สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ทั้งชีวิตของเขายังไม่เคยได้สร้างพลังเทพด้วยตนเองอย่างแท้จริงเลย ที่เคยนับว่าได้ทำก็มีเพียงกระบวนเวทเท่านั้น
ทว่า พลังเทพ…เป็นวิถีเต๋า นั่นเป็นกฎบังคับ และกฎเวทกลายเป็นเครื่องสายดีดเสียงออกมาได้ไม่เหมือนกัน
เต๋าของอู๋น้อยจะเรียกว่าอะไร หวังเป่าเล่อไม่มีความสามารถพอที่จะกล่าว แต่ตามภาพพิมพ์กฎเวทดาวเคราะห์เต๋าของเขา ระหว่างการตระหนักรู้นับครั้งไม่ถ้วนในเวลากว่าครึ่งปีนี้ ในที่สุดเขาก็พิมพ์ประทับมันออกมาได้
หลังจากพิมพ์ประทับได้สำเร็จ สุดท้ายหวังเป่าเล่อก็ได้เข้าใจแล้วว่า…เหตุใดร่างของอู๋น้อย จึงมีลักษณะพิเศษของความเป็นอมตะ ก็คือไม่ว่าจะบาดเจ็บเช่นไร ดูเหมือนสำหรับเขาแล้ว นั่นจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย
เป็นเพราะเต๋าพิเศษนี้ ได้หลอมรวมเข้าไปในจิตวิญญาณ ในชั้นกายเนื้อและในกระดูกของอู๋น้อยแล้ว ตลอดเวลา อู๋น้อยได้งมหาตัวตนของตนออกมาจากอดีตที่ผ่านมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ดังนั้นไม่ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะเป็นเช่นไร ก็ไม่เป็นไร แม้กระทั่งถึงจะตายก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนเต๋าของเขา อดีตที่ผ่านไปของเขาจะเข้ามาแทนที่ปัจจุบันในทันทีและยังคงหมุนเวียนต่อไป
การไม่ตายไม่ดับเช่นนี้…ยิ่งหวังเป่าเล่อตระหนักได้ลึกซึ้งมากเพียงใด ก็ยิ่งสั่นสะท้านรุนแรงขึ้น แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะพิมพ์ประทับได้ ก็ไม่สามารถใช้บนร่างตน
เช่นเดียวกับกฎเวทการพิมพ์ประทับของตนเอง แหล่งที่มาของเต๋าได้ถูกกักไว้อยู่บนร่างอู๋น้อยแล้ว เว้นแต่อู่น้อยจะดับสูญอย่างสมบูรณ์ เต๋านี้จะถูกทำลาย เช่นนี้จึงจะสามารถสร้างมันขึ้นมาในร่างตนเองได้ใหม่ มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่มีผู้ใดทำได้ถึงระดับเดียวกับอู๋น้อย
หากต้องการทำลายเต๋านี้ต้องสังหารอู๋น้อยให้ได้ วิธีการดังกล่าวก็เรียบง่าย ก็คือขณะที่สังหารอู๋น้อยต้องไปในช่วงเวลาที่เขาผ่านมาทั้งหมด นำอู๋น้อยนับไม่ถ้วนในแต่ละกาลเวลาที่ผันผ่านมาสังหารโดยพร้อมเพรียงในเวลาเดียวกัน
จะพลาดไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว และต้องจบทุกอย่างในคราเดียว มิฉะนั้นแล้ว หากพลาดแม้เพียงหนึ่ง มิใช่ในเวลาเดียวกัน เงาแห่งอดีตทั้งหมดก็จะฟื้นคืนชีพทันที
ทว่า หากคิดจะทำให้ถึงจุดนี้ คงลำบากแสนเข็ญเกินไปจริงๆ อย่างน้อยที่สุดหวังเป่าเล่อในวันนี้ เขาถามตัวเองก็ยังทำไม่ได้
และหวังเป่าเล่อก็มองออกแล้วว่า นี่ไม่ใช่ความตระหนักรู้ของตัวอู๋น้อย แต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับลึกล้ำสะเทือนฟ้าดิน ด้วยวัยของตนและการอุทิศให้การฝึกตนตีตราอยู่ที่อู๋น้อย ทำให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋านี้อย่างสมบูรณ์ และมีที่มาเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ
“จักรพรรดิเสวียนเฉินหรือ” หวังเป่าเล่อพึมพำอยู่ในใจ ชื่อนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตีตรากฎเวท สมญานามที่ปรากฎขึ้นมาในหัวเอง
“ด้วยเหตุนี้ก็สามารถตัดสินว่าจักรพรรดิที่แท้จริงแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว…” หวังเป่าเล่อหรี่ตา อู๋น้อยที่ฐานการฝึกตนต่ำผู้หนึ่ง เมื่อประกอบด้วยกฎเกณฑ์นี้ล้วนมีร่างที่ไม่ตายไม่ดับ หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรวาล ระดับความน่ากลัวของเขาก็ยากที่จะบรรยาย
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงไม่อาจเทียบเท่าจักรพรรดิได้…
หวังเป่าเล่อส่ายหน้า หยุดความคิด ไม่ได้ใคร่ครวญต่อ เขาหมกมุ่นในเต๋าที่พิมพ์ประทับมาได้จากอู๋น้อย ขณะเดียวกันก็เปิดสถานที่ที่ถือสันโดษ ส่งอู๋น้อยที่ลิงโลดและภาคภูมิใจที่สามารถตอบแทนบิดาได้ออกไป
หลังจากเขาได้หลอมรวมกับจันทร์ข้างแรม ในความตระหนักรู้นี้ก็พยายามที่จะสร้าง…พลังเทพอีกอัน
ในเมื่อที่มาของเต๋านี้ไม่อาจครอบครอง เช่นนั้นสำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว การรวมเป็นหนึ่งกับจันทร์ข้างแรม แล้วเดินไปตามเส้นทางเต๋าอีกสายหนึ่ง จึงจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
“ชื่อจันทร์ข้างแรมดูไม่เหมาะสม บางทีอาจเรียกเป็น…เงาจันทร์ น่าจะเหมาะกับเต๋าของข้ามากกว่า” ขณะหวังเป่าเล่อพึมพำ เวทแห่งสัมผัสสวรรค์จันทร์ข้างแรมยังหลอมรวมกับร่างอู๋น้อยอย่างต่อเนื่อง ขจัดส่วนที่มีปัญหาทั้งหมดออก จัดสถานที่เหมาะสมไว้รองรับ ค่อยๆ นำเต๋าทั้งสองที่ยังไม่ได้รับอย่างสมบูรณ์หลอมรวมไว้ด้วยกันอย่างช้าๆ
ก่อตัวเป็นเต๋าสายหนึ่งที่อาศัยอากาศของที่นี่สร้างออกมา อย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เงาจันทร์…” ผ่านไปเนิ่นนาน หวังเป่าเล่อที่หลับตาอยู่ ระหว่างที่กำลังลืมตาขึ้นช้าๆ ร่างกายของเขาค่อยๆ พร่าเลือน มันพร่าเลือนไปรอบด้านราวกับแผ่นดินที่อยู่ใต้ร่างเขา กลายเป็นผืนน้ำเรียบนิ่ง และในเวลานี้ร่างของเขาราวกับกลายเป็นหยดน้ำ ตกลงมาจากกลางอากาศลงสู่ผิวน้ำ
เสียงดังติง…
ยามหยดน้ำร่วงหล่น ผิวน้ำราบเรียบกระเพื่อมออกเป็นวงกว้าง หยดน้ำที่อยู่ตรงกลางค่อยๆ กระจายออกไปรอบด้าน
กระเพื่อมไม่มาก มีเพียงเก้าวง
หนึ่งวง…แทนร้อยปี
วงกระเพื่อมเก้าวงทำให้กาลเวลาผ่านไปเก้าร้อยปี ก่อเป็นภาพลวงตาขึ้นมาบนผิวน้ำนับไม่ถ้วน ภาพเหล่านี้ปะปนกันไป หากเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ที่นี่ เมื่อมองดูผืนน้ำคงจะรับกระแสข้อมูลมหาศาลเช่นนี้ไม่ได้ทันที ถึงขั้นที่ว่าดวงตาทั้งสองอาจมืดบอดและจิตวิญญาณล่มสลาย
แม้จะเป็นผู้ฝึกตนต่ำกว่าดาวพระเคราะห์ก็ทนรับไม่ได้เช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ที่จะดับสูญมีสูงมาก ภาพและข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาทันที ดังนั้นมีเพียงขั้นดารานิรันดร์จึงจะไม่ดับสูญด้วยเหตุนี้ แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงจากการบาดเจ็บสาหัส
แต่นี่ แค่เหลือบมองก็เพียงพอแล้ว
หากถูกครอบงำด้วยพลังเทพนี้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นขั้นจักรพิภพก็ยากที่จะหนีจากการล่มสลาย แม้จะมียอดองครักษ์ พลังเทพนี้ก็สามารถนำร่างในอดีตมาสังหารได้ ทำให้มนุษย์ไม่มีอดีต ตัวตนไม่สมบูรณ์แบบ ราวกับฟ้าไร้จันทร์ ในน้ำแม้พระจันทร์จะเต็มดวงก็ยังคงว่างเปล่า ลัทธิเต๋าจะไม่ล่มสลายได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ หวังเป่าเล่อจึงตั้งนามแก่พลังเทพนี้ว่า เงาจันทร์
หากมีเพียงเงาจันทร์ พลังเทพนี้ก็ยังคงไม่สมบูรณ์ ไม่อาจเรียกได้ว่ากลายเป็นมหาเต๋าสายหนึ่ง ดังนั้นเงาจันทร์จึงเป็นเพียงส่วนครึ่งแรกของพลังเทพที่หวังเป่าเล่อสร้างจากความตระหนักรู้
ยังมีครึ่งหลังอีก หวังเป่าเล่อต้องการให้นามมันว่า
บุปผากระจก
เต๋าแห่งบุปผากระจก อยู่ที่การสะท้อนเงา
จากในห้วงน้ำแห่งกาลเวลา นำสิ่งในอดีตออกมาให้มันปรากฏในกาลปัจจุบัน แม้ว่าเวลาของการดำรงอยู่จะแปรผันและยากที่จะแก้ไข เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ทว่า…ตามสารัตถะสสารแล้ว ในความเป็นจริงก็ไม่มีสิ่งใดแตกต่างบุปผาในกระจก ก็เป็นดอกไม้เช่นเดียวกัน
ดวงตาของหวังเป่าเล่อสงบนิ่งก้มหน้ามองดูผิวน้ำ ยกมือขวาขึ้นชี้นิ้วลงไป เขาหยิบดินทรายที่มีอยู่ที่นี่เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนมาไว้ในมือ
การสัมผัสตลอดจนถึงการสำรวจวิญญาณเทพเหมือนของจริงที่มีอยู่ทุกประการ
“น่าสนใจ” หวังเป่าเล่อยิ้มน้อยๆ มองดินทรายในมือ ไม่ได้ส่งมันกลับไป แต่กลับขยี้มันทำให้ดินทรายละลายในมือ กลายเป็นปิ่นปักผมสีแดงเหน็บไว้ที่ผม
หลังจากที่เงยหน้ามองไกลไปทางดาวชะตา แล้วก้มหน้ามองหน้ากากที่อยู่ในอ้อมแขน เขาก็เอ่ยเสียงเบา
“มีบางเรื่องที่ไม่ต้องไปรบกวนผู้อาวุโสที่ดาวเคราะห์ชะตาแล้ว เจ้าว่า…ข้าใช้เวทนี้ พาเจ้าไปเยี่ยมบิดาเจ้า ดีหรือไม่”
“ข้ามิได้ต้องการขจัดอคติ แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือของเขา”
ขณะที่หวังเป่าเล่อกล่าว เงาร่างของแม่นางน้อยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มองเข้าไปในดวงตาของหวังเป่าเล่อ แววตานั้นมีทั้งประหลาดใจและสับสนอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีความสงสัยรวมไว้ด้วยกัน
ตอนที่การฝึกตนของหวังเป่าเล่อทะลวงผ่านถึงขั้นจักรพิภพ นางไม่มีสายตาเช่นนี้ และเมื่อครั้งที่หวังเป่าเล่อเอาชนะจิตมาร นางก็ยังไม่มีสายตาเช่นนี้ จนกระทั่งเรื่องดำเนินต่อไป หลายครั้งที่นางสับสน ไม่มั่นใจ แต่ก็ยังคงไม่มีสายตาที่แรงกล้าเช่นนี้เลย
“เจ้า…เปลี่ยนไปจนเหมือนท่านพ่อของข้าไปทุกทีแล้ว…ไม่เพียงแต่ท่านพ่อข้า ยังมีพวกท่านลุง เจ้า…ข้าก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายเช่นไร สรุปก็คือ…พวกเจ้ายิ่งเหมือนกันเข้าไปทุกทีแล้ว” แม่นางน้อยเงียบไปสักพัก แล้วกล่าวเสียงเบา
“แล้วอย่างไรหรือ” สายตาหวังเป่าเล่ออ่อนโยน มองแม่นางน้อย ใบหน้าคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“เจ้าสามารถอาศัยตนเองไปพบท่านพ่อข้าได้จริงหรือ” แม่นางน้อยถูกหวังเป่าเล่อมองด้วยสายตาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด นางจึงประหม่าอย่างไม่มีเหตุผล จึงรีบหลบสายตาด้วยความเร็ว
“ร้องเรียกพ่อตามาหลายปีเช่นนี้ ก็ต้องลองดูว่าจะพบได้หรือไม่” หวังเป่าเล่อหัวเราะออกมา น้ำรอบด้านเปลี่ยนรูปใหม่ไปตามการกระจายของกระแสเต๋า
วิธีการเรียบง่าย เงาจันทร์เก้าวง อย่างมากที่สุดก็เก้าร้อยปี แต่บุปผากระจกบานเมื่อเก้าร้อยปีก่อน นำตนเองเมื่อเก้าร้อยปีก่อนออกมา นำตนเป็นหลักและบานอีกครั้ง หมุนเปลี่ยนวนเวียน จากนั้นขีดจำกัดการฝึกตน จึงเป็นขีดจำกัดแห่งกาลเวลา
เดินข้ามผ่านกาลเวลา ไปเยี่ยมเยียนท่านผู้ยิ่งใหญ่…ผู้นั้น
“ตกลงดี” แม่นางน้อยคิดแล้ว จึงกล่าวตอบเสียงเบา
……………………………