ในคุกของหอเมฆาน้ำแข็งมันมีแต่ความมืดมิดอับชื้น
ตอนนี้เหล่าศิษย์อาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เฝ้าคุกนี้ต่างกำลังพูดคุยกันไปพร้อมยกสุราดื่มตามประสาคนสุดอุดร
“พวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่? ข่าวที่ว่าหอเมฆาน้ำแข็งเราแตกหักกับทางห้างยอดโอสถแล้ว พวกนั้นตัดขาดโอสถใด ๆ ที่จะส่งมอบมาให้แก่พวกเรา ได้ยินว่าตั้งแต่ที่ปรมาจารย์ท่านกลับมาถึงก็หน้าแดงก่ำอารมณ์ไม่ดี ศิษย์พี่ลี่ที่ไม่รู้เรื่องราวได้ไปทำให้ท่านไม่พอใจจนถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียว!”
“หะ? ตัดขาดโอสถ? เช่นนั้นแล้ววันหน้าเราจะทำอย่างไรกับการบ่มเพาะดีเล่า?”
“ข้าได้ยินว่าเวลานี้ปรมาจารย์ท่านได้ส่งคนไปต่อรองกับทางเทพสวรรค์หลงหยูแห่งชุมรุ่งอุดร คงได้เรื่องอีกไม่นานแหละ แต่อาจารย์จี้ผู้นี้ช่างจะน่ากลัวเสียจริง ๆ ถึงขั้นทำให้เทพสวรรค์กู้หงก้มหัวลงกราบท่านเป็นอาจารย์ได้”
“อาจารย์จี้? อาจารย์จี้ไหนกัน? ชุมเก้าสายเราให้กำเนิดยอดอาจารย์โอสถจี้นี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด?”
“หึ ๆ ศิษย์น้องข้า หลายวันมานี้เจ้าได้แต่ทำหน้าที่เฝ้าคุกคนไม่ได้ออกไปรับรู้เรื่องราวโลกหล้า อาจารย์จี้ท่านนี้มีนามจริงว่าจี้ฉิงหยุน แม้ว่าตัวเขาจะเป็นแค่จอมเทพโอสถหกดาวแต่กลับเก่งกาจเอาชนะเทพสวรรค์กู้หงลงต่อหน้าผู้คน จากนั้นท่านกู้หงยังถึงขั้นทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นเทพสวรรค์ใด ๆ ไปก้มกราบอาจารย์จี้เป็นอาจารย์ด้วย! อ่า จริงด้วย ที่สำคัญคือสุราที่อาจารย์จี้ท่านนี้นำติดตัวมาด้วยมันมีนามว่าสุราสาดตะวันโอบ ตอนนี้คนทั้งหลายต่างแย่งชิงกันซื้อหามันอย่างเอาเป็นเอาตาย!”
“ก-เก่งกาจปานนั้น?”
ศิษย์น้องผู้นั้นได้แต่นั่งฟังอย่างไม่คิดอยากเชื่อสักเท่าใด
เพราะเทพสวรรค์กู้หงนั้นเป็นดั่งเทพตัวแทนแห่งเต๋าโอสถสำหรับนาง
ตอนนี้ตัวตนระดับนั้นกลับไปก้มกราบจอมเทพโอสถหกดาวเป็นอาจารย์ เช่นนั้นแล้วคนผู้นั้นจะเก่งกาจปานใด?
นางนั้นไม่อาจจะจินตนาการถึงได้เลย
ภายในคุกเวลานี้มันได้มีร่างผอมบางแห้งหนึ่งอยู่ เมื่อได้ยินคำว่า ‘จี้ฉิงหยุน’ สามคำนี้นางก็แทบจะลุกขึ้นมากระโดดเต้น
จากนั้นจิตใจของนางมันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
“มาแล้ว! ข้ารู้อยู่แล้ว! รู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่เป็นไร!”
หากเย่หยวนมาอยู่ตรงนี้เขาคงมองออกได้ทันทีว่านี่คือลู่เอ๋อที่ตัวเขาไม่ได้พบเจอมานับพันปี
ในเวลาหลายร้อยปีนี้ลู่เอ๋อต้องทนรับความรันทนอย่างมากมาย
ศิษย์พี่เฮ่อเซียงหยุนนั้นได้มาบอกว่าอาจารย์ของนางได้ส่งศิษย์พี่ซุนไปจับกุมตัวเย่หยวน
เมื่อใดที่ศิษย์พี่ซุนนำพาตัวเย่หยวนกลับมาถึง หากนางยังกล้าไม่ยอมรับเรื่องราวการแต่งงานกับเฟิงเทียนหยาง อาจารย์ของนางก็จะประหารเย่หยวนลงเสีย
ตอนนี้ศิษย์พี่ซุนนั้นก็ได้จากไปหลายสิบปี หากลองคำนวณเวลาดูมันก็คงใกล้จะกลับมาถึงเต็มแก่
ลู่เอ๋อย่อมจะมั่นใจในตัวของนายน้อยนางดี แต่ยิ่งนางได้ลองบ่มเพาะไปมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งได้เข้าใจว่าเส้นทางของนักยุทธมันไม่ง่ายดายเลย
ศิษย์พี่ซุนนางนั้นมีฝีมือติดหนึ่งในห้าของชุมเก้าสาย เพราะตัวนางเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นปลาย
ต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจปานใดแต่มันก็คงยากจะรับมือกับศิษย์พี่ซุนนางนี้!
เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้ลู่เอ๋อจึงไม่อาจจะทำใจบ่มเพาะได้อย่างเต็มอก ไม่มีวันไหนที่นางนอนแล้วจะไม่ฝันร้าย
จนทำให้เวลานี้นางมีสีหน้าท่าทางราวกับคนใกล้ตาย
หากเย่หยวนมาเห็นนางในเวลานี้ตัวเขาคงปวดหัวใจอย่างรวดร้าว
แต่ก่อนหน้านี้เรื่องราวที่เหล่าศิษย์ลำดับสามของหอเมฆาน้ำแข็งกว่ากล่าวคุยกันนั้นมันทำให้นางแทบกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
ตอนนี้ความกังวลที่มีมานับสิบ ๆ ปี ความทรมานใด ๆ มันได้จางหายไปจนสิ้น
แน่นอนว่านายน้อยของนางนั้นต้องไม่มีวันพ่าย!
เขาได้มาช่วยนางแล้ว!
จี้ฉิงหยุนนามนี้ คนอื่นไม่รู้แต่มีหรือที่นางจะไม่รู้จัก?
ที่สำคัญไปกว่านั้นการที่จะทำให้จอมเทพโอสถเจ็ดดาวก้มหัวลงอย่างไม่คิดสนใจเรื่องราวโลกหล้า คนที่จะทำให้เกิดเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้ได้มันจะเป็นใครไปได้นอกจากนายน้อยของนาง?
ตอนนี้ในหัวใจของลู่เอ๋อนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ ความตื่นเต้นและความซาบซึ้ง
ความเจ็บปวดใด ๆ ที่มีบนร่างกายมันได้จางหายไปสิ้น
“ที่แท้นายน้อยท่านก็เก่งกาจปานนี้แล้ว แม้แต่ยอดจอมเทพโอสถเจ็ดดาวอย่างท่านกู้หงยังต้องก้มหัวลงรับเป็นอาจารย์!”
ลู่เอ๋อพูดขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ความตื่นเต้นดีใจที่นางมีนี้มันไม่ได้แค่แสดงออกมาในน้ำเสียง แต่แสดงออกมาอย่างเปี่ยมล้นสีหน้า
นางนั้นรู้ดีว่านายน้อยของตนเก่งกาจ แต่ก็ไม่นึกว่าจะใช้เวลาแค่พันปีนี้ก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้
ตอนนี้แม้แต่เทพสวรรค์ยังต้องมาก้มหัวกราบเขาเป็นอาจารย์
“ป้าใหญ่!”
ลู่เอ๋อที่ได้ยินเสียงพูดนั้นขึ้นมาจากด้านนอกคุกก็รีบเก็บปิดบังความตื่นเต้นดีใจใด ๆ ไว้จนสิ้น
เพราะแม้ว่าลู่เอ๋อจะไม่ฉลาดทันคนสักเท่าไหร่ แต่นางก็ไม่ได้ถึงขั้นโง่
ในเมื่อเย่หยวนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเดินทางมายังทุ่งราบสุดอุดรนี้ มันย่อมจะหมายความว่าตัวเขามีแผนของตัวเขา
หากปล่อยให้คนรู้ไปตอนนี้แล้ว นอกจากมันจะขัดขวางแผนของเย่หยวนมันอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อเย่หยวนด้วยซ้ำ
เฟิงเทียนหยางนั้นเป็นคนที่เกิดมาพร้อมใบหน้าดุดัน เป็นหน้าที่เย่อหยิ่งตามธรรมชาติทำให้คนที่เห็นต้องหวาดผวาไปตาม ๆ กัน
แต่ในหอเมฆาน้ำแข็งนี้ นางเป็นคนที่มีตำแหน่งอาวุโสที่สุดและยังเก่งกาจที่สุดอีกด้วย
เมื่อได้เห็นลู่เอ๋อที่นอนอยู่บนคุก เฟิงเทียนหยางก็ยิ้มออกมา “นางกะหรี่ไม่รักดี ไม่รู้จักว่าอะไรดีไม่ดีต่อตัว! อาจารย์สั่งสอนวิชาให้แก่ตัวเจ้าทั้งยังมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้มากมาย ตอนนี้เจ้ากลับไม่ยอมตอบแทนบุญคุณคิดขู่ฆ่าตัวตายเสียอย่างนั้น”
ลู่เอ๋อที่ได้ยินก็ตอบกลับไป “ศิษย์พี่ อย่าได้กล่าวว่าใด ๆ ให้เปลืองน้ำลายอีกเลย หากท่านอาจารย์สั่งให้ลู่เอ๋อลงสนามรบ ลู่เอ๋อก็ยอมที่จะตายอย่างไม่คิดบ่นว่าใด ๆ แต่คิดจะให้ลู่เอ๋อยอมมอบตัวให้แก่เจ้าขยะเฟิงเทียนหยางนั้น ลู่เอ๋อขอยอมตายเสียดีกว่า!”
เฟิงเทียนหยางได้แต่เบะปากออกมาเมื่อได้ยิน “เฟิงเทียนหยางมันไม่ดีอย่างไรเล่า? มันเองก็เป็นถึงยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทุ่งรายสุดอุดรเรา หากมันชอบใจเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เจ้าจะได้ทรัพยากรบ่มเพาะมหาศาลไปทั้งชีวิตเลยนะ!”
ลู่เอ๋อจึงตอบกลับไป “ศิษย์พี่อย่าได้เสียเวลาอีกเลย คำพูดทั้งหลายนั้นลู่เอ๋อได้ยินจนหูชาแล้ว เจ้าเฟิงเทียนหยางมีนิสัยใจคออย่างไรข้าว่าศิษย์พี่น่าจะรู้ดีกว่าข้าเสียอีกนะ”
เมื่อได้เห็นว่าลู่เอ๋อไม่ยอม เถียงกลับในทุกคำเช่นนั้นเฮ่อเซียงหยุนก็ได้แต่กัดฟันกล่าวขึ้น “หึ! ยังจะมีความหวังใดอีกหรือ? ข้าจะบอกให้ ตอนนี้ศิษย์พี่ซุนของเจ้านั้นได้ส่งข่าวมาว่ากำลังเดินทางกลับมาพร้อมกับเจ้าคนรักของเจ้านั้นแล้ว อย่างเร็วก็สามปี อย่างช้าอาจห้าปี แต่พวกนางทั้งหลายนั้นใกล้จะกลับมาถึงชุมเก้าสายเต็มที”
เฮ่อเซียงหยุนนั้นอยากจะเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของลู่เอ๋อที่ก้มหัวลงขอร้องความเมตตา
แต่นางกลับต้องผิดหวัง
หากเป็นก่อนหน้าแล้วลู่เอ๋อคงกังวลมากแน่
แต่ตอนนี้ที่ลู่เอ๋อได้ยินเรื่องในชุมเก้าสายทั้งยังได้ยินนามของจี้ฉิงหยุนแล้ว มันจะยังมีสิ่งใดให้กังวล?
แต่สีหน้าของลู่เองก็ยังเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาตั้งสติได้และตอบกลับมาด้วยใบหน้าเย็นชา “เช่นนั้นหรือ? ศิษย์พี่ซุนนั้นหายไปตั้งหลายสิบปีไม่เคยคิดส่งข่าวคราว วันนี้กลับจะมาส่งข่าว ศิษย์พี่ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? พูดไปมากกว่านี้ก็เปลืองน้ำลาย หากศิษย์พี่ซุนนำพาตัวนายน้อยข้ากลับมาได้จริง ลู่เอ๋อย่อมจะยอมจำนนแน่แล้ว”
ด้วยข่าวคราวของเย่หยวน ลู่เอ๋อก็ยิ่งจะพูดได้อย่างมั่นใจกว่าเก่า
“เจ้า! นางสารเลว! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้าจริง?” เฮ่อเซียงหยุนร้องขึ้นอย่างเดือดดาล
ลู่เอ๋อนั้นไม่คิดสนใจจะเถียงกับเฮ่อเซียงหยุนอีกและหลับตาทั้งสองลง ไม่สนใจเฮ่อเซียงหยุนอีกต่อไป
“ดี ๆ ๆ! นางสารเลวหัวแข็ง! ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะมีร่างกายแข็งดั่งเหล็กกล้าหรือไม่!”
ด้วยความโกรธของเฮ่อเซียงหยุน นางจึงได้ยิงตราประทับหลายตราออกมาทำให้เกิดสายฟ้าพุ่งทะยานไปทั่วทั้งคุก
ลู่เอ๋อรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งกายด้วยความที่ร่างกายถูกสายฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตี
แต่ลู่เอ๋อผู้หัวรั้นกลับไม่คิดจะส่งเสียงร้องใด ๆ นางได้แต่หุบปากกลบเสียงร้องใด ๆ ไว้ในลำคอ
ในคุกนี้มันติดตั้งไปด้วยค่ายกลห้าสายฟ้า หนึ่งก็เพื่อจะป้องกันนักโทษหลบหนี สองก็เพื่อจะเป็นเครื่องทรมานนักโทษ
ตั้งแต่ที่ลู่เอ๋อถูกขังในคุกนี้มาเฮ่อเซียงหยุนก็มักจะมาทรมานลู่เอ๋อเวลามีเรื่องไม่พอใจใด ๆ จนถึงขั้นที่ลู่เอ๋อไม่อาจจะทนรับความเจ็บปวดต้องร้องลั่นออกมาแล้วเท่านั้นที่นางจะคิดหยุดมือ
แต่ครั้งนี้มันกลับไม่มีท่าทีจะหยุดลง
เมื่อเหล่าศิษย์อาณาจักรนภาสวรรค์ที่ด้านนอกทั้งหลายได้เห็นแสงสายฟ้าส่งวาบขึ้นภายในพวกนางก็รู้ได้ทันทีว่าป้าใหญ่ลู่เอ๋อคงถูกทรมานอีกแล้วจนทำให้พวกนางทั้งหลายหวาดกลัวเงียบปากลงทันที
จนผ่านไปกว่าสองชั่วโมงที่ลู่เอ๋อลงไปนอนกองกับพื้นอย่างไม่อาจส่งเสียงใด ๆ ได้อีกที่เฮ่อเซียงหยุนจึงหยุดมือ “ชิ ๆ ช่างเป็นศิษย์น้องที่น่าสงสารเสียจริง แม้ว่าข้าจะสังหารเจ้าไม่ได้ แต่ได้ทรมานเจ้าทุกวันเช่นนี้มันก็ช่างสะใจนัก ฮ่า ๆ ๆ…”
……………