเดิมแบ่งเป็น 3 ขอบเขตเล็กเล็ก ซึ่งก็คือระดับรับมอบ ระดับย้อนกลับ และระดับแลกเปลี่ยน แต่ละระดับยังมีขั้นย่อยมี 3 ขั้น” เสี่ยวหลิงพูด

“ถ้างั้น เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิก็คือขอบเขตดั้งเดิม” เจี้ยนเฉินเข้าใจในที่สุด หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว และเขาก็ถามเสี่ยวหลิง “เสี่ยวหลิง เจ้าอยู่ในระดับไหนกันตอนนี้ ? “

“พี่ใหญ่ เสี่ยวหลิงอยู่ในระดับย้อนกลับขั้นต้นเท่านั้นในตอนนี้ เสี่ยวหลิงไม่สามารถเอาชนะคนนั้นได้” เสี่ยวหลิงพูดอย่างเสียดาย นางดูเหมือนกำลังรู้สึกผิด

เจี้ยนเฉินเงียบไป จากคำอธิบายของเสี่ยวหลิง เขาเข้าใจชัดแจ้งขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ผู้ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิน่าจะเป็นขอบเขตรับมอบ ในขณะที่คนที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปอีกคือขอบเขตย้อนกลับ ในขณะเดียวกันคนที่โจมตีผนึกก็มีความเป็นไปได้มากที่จะอยู่ในขอบเขตแลกเปลี่ยน

ในครั้งโบราณกาลในตอนที่โมเทียนหยุนเข้าไปในโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเอง เขาได้ฆ่าผู้ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิไปมากกว่ายี่สิบคนที่อยู่ในขอบเขตรับมอบ และอีกสามคนที่อยู่ในขอบเขตย้อนกลับเหนือกว่ายี่สิบกว่าคนนั้น ตามการคาดการของเจี้ยนเฉิน เป็นไปได้อย่างมากว่า โมเทียนหยุนนั้นอยู่ในขอบเขตย้อนกลับหรือแลกเปลี่ยน แต่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินรู้สึกกดดันมาก เพราะโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้ให้กำเนิดจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับโมเทียนหยุนขึ้นมา

หลังจากที่ร่ำลากับเสี่ยวหลิงแล้ว เจี้ยนเฉินก็กลับขึ้นไปบนพื้นอย่างหนักใจ เทียนเจี้ยน รุยจิน และที่เหลือยังลอยอยู่สูงกลางอากาศ เซียนราชาหลายคนจากตระกูลผู้พิทักษ์และองค์กรต่าง ๆ ก็ได้มารวมตัวกันด้วยเช่นกัน พลังแห่งการมีอยู่ของไคเซอร์ได้ทำให้พวกเขารู้ตัวและดึงพวกเขาเข้ามา

“ดูนั่น เจี้ยนเฉินกลับมาแล้ว!”

พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินทันทีที่เขาปรากฏขึ้นมาที่พื้น และพวกเขาก็ลดระดับลงไปหาเจี้ยนเฉิน

“เจี้ยนเฉิน เจ้าสบายดีหรือไม่ ? ” รุยจินเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา เขาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ว่าเขาจะได้พบเจี้ยนเฉินเมื่อนานมาแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็เกี่ยวข้องกับโอกาสที่เขาจะได้พบกับสหายร่วมตระกูลอีกครั้ง ดังนั้นจึงบอกได้ว่า รุนจินและหงเหลียนเป็นห่วงชีวิตของเจี้ยนเฉินรองจากเทียนเจี้ยนและฮุสตัน

“เจี้ยนเฉิน จิตวิญญาณม่านพลังพูดอะไรกับเจ้า ? เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าทำไมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ถึงได้เกิดขึ้น ? ” เทียนเจี้ยนถามอย่างทนรอไม่ได้

คนทั้งหมดจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบรู้สึกตกใจเล็กน้อยจากคำถามของเทียนเจี้ยน สายตาของพวกเขาที่มองไปที่เจี้ยนเฉินเป็นประกาย ถ้าเจียงหยาง เซียงเทียนจากตระกูลเจียงหยางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจิตวิญญาณม่านพลัง นี่ของเป็นข่าวร้ายมากสำหรับพวกเขา

หลังจากที่คิดสักพัก ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางทั้งหมดก็เริ่มยิ้มเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

เจี้ยนเฉินไม่ได้ตอบคำถามเทียนเจี้ยนทันที เขาลังเลพร้อมมีท่าทางหมองหม่น เขาคิดว่าจะบอกคนอื่นดีหรือไม่

สักพักต่อมา เจี้ยนเฉินก็ตัดสินใจได้ เขาพูดออกมา “ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน เรื่องนี้สำคัญ ดังนั้น พวกเราไปหาที่ที่จะคุยกันเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ ? “

เทียนเจี้ยนเข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เมื่อเขาเห็นความเคร่งเครียดของเจี้ยนเฉิน เขาไม่กล้าที่จะลังเลและพาเจี้ยนเฉินไปที่มิติที่แยกออกไปในเมืองทหารรับจ้าง

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็บอกเทียนเจี้ยนทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งและสถานการณ์ของเสี่ยวหลิงที่อยู่ที่นั่น รวมถึงตอนที่เขาเจอกับวิญญาณของโมเทียนหยุนด้วย เขาแค่ไม่ได้บอกเรื่องที่เกี่ยวกับศิลาเซียนหยินหยางเท่านั้น

ในตอนที่เทียนเจี้ยนได้รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งจากเจี้ยนเฉิน เขาก็นิ่งอึ้งไป เขาเหม่อไปนาน การมีอยู่ของโลกแบบนั้นเป็นที่น่าตกใจของทวีปเทียนหยวน ซึ่งทำให้เขายากที่จะสงบจิตใจลงได้ เขาพูดไม่ออก

หลังจากผ่านไปนานเทียนเจี้ยนก็กลับมาตั้งสติได้ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกและข่มความตกใจเอาไว้อย่างช้า ๆ เขาจ้องตาเจี้ยนเฉินและถามเจี้ยนเฉินด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย “เจี้ยนเฉิน ทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่ ? มีอุโมงค์ที่นำไปสู่โลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งใต้เมืองทหารรับจ้างจริงงั้นหรือ ? การสั่นไหวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันที่เมืองทหารรับจ้างเป็นเพราะจอมยุทธที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิของโลกนั้นโจมตีผนึกอย่างนั้นหรือ ? “

“ข้ามั่นใจมาก” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างเคร่งเครียด เขาต้องการที่จะปิดบังเรื่องเกี่ยวกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งต่อไปจริง ๆ นี่เป็นการป้องกันการตื่นตระหนกบนทวีปเทียนหยวนถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถที่จะเสี่ยงเลือกทางนี้ได้ในเพราะสถานการณ์ที่เป็นในตอนนี้

ท่าทีของเทียนเจี้ยนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเป็นน่ากลัว เขาพูดเสียงแหบ “พวกเราต้องบอกตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีเพื่อที่พวกเราจะได้วางแผนรับมือได้ เจี้ยนเฉิน เจ้ามากับข้าด้วย” เทียนเจี้ยนออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

เทียนเจี้ยนพบกับคนของตระกูลผู้พิทักษ์และคนจากองค์กรอื่น ๆ ทันทีที่เขาออกมาจากมิติที่แยกตัวออกไป จากนั้นเขาก็เชิญทุกคนเข้าไปประชุมในเมืองทหารรับจ้างอย่างเคร่งเครียด เขายังเชิญ รุยจิน หงเหลียน เฮยยู่และฮุสตันมาด้วย

ฮุสตันและหงเหลียนไม่ได้ตามไปด้วยเนื่องจากอาการบาดเจ็บของพวกเขา ผู้อาวุโสของเมืองทหารรับจ้างได้จัดที่ให้พวกเขาพักฟื้น มีเพียงรุยจินและเฮยยู่เท่านั้นที่ตามไป

ผู้อาวุโสหลายคนของเมืองทหารรับจ้างที่เป็นเซียนราชาพร้อมด้วยจอมยุทธหลายสิบคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและองค์กรอื่น ๆ ก็มารวมกันที่โถงที่โอ่อ่า

ตลอดที่ผ่านมานี้ เทียนเจี้ยนอยู่ในท่าทางที่หมองหม่นมาก ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลในเรื่องนี้นอกจากเจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างมีท่าทางแบบนี้

เทียนเจี้ยนเข้าประเด็นหลักและบอกทุกคนที่อยู่ในที่นี่เกี่ยวกับเรื่องโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งที่เขาได้รู้มาจากเจี้ยนเฉิน เขาพูดรายละเอียดลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกนั้น

ทั้งหมดพูดไม่ออกหลังจากที่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ความเหลือเชื่อเต็มอยู่บนสีหน้าของพวกเขา ข่าวจากเทียนเจี้ยนเรื่องนี้เหมือนสายฟ้าฟาดพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย มันทำให้พวกเขานิ่งอึ้งไป

“ผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? มีผนึกที่อยู่ใต้เมืองทหารรับจ้างที่ผนึกทางเข้าของอีกโลกเอาไว้ ? “

“ผู้อาวุโสสูงสุด มันจริงหรือไม่ ? โลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีอยู่จริงอย่างนั้นหรือ ? พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ ? “

“ผู้อาวุโสสูงสุด นั่นมันดูเกินจริงไป อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องว่ามีโลกนั้นอยู่จริงหรือไม่เลย แค่มีมากกว่ายี่สิบคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิและยังมีอีก 3 คนที่เหนือกว่านั้นยิ่งขึ้นไปอีกก็ทำให้ตกใจพอแล้ว แต่พวกนั้นทั้งหมดก็ตามด้วยมือของโมเทียนหยุนอีก พวกเราพบว่ามันยากมากที่จะเชื่อได้จริง ๆ “

“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านได้ข้อมูลมาจากที่ไหน…”

..

ความวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากความเงียบ ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไม่ว่าจะมาจากตระกูลผู้พิทักษ์หรือองค์กรอื่น ๆ ต่างพูดออกมาด้วยความสงสัย สิ่งที่เทียนเจี้ยนพูดนั้นเหลือเชื่อไปหน่อยจนถึงจุดที่ไม่มีใครในที่นี้เชื่อเขา

“ทุกคน ได้โปรดเงียบ ! ” เทียนเจี้ยนยกมือขึ้นเพื่อหยุดการถกเถียงของพวกเขา หลังจากนั้น เขาก็ชี้ไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “ข้าได้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งจากสหายของข้าที่อยู่ที่นี่ เจี้ยนเฉิน ความเข้าใจของเจี้ยนเฉินนั้นดีกว่าข้า ถ้าทุกคนทีข้อสงสัย พวกเข้าเชิญถามเจี้ยนเฉินได้”

“อะไรนะ ? เจ้าได้ข้อมูลนี้มากจากเจี้ยนเฉิน ? ฮ่าฮ่าฮ่า! ผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าไม่ดื้อรั้นมากไปหน่อยหรือ ? เจ้าเชื่อเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนี้อย่างนั้นหรือ” ชายชราผิวเลือดฝาดพูด ในขณะที่เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาไม่เชื่อเรื่องนี้ทั้งหมด

เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายชรา เขาจำคนผู้นี้ได้ เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวน

“ใช่ ผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าเชื่อเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้อย่างไร ? มันต้องเป็นเรื่องหลอกลวงอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้น ทำไมถึงไม่มีบันทึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ในตระกูลผู้พิทักษ์เลยล่ะ” ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นจากตระกูลผู้พิทักษ์พูดเพิ่มเติม

หัวหน้าของอารามจิตพิสุทธิ์ประสานมือไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “สหายของข้าที่นี่ไม่น่าจะใช่คนที่ชอบโกหก แต่เรื่องที่เกี่ยวกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็น่าเหลือเชื่อเกินไป ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้ามีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับการมีอยู่ของโลกนั้นหรือเปล่า ? หรือเจ้าสามารถพาพวกเราไปที่ผนึกที่อยู่ใต้เมืองทหารรับจ้างได้หรือไม่ ? พวกเราต้องการความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมดถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาเก่าแก่ยิ่งกว่าโมเทียนหยุนเสียอีก ดังนั้นคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจึงรู้สึกมั่นใจมาก เรื่องใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ถูกบันทึกไว้หมด ในขณะที่เรื่องของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากกลับไม่มีปรากฏเลย นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่เชื่อว่ามันมีอยู่

อีกทั้ง เรื่องที่สำคัญแบบนี้ยังมาจากเจี้ยนเฉินที่เป็นผู้เยาว์ ซึ่งทำให้มันยิ่งยากไปใหญ่ที่พวกเขาจะเชื่อ