เบื้องหน้าเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้น ศิษย์พี่รองแห่งสำนักหยางเฟยเอ๋อได้กล่าวขึ้นอย่างกังวลใจ “ท่านอาจารย์ ด้วยความที่หอเมฆาน้ำแข็งเราไม่ได้โอสถใหม่มาเลยในเวลากว่าปีมานี้ ตอนนี้หอเมฆาน้ำแข็งเราจึงมีโอสถเหลือเก็บไว้เพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบของโกดัง!”
เฮ่อเซียงหยุนยิ้มตอบกลับมา “ศิษย์น้อง เจ้าจะกังวลใดไป? เรื่องในทุ่งราบสุดอุดรนี้มีเรื่องใดที่อาจารย์เราจะรับมือไม่ได้?”
ตอนนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนที่นั่งนิ่งได้พูดขึ้นมาบ้าง “หึ! ไอ้เด็กคนนั้นมันคิดว่าแค่มีห้างยอดโอสถหนุนหลังแล้วจะทำอะไรหอเมฆาน้ำแข็งเราได้? ช่างประเมินตัวเองสูงส่งเสียเหลือเกิน! แม้ว่าคนสุดอุดรเราจะเคารพนักหลอมโอสถแต่กู้หงนั้นก็มิใช่คนเดียวในโลกหล้านี่เสียหน่อยที่รู้จักวิชาโอสถ!”
“หึ ๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันเพิ่งเดินทางมาถึงแดนเรา มีหรือที่มันจะเข้าใจความเหนือล้ำของอาจารย์ได้? เฮ่อเซียงหยุนกล่าวเสริม
แต่แท้จริงในใจของนางนั้น นางเองก็ไม่พอใจอย่างมาก
ตัวนางนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวที่อยู่ไม่ห่างจากขั้นสุดแล้ว
เฮ่อเซียงหยุนนั้นได้ยินมาว่าอาจารย์จี้ผู้นั้นมีความสามารถเก่งกาจเหนือคนสามารถหลอมโอสถลาภครองสวรรค์ขั้นเทวะได้
หากนางนั้นเอามันมาได้แล้วการจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ก็คงมิใช่เรื่องยากแล้วมิใช่หรือ?
และร้านโอสถที่ขายโอสถนั้นได้ในทุ่งราบสุดอุดรนั้นมันก็คงมีแค่แห่งเดียวนี้!
ทั้งอย่างนั้นอาจารย์ของนางกลับไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจจนถูกคว่ำบาตร เท่านี้ความหวังใด ๆ ที่นางจะขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์มันก็คงเป็นได้แค่ฝันแล้ว
เฮ่อเซียงหยุนนั้นเข้าใจตัวเองดีว่าอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุดนั้นคงเป็นจุดสูงสุดที่นางจะขึ้นไปได้ด้วยตนเองแล้ว
ส่วนอาณาจักรเทพสวรรค์นั้น มันเป็นสิ่งที่ยากเย็นจนเกินไป
ในเวลากว่าปีมานี้เทพสวรรค์ปิงหยุนได้เดินทางไปทั่วเพื่อหาคู่ค้าใหม่และจนไปตกลงกับเทพสวรรค์หลงหยูแห่งชุมรุ่งอุดรได้ ตกลงเจรจากันว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นจะเป็นคนส่งมอบโอสถนั้นให้แก่ทางหอเมฆาน้ำแข็ง
แม้มันจะยุ่งยากไปหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ถึงขั้นจะหาโอสถมาแทนที่ไม่ได้
คิดมาได้ถึงตรงนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนก็ยิ้มขึ้นมาด้วยใบหน้าโล่งใจ “หึ หากนับเวลาแล้วโอสถชุดแรกมันคงใกล้ส่งมาถึงเต็มที ไม่ต้องกังวลให้มากมายหรอก เป็นทางนางซุนต่างหากที่ข้าสงสัย ไม่ได้ยินข่าว ๆ ใด ๆ ของมันเลย หรือจะเกิดเรื่องร้ายใดขึ้น?”
เฮ่อเซียงหยุนยิ้มตอบกลับมา “อาจารย์ท่านอย่าได้กังวลไป แค่เมืองจักรพรรดินั้นมันจะมีคนเก่งกาจปานใดได้? ข้าว่ามันคงเป็นเพราะศิษย์น้องซุนมันหาคนไม่เจอเสียมากกว่าจึงได้เสียเวลามาจนป่านนี้”
เทพสวรรค์ปิงหยุนเองก็พยักหน้าเห็นด้วยออกมา เพราะหากจะเกิดเรื่องใดขึ้นมันคงเป็นไปได้ยาก
ที่ด้านข้างนั้นใบหน้าของหยางเฟยเอ๋อต้องกระตุกขึ้นมา เพราะหากศิษย์น้องซุนนั้นนำพาเย่หยวนคนรักของลู่เอ๋อมาได้ ศิษย์น้องของนางคงจะต้องถูกบังคับให้ต้องแต่งงานเป็นแน่
ในขณะที่คนทั้งสามกำลังพูดคุยกันไปเทพสวรรค์ปิงหยุนก็รู้สึกได้ถึงพลังงานหนึ่ง เมื่อได้ลองส่งปราณเทวะออกไปดูนางก็พบว่ามีเงาร่างเสมือนของคนผู้หนึ่งยืนรออยู่ในโถงหลัก
เมื่อได้เห็นเงาร่างเสมือนนี้รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพสวรรค์ปิงหยุน
“พี่หลงหยู เป็นอย่างไรบ้าง?! ท่านมาถึงหอเมฆาน้ำแข็งเช่นนี้คงเพราะโอสถชุดแรกใกล้มาถึงแล้วใช่หรือไม่?” ปิงหยุนร้องถาม
เพราะภาพเงาเสมือนนี้มันคือร่างเสี้ยวจิตของเทพสวรรค์หลงหยูนั่นเอง
เทพสวรรค์หลงหยูกล่าวขึ้น “น้องปิงหยุน เทพสวรรค์ผู้นี้มาก็เพื่อจะบอกว่าสัญญาของเราคงไม่อาจสานต่อได้ ส่วนเรื่องเงินมัดจำที่เจ้าจ่ายมาก่อนนั้นเทพสวรรค์ผู้นี้จะคืนให้อย่างเต็มจำนวน เอาล่ะ เทพสวรรค์ผู้นี้ยังมีธุระต่อ ขอตัว!”
“เดี๋ยว พี่หลงหยู…”
แต่เงาร่างของเทพสวรรค์หลงหยูนั้นกลับจางหายไปไม่เหลือร่องรอยใด ไม่คิดสนใจเทพสวรรค์ปิงหยุนใด ๆ อีกทำให้ทางเทพสวรรค์ปิงหยุนต้องยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น
“นี่มัน…. เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เฮ่อเซียงหยุนที่ยังยิ้มตามอาจารย์ของตนได้แต่ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นกลับมาทำสีหน้าราวกับคนใกล้ตายอีกครั้ง ดูท่านี่คงเป็นสีหน้าที่แย่ที่สุดเท่าที่นางเคยมีมาในชีวิต
ตอนที่นางนั้นไปหาเพื่อตกลงกับเทพสวรรค์หลงหยูก่อนหน้านี้ ทางเทพสวรรค์หลงหยูยังตื่นเต้นดีใจอย่างมากที่จะได้ทำสัญญากับนาง
เพราะราคาที่เทพสวรรค์ปิงหยุนมอบให้นั้นมันสุดแสนจะสูงล้ำ
ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายข้อตกลงใด ๆ กับเทพสวรรค์หลงหยูมันกลับถูกทำลายฉีกลงสิ้น
แต่จู่ ๆ มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าห้องโถงใหญ่อีกครั้ง “น้องปิงหยุน เจ้าอยู่หรือไม่?”
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นเบิกตากว้าง “พี่ฉือหยู เชิญเข้ามาก่อนสิ”
นั่นทำให้เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินก้าวเข้ามาภายใน มันคือเทพสวรรค์ฉือหยูนั่นเอง
ในชุมเก้าสายนี้แม้เทพสวรรค์ทั้งเก้าจะต่างทำเรื่องราวของตนไม่สนใจกัน แต่หากจะให้ถามว่าใครสนิทกับใครมันก็เป็นเทพสวรรค์ฉือหยูนี้ที่สนิทสนมกับเทพสวรรค์ปิงหยุนที่สุด
เมื่อเทพสวรรค์ฉือหยูเดินเข้ามาถึงเขาก็กล่าวขึ้น “น้องปิงหยุน เจ้าเองก็ต้องระวังตัวไว้ให้มาก เวลากว่าปีนี้อาจารย์จี้ได้เดินทางไปทั่วทิศเพื่อท้าทายยอดฝีมือจากทุกดินแดน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขานั้นมันดังลั่นสนั่นทุ่งราบสุดอุดรไปแล้ว”
แต่จู่ ๆ เขากลับเห็นได้ว่าสีหน้าและบรรยากาศของคนทั้งหลายในโถงนี้มันดูแปลก ๆ
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นมีใบหน้าซีดขาวราวคนตาย พร้อมด้วยความตื่นตะลึงเต็มใบหน้า
“อะไรหรือ?” เทพสวรรค์ฉือหยูอดถามขึ้นไม่ได้
ปิงหยุนนั้นไม่ได้ตอบกลับใด ๆ มาจึงเป็นหยางเฟยเอ๋อที่กล่าวขึ้นแทนอาจารย์
หยางเฟยเอ๋อหัวเราะแห้ง ๆ ขึ้นมาก่อนจะพูด “ท่านฉือหยูมาช้าไปนิด ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีเทพสวรรค์หลงหยูเพิ่งจะมาบอกล้างยกเลิกสัญญาส่งมอบโอสถที่เคยมีกับหอเมฆาน้ำแข็งเราไป”
เทพสวรรค์ฉือหยูหน้าถอดสีลงตามก่อนจะถอนหายใจยาว “เฮ้อ น้องปิงหยุน เจ้าต้องเปลี่ยนนิสัยนั้นของตนจริง ๆ! อาจารย์จี้นั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำ เป็นคนที่ไม่อาจลบหลู่ได้แม้แต่น้อยจริง ๆ!”
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นกัดฟันแน่นด้วยความแค้น ลมหายใจของนางเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมาภายนอก
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจอมเทพโอสถหกดาวคนหนึ่งมันจะทำให้ทุ่งราบสุดอุดรนี้ยอมสยบลงใต้เท้าได้! เทพสวรรค์ผู้นี้จะเดินทางไปหาเทพสวรรค์เซียวหยูเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อได้ยินเทพสวรรค์ปิงหยุนพูดขึ้นเช่นนั้นทางเทพสวรรค์ฉือหยูก็ถอนหายใจยาวออกมาอีกครา “มันช้าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นานทางชุมวายุไพศาลได้ส่งข่าวมาบอกว่าอาจารย์จี้ได้ไปท้าทายเทพสวรรค์เซียวหยูจนทำให้เทพสวรรค์เซียวหยูพ่ายแพ้ย่อยยับจนถึงขั้นคิดก้มลงกราบอาจารย์จี้นั้นเป็นอาจารย์ไปด้วยอีกคน”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวสีหน้าของคนทั้งโถงก็ซีดขาวลงทันที
“หะ? เทพสวรรค์เซียวหยูเองก็… พ่าย? เขา… เขานั้นเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในเต๋าโอสถของแดนสุดอุดรเราเชียวนะ เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าขั้นกลางมิใช่หรือ!”
คำพูดของเทพสวรรค์ปิงหยุนในเวลานี้มันเปี่ยมไปด้วยความสั่นสะเทือนในน้ำเสียงอย่างชัดเจน
ชุมวายุไพศาลนั้นเป็นแหล่งโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดในทุ่งราบสุดอุดร และเทพสวรรค์เซียวหยูนี้เองก็เป็นยอดคนที่ชาวประชาต่างยอมรับว่าเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่เก่งกาจที่สุดในทุ่งราบสุดอุดร
แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ลงให้แก่จี้ฉิงหยุนคนนั้น!
และนอกจากจะแพ้แล้ว เทพสวรรค์เซียวหยูยังคิดจะกราบจี้ฉิงหยุนเป็นอาจารย์เหมือนดั่งที่เทพสวรรค์กู้หงทำ
แล้วจี้ฉิงหยุนผู้นี้จะต้องเป็นสัตว์ประหลาดระดับใดกัน?
ชุมวายุไพศาลนั้นเป็นที่ที่พ่อของเฟิงเทียนหยางครองอำนาจอยู่
เมื่อสักครู่นี้เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นคิดจะบังคับพาลู่เอ๋อไปยังชุมวายุไพศาลเพื่อเป็นเบี้ยต่อรอง
แต่ได้ยินข่าวนี้แล้วมันกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฝ่าลงกลางหัว
เรื่องราวระหว่างเทพสวรรค์ด้วยกัน มันย่อมไม่มีทางจะจบลงด้วยการแต่งงานของคนรุ่นหลังแน่
ในเวลานี้จี้ฉิงหยุนนั้นเป็นดั่งตะวันเจิดจ้าที่แม้แต่ชุมวายุไพศาลก็ยังต้องไว้หน้า
มีหรือที่พวกเขาจะกล้าไปลบหลู่จี้ฉิงหยุนเพราะลู่เอ๋อน้อย ๆ นี้?
ที่สำคัญเฟิงเทียนหยางนั้นยังมีเมียอีกนับสิบ ๆ เหตุใดต้องมาวางเดินพันหนักหน่วงขนาดนั้นเพื่อช่วยเทพสวรรค์ปิงหยุนด้วย?
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้รับรู้ว่าแม้ทุ่งราบสุดอุดรนี้มันจะกว้างใหญ่ปานใด มันก็ไม่มีที่จะให้นางยืนอีกต่อไปแล้ว!
เทพสวรรค์ฉือหยูได้แต่มองดูเทพสวรรค์ปิงหยุนอย่างเวทนา “น้องปิงหยุน หลังจากอาจารย์จี้เขากลับมาแล้วเจ้าจงก้มหัวขอโทษเขาเสียเถอะ! แม้เขาจะโอหังเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนง่าย ๆ มาก”
เมื่อได้รู้จักกับเย่หยวนในช่วงที่ผ่านมานี้เทพสวรรค์ฉือหยูก็ได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนเป็นคนที่สามารถรับมือได้ง่ายมาก
ตราบเท่าที่ไม่คิดร้ายต่อเขา เขาก็จะมอบโอสถกลับมาให้อย่างมหาศาล
ที่สำคัญกว่านั้นจี้ฉิงหยุนนั้นยังหลอมโอสถได้เหนือล้ำฟ้า
เขานั้นเคยขอโอสถไปชุดหนึ่งและให้ศิษย์ทั้งหลายกินกลืนลงไปจนพวกเขาทั้งหลายนั้นบรรลุขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
ยอดคนระดับนั้นมันจะไปลบหลู่หลุดูถูกได้อย่างไร?
ที่สำคัญกว่านั้นเย่หยวนยังมีไพ่ตายสำคัญนั่นคือเทพสวรรค์กู้หง!
ครั้งนี้เทพสวรรค์กู้หงได้เดินทางติดตามเย่หยวนไปทั่วทุ่งราบสุดอุดร หากพวกเขากลับมาแล้วฝีมือการโอสถของเทพสวรรค์กู้หงมันอาจจะพัฒนาขึ้นอย่างมากล้ำก็ได้!
…………