ตอนที่ 1160 ไม่ยอมมอบให้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เผ่ามังกรวารีเข้าใจการควบคุมน้ำมาโดยกำเนิด การปรุงยาสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องยาก

มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องคารวะเป็นอาจารย์นั้นช่างเถอะ พวกเจ้าดูเอาเองก็แล้วกันว่าสามารถเรียนรู้ได้เท่าไหร่ และข้าก็จะให้สูตรยาขั้นพื้นฐานส่วนหนึ่งให้กับพวกเจ้า”

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นมังกรเผ่าเดียวกับมังกรวารีผู้ที่เป็นพันธสัญญากับนาง มู่เฉียนซีจึงไม่ตระหนี่ถี่เหนียวสิ่งเหล่านี้กับพวกเขา

อย่างไรเสียหากนางไม่ได้มาที่เผ่ามังกรวารีนี้ นางก็ยังไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรให้มังกรวารีตื่นขึ้นมา

แรกเริ่ม มู่เฉียนซีใช้ยาน้ำเพื่อปรับสมดุลให้กับมังกรทองที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ จากนั้นก็ปรุงยาต่อ

ฝีมือการปรุงยาของมู่เฉียนซีได้ทำให้พวกเขาทึ่งอีกครั้ง

“ท่านมู่ นี่ท่านยังต้องการให้คนอย่างพวกข้ามีชีวิตอยู่อีกหรือไม่! ไม่สิ มังกรอย่างพวกข้า”

ไม่กี่วันต่อมา เนื่องจากกลุ่มเทพได้ยินข่าวว่าเกาะราชามังกรทรุดโทรม ในใจมังกรพวกนั้นก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง กลุ่มเทพจึงเตรียมพร้อมจะลงมือยึดครองเกาะราชามังกร

ถึงแม้ว่าเกาะราชามังกรจะรกร้าง แต่ตำแหน่งของเผ่ามังกรนั้นกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลง ต้องการจะทำให้ความทะเยอทะยานอันร้อนแรงของพวกเขาเป็นจริงนั้น จำเป็นต้องยึดครองเกาะราชามังกรให้ได้

สุ่ยอู๋ซินกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ท่านมู่ไม่ต้องกังวล คนทรยศเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรก็เท่านั้น ให้ผู้ที่แข็งแกร่งของทั้งสามเผ่าจัดการกับพวกมันนั้นก็เหลือเฟือแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “การที่พวกมันกำเริบเสิบสานเช่นนี้ คงมีผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังกระมัง! พวกมันประกาศปาว ๆ ว่ายอมเข้าสวามิภักดิ์ต่อเผ่าเทพ เรียกตัวเองว่ากลุ่มเทพ เช่นนั้นผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังก็เกรงว่าจะเป็นพวกเผ่าเทพกระมัง!”

“สุ่ยอู๋ซิน การดำรงอยู่ของเผ่าเทพนั้นเป็นเช่นไรเหรอ?”

สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ที่เรียกว่าเผ่าเทพนั้น นับตั้งแต่ความวุ่นวายโกลาหลได้บังเกิดขึ้น เป็นเผ่าที่อยู่ภายใต้คำสั่งของมหาจักรพรรดิเทพหลิงเทียน พวกมันมีสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด มีวรยุทธ์ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นผู้ที่ทรงพลังอำนาจของแดนเทพอันกว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้เป็นสามเผ่าสัตว์เทพโบราณของพวกเรา ก็ไม่สามารถต้านทานกับเผ่าเทพที่ได้รับคำสั่งจากมหาจักรพรรดิเทพหลิงเทียนได้”

“มหาจักรพรรดิเทพหลิงเทียน เป็นผู้ควบคุมของทั้งโลก”

มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้แข็งแกร่งจริง ๆ”

สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ถึงแม้ว่ามหาจักรพรรดิเทพหลิงเทียนจะเก่งกาจเพียงใด แต่การที่จะรับมือกับเผ่ามังกรของพวกเรานั้น เขาก็ไม่สามารถลงมือด้วยตัวเองได้ อย่างไรเสียบนโลกใบนี้ก็ยังมีกฏอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถทำลายสามเผ่าสัตว์เทพโบราณของพวกเราได้”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มหาจักรพรรดิเทพหลิงเทียนเป็นคนเช่นไร?”

หรือว่าผู้ที่ทำให้อาถิงและพวกได้กลายเป็นเช่นนี้ก็คือผู้ที่ควบคุมขั้นสูงสุดผู้นี้

สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรวารี แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ยาวนาน ไม่เคยออกไปจากแดนมังกร ดังนั้นจึงไม่ได้รู้มากมายนัก แต่หากท่านมู่อยากจะรู้แล้วละก็ ข้าสามารถบอกในสิ่งที่ข้ารู้ให้กับท่านมู่ฟังได้นะ”

สุดท้าย สุ่ยอู๋ซินก็ไม่มีแม้แต่โอกาสจะปริปากเล่า

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้รู้อย่างชัดเจนก็ไม่ต้องเล่าหรอก” น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น

เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น ก่อนจะกล่าวว่า “ซีรักษามังกรทองเหล่านี้เหนื่อยแล้ว เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”

แววตาของจิ่วเยี่ยเผยจิตสังหารออกมาเพื่อขับไล่เขา และสุ่ยอู๋ซินเองก็ไม่อยากถูกท่านผู้นี้ฆ่าตายในขณะที่ยังไม่ได้เจอท่านมังกรวารี ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่รีบเดินจากไปเท่านั้น

จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีกลับมาในห้อง ยังไม่ทันได้เปล่งเสียงกล่าวแต่อย่างใด ริมฝีปากของเขาก็จู่โจมจูบริมฝีปากของนางแล้ว

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำว่า “ซีอยากรู้เรื่องใด เมื่อถึงเวลาข้าจะเป็นคนเล่าให้ซีฟังเอง”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น “เจ้าก็รู้เรื่องของหลิงเทียนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ”

จิ่วเยี่ยกล่าว “อืม! ข้ารู้ และรู้มากกว่าที่เจ้ามังกรวารีน้อยตัวนั้นรู้เสียอีก”

“เยี่ยมไปเลย!”

“ซี ข้าไม่สบาย ต้องการเจ้า!”

จากนั้นเส้นผมหนาสีดำขลับนั้นได้พัวพันกัน เนื้อแนบเนื้อราวกับว่าไม่สามารถแยกทั้งสองออกจากกันได้อีกตลอดกาล

ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะเอาเปรียบนางเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทว่า กลับไม่ใช่…

ดูเหมือนว่าเขาจะแนบชิดนางอย่างแนบแน่นกว่าเดิม มีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกได้

เป็นเพราะคำพูดที่มังกรวารีได้กล่าวออกมาในวันนี้หรือไม่นะ?

ตกลงต้องแข็งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่ถึงได้กลายเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างได้เช่นนี้

พลังความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้อ่อนแอมาก เกรงว่าจะไม่อาจมองเห็นว่ายอดภูเขานั้นมันสูงมากเพียงใด

เพียงแต่ว่า นาง มู่เฉียนซี กลับไม่ใช่คนที่เกรงกลัวภูเขาสูงแล้วจะยอมแพ้เช่นนั้น

วันต่อมา มู่เฉียนซีก็นอนหลับจนฟ้ามืด เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็ได้รู้ข่าวว่าเผ่ามังกรเอาชนะกลุ่มเทพได้แล้ว

ฝีมือของทั้งสามเผ่านั้นใช่ว่าจะธรรมดา เมื่อก่อนพวกเขาก็แค่เก็บสะสมกำลังและจิตใจเอาไว้ก็เท่านั้น

ในตอนนี้ เหล่ามังกรทองที่ได้รับการรักษาเหล่านั้นก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งให้กลับมาเป็นเหมือนเก่า แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่ได้มีอันตายถึงแก่ชีวิตแล้ว

เฮยเย้าได้ถูกผู้เป็นพ่อของตนเองเรียกตัวกลับไปแล้ว

เขาไม่ได้หลบเลี่ยงเรื่องที่ตกลงกับมู่เฉียนซีไว้แต่อย่างใด เขาเตรียมตัวถามเรื่องคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรทันที

และนี่คือสิ่งที่เขาได้สัญญาไว้!

มู่เฉียนซีเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตบุตรชายของเขาเอาไว้ เป็นผู้มีพระคุณต่อเผ่ามังกรทองของเขา เผ่ามังกรทั้งสี่เผ่าล้วนแต่เคารพนางเป็นอย่างยิ่ง และจินหลิวกวงเองก็ไม่ได้ถือสาอันใด

ที่แท้ ที่ผนึกของมังกรปีศาจกลืนสวรรค์เปิดออกโดยที่ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ก็เป็นเพราะว่าคนของเผ่าเทพได้แอบเข้ามาในเผ่ามังกรทองและปลอมตัวเป็นมังกรทองเพื่อทำลายมันนี่เอง

เนื่องจากมังกรปีศาจกลืนสวรรค์ออกมา เผ่ามังกรทองจึงไม่อาจสู้ได้ ทำได้เพียงแค่ฝืนปิดผนึกมันเอาไว้ที่เกาะราชามังกร

เพื่อไม่ให้บุตรชายที่เพิ่งจะกำเนิดออกมาตายอย่างน่าสังเวช เขาจึงส่งเฮยเย้าออกไปหลังจากที่ปิดผนึกในวินาทีสุดท้าย

เฮยเย้ากล่าวถามว่า “แล้วท่านแม่ละขอรับ?”

ท่านพ่อของเขาคือมังกรทอง แต่เขากลับมีสายเลือดมังกรดำ ดังนั้นท่านแม่ของเขาก็คือมังกรดำ

จินหลิวกวงกล่าว “ท่านแม่ของเจ้าเป็นมังกรดำที่แข็งแกร่งที่สุด นางตายเพราะปกป้องข้า ขะ ข้าช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี”

“เผ่ามังกรดำไม่ใช่เผ่าที่กระทำกรรมชั่วร้าย เผ่ามังกรดำเป็นผู้ที่พิทักษ์เผ่ามังกรทองของพวกเรา ท่านแม่ของเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรดำ ตั้งแต่เด็กนางได้เติบโตมาพร้อมกันกับข้า ความรักของสองเรา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างโจ่งแจ้งได้ แต่ก็ได้อยู่ด้วยกันเองจากการได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสของเผ่า เช่นนั้นแล้วจึงมีเจ้า”

การอยู่ร่วมกันของมังกรทองผู้สูงศักดิ์กับมังกรดำผู้กระทำกรรมชั่ว ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรทองก็ไม่ได้คัดค้าน เรื่องนี้หากว่าเผ่ามังกรอื่น ๆ รู้เข้าคงต้องไม่อยากจะเชื่ออย่างแน่นอน

จินหลิวกวงกล่าว “เจ้าจะได้กลายเป็นหัวหน้าของเผ่ามังกรของข้า ความลับเหล่านี้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่า…”

เขามองไปที่มู่เฉียนซี และสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้ เป็นถึงหนึ่งในความลับที่สำคัญมากของเผ่ามังกรความลับหนึ่ง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจมู่เฉียนซี เพียงแต่ความลับนี้มันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

มู่เฉียนซีกล่าว “อันที่จริงแล้ว ความลับที่เจ้ากำลังจะพูด ให้ข้าเป็นคนพูดก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

“จะ เจ้า เจ้ารู้ได้ยังไง?” จินหลิวกวงกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ

มู่เฉียนซีเอากุญแจเทพเผ่ามังกรออกมาด้วยความสุขุม ก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้ก็เพราะสิ่งนี้”

รูม่านตาของจินหลิวกวงหดตัวลงในทันที “กุญแจเทพเผ่ามังกร นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเจ้าจะได้กุญแจเทพเผ่ามังกรมา เป็นไปได้ยังไง?”

จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เล่าเรื่องราวที่นางได้เจอกับมังกรดำให้พวกเขาฟัง และเล่าเรื่องที่มังกรดำเคยทำให้เฮยเย้าฟัง

เฮยเย้าสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…

มู่เฉียนซีมองจินหลิวกวงและกล่าวว่า “ข้าอยากรู้ว่าคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรอยู่ที่ไหน ข้าต้องการคัมภีร์หมื่นคำสาป”

จินหลิวกวงกล่าว “คัมภีร์หมื่นคำสาปเป็นสิ่งที่เผ่ามังกรของพวกเราสัญญาว่าจะปกป้องรักษาเอาไว้ ไม่สามารถมอบให้ผู้ใดได้ เมื่อคราครั้งก่อน เผ่ามังกรดำได้ทุ่มเทสละชีวิตไปมากเพื่อที่จะรักษาคัมภีร์หมื่นคำสาปเอาไว้ เผ่ามังกรของเราไม่สามารถมอบให้ผู้ใดได้จริง ๆ”