ขวดโอสถนี้ต่างได้ถูกส่งผ่านมือของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายไปเรื่อย
เมื่อคนหนึ่งตรวจดูเสร็จพวกเขาก็จะเงียบปากลงไม่พูดใด ๆ พร้อมส่งต่อขวดโอสถนั้นไปให้คนถัดไปทันที
ตอนนี้แม้แต่คนที่เย่อหยิ่งเย็นเยือกอย่างเทพสวรรค์ปิงหยุนก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นตกใจสงสัยออกมา
นางนั้นได้แต่คิดในใจว่ามันจะเป็นถึงโอสถขั้นเทวะจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“น้องปิงหยุน เจ้าดูเองเถอะ”
ในหมู่คนทั้งแปดนั้นเทพสวรรค์ฉือหยูเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุด แต่เขาก็ยังต้องถอนหายใจยาวส่งขวดโอสถนี้ต่อไปให้เทพสวรรค์ปิงหยุน
เทพสวรรค์ปิงหยุนได้แต่มองใบหน้าของเขานั้นอย่างสงสัยก่อนจะรับขวดโอสถมาและกล่าวขึ้น “ต่อให้มันจะเป็นขั้นเทวะมันก็คงไม่ถึงกับทำให้พวกท่านทั้งหลายต้องแสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมาหรอกใช่ไหมเล่า? หึ! จะเป็นขั้นเทวะแล้วทำไม มันถึงขั้นที่จะดูถูกพวกเราได้…หรือ?”
นางยังพูดไม่ทันขาดคำจิตของนางก็ได้มองเห็นว่าขวดโอสถนี้มันบรรจุสิ่งใดไว้อยู่
เมื่อพูดมาถึงคำสุดท้าย คำพูดของนางนั้นมันกลับจุกอยู่ที่หลอดลม รู้สึกแห้งผากไปทั้งปากและคอ
“ข-ขั้นเทวะ…วิญญาณไพศาล! น-นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
เทพสวรรค์ปิงหยุนได้แต่จ้องมองดูขวดนั้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา
ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!
ในทุ่งราบสุดอุดรอันกว้างไกลนี้ มันเคยมีโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลด้วยหรือ?
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นไม่มั่นใจนัก แต่นางคิดว่ามันต้องไม่เคยมีปรากฏขึ้นมา!
เพราะไม่ว่าทุ่งราบสุดอุดรนี้มันจะยิ่งใหญ่ปานใด เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายมันก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน
ต่อให้อีกฝ่ายนั้นจะมีพลังเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์กู้หง พวกเขาก็คงไม่ได้ต่างชั้นกันมากมายปานนั้น
อย่าว่าแต่จะหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาล ต่อให้เป็นแค่โอสถขั้นเทวะม่วงพวกเขาทั้งหลายก็คงไม่อาจมีปัญญาหลอมขึ้นได้
หรือต่อให้จะหลอมขั้นเทวะม่วงได้ มันก็คงเป็นแค่โอสถความยากหนึ่งหรือสองเท่านั้น
เพราะความยากของโอสถความยากเก้ามันเหนือล้ำผู้คนจนเกินไป!
แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับสามารถหลอมโอสถระดับนั้นได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลทั้ง ๆ ที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรเทพถ่องแท้?
นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
“เฮ้อ น้องปิงหยุน เจ้าเองก็ใจร้อนจนเกินไป! มีหรือที่น้องกู้หงจะก้มหัวลงกราบคนที่ไม่มีฝีมือใด ๆ เลยได้?” เทพสวรรค์ฉือหยูถอนหายใจยาว
“ฝีมือ? หึ ๆ อาจารย์จี้นั้น… ฝีมือของอาจารย์นี้นั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เราคาดคิดไปมาก!” เทพสวรรค์ซูเจียนร้องหัวเราะขึ้น
“หึ! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็เป็นคนใหญ่คนโตมีคนนับหน้าถือตาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ หากมิใช่เพราะท่านอาจารย์มีเต๋าโอสถที่ข้าได้แต่ต้องเงยหน้ามองมีหรือที่ข้าจะก้มหัวกราบให้ผู้ที่เก่งกาจกว่าตนแค่เล็กน้อย? ปิงหยุน ก่อนเจ้าจะมาเจ้าก็พูดบอกว่าจะพูดจาดี ๆ เทพสวรรค์ผู้นี้จึงได้เห็นแก่หน้าเจ้าให้เจ้าเข้าพบท่านอาจารย์ แต่หลังเดินเข้ามาถึงไม่กี่ก้าวเจ้าก็ดูถูกอาจารย์ข้า เรื่องนี้เทพสวรรค์ผู้นี้คงไม่คิดช่วยใด ๆ เจ้าอีกแล้ว!” เทพสวรรค์กู้หงร้องบอก
การที่เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นดูถูกว่าเย่หยวนมันก็เหมือนเป็นการดูถูกตัวเขาว่าไม่รู้จักเลือกกราบอาจารย์มิใช่หรือ?
ใครมันจะไปโง่เง่าถึงขั้นก้มกราบจอมเทพโอสถหกดาวไร้ฝีมือมาเป็นอาจารย์กัน?
“เรื่องนี้…อาจารย์จี้ ข้า…ข้า…” เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้แต่พูดขึ้นอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้ต้องกล่าวขอโทษอย่างไร
การที่จอมเทพโอสถหกดาวจะเก่งกาจจนถึงขั้นหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้นี้มันย่อมจะทำให้เขากลายเป็นสุดยอดตัวตนเหนือหัวทุกผู้คนในทุ่งราบสุดอุดรนี้
แต่ตัวนางนั้นกลับไปลบหลู่ยอดคนเข้าเสียแล้ว
เป็นเวลานี้เองที่นางได้เข้าใจว่าเย่หยวนสามารถจะสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายอย่างที่ว่าจริง มันมิใช่คำพูดโม้โอ้อวดใด ๆ
ในเมื่อเย่หยวนหลอมโอสถประทับใต้พิภพได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล การจะหลอมโอสถลาภครองสวรรค์ให้ถึงขั้นเทวะเองมันก็คงมิใช่เรื่องยากเย็น
เพียงแค่ว่าสมุนไพรที่ใช้ประกอบโอสถลาภครองสวรรค์นั้นมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วเย่หยวนก็คงสร้างเทพสวรรค์ออกมาดูเล่นได้นับไม่ถ้วนแล้ว
“เทพสวรรค์ปิงหยุน เจ้าไปได้แล้ว โอสถใด ๆ ที่เจ้าคิดขอจี้ผู้นี้จะไม่หลอมมันให้ นอกจากนั้นโอสถใด ๆ ที่ทางหอเมฆาน้ำแข็งเจ้าทำสัญญาซื้อจากห้างยอดโอสถไว้ก็จะถือเป็นโมฆะนับจากวันนี้ไป!” เย่หยวนเปิดปากไล่แขกออกไปทันที
เขานั้นได้แต่หัวเราะเย้ยออกมาอย่างสะใจ ในที่สุดเขาก็จะเริ่มแผนการที่วางไว้ได้เสียที
กล้าปล่อยให้ลู่เอ๋อต้องเจอเรื่องราวเช่นนั้น มีหรือที่จะปล่อยให้เจ้าลอยนวลไปได้?
ตั้งแต่ต้นเย่หยวนก็ไม่เคยคิดจะไปขอให้ทางเทพสวรรค์ปิงหยุนปล่อยตัวนางใด ๆ แล้ว
เพราะมันเป็นแผนที่โง่เกินไป
เขานั้นยิ่งไม่ได้คิดถึงเรื่องจะไปแย่งชิงตัวลู่เอ๋อด้วยกำลัง เพราะหากผลักให้เทพสวรรค์ปิงหยุนนางนี้จนมุมจริง ๆ แล้วนางอาจจะจนมุมถึงขั้นทำร้ายลู่เอ๋อไป
ในเมื่อชื่อเสียงของนักหลอมโอสถในดินแดนนี้มันสูงส่งมากเสียยิ่งกว่าดินแดนอื่น ๆ เช่นนั้นมันจะเป็นการยากใดหากเขาคิดจะใช้วิชาของตนทำให้ทั้งชุมเก้าสายทั้งทุ่งราบสุดอุดรนี้ต้องยอมแพ้ก้มหัวให้แก่ตน?
เพราะไม่ว่าอย่างไรตัวเขานี้ก็ลากคอแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นลงมาก้มกราบตนได้!
เย่หยวนนั้นวางแผนไว้ว่าจะกดดันนางจนต้องยอมแพ้ และให้ตัวนางต้องส่งลู่เอ๋อออกมาอย่างว่าง่าย
“เจ้า! จะรังแกผู้คนจนเกินไปแล้ว!” เมื่อเทพสวรรค์ปิงหยุนได้ยินเช่นนั้นนางก็จะรับได้หรือ? ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนนั้นมันแดงก่ำราวมนุษย์ป้าที่เจอเรื่องไม่ถูกใจ
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นถึงขั้นคิดจะก้มหัวลงขอโทษ ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนกลับขับไล่นางทิ้งอย่างไม่สนใจทั้งยังจะตัดขาดหอเมฆาน้ำแข็งจากโอสถทั้งหลายทั้งสิ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “รังแกผู้คนจนเกินไป? ไม่ว่าข้าจะมองดูอย่างไรมันก็เป็นเจ้าที่หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ”
เทพสวรรค์ฉือหยูที่ได้ยินก็พยายามจะพูดแทรกขึ้นมา “อาจารย์จี้ น้องปิงหยุนนางนั้นแค่…”
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบเขาก็ถูกเย่หยวนขัดขึ้นมา “หากใครคิดช่วยเหลือนาง ในวันหน้าก็อย่าได้มาขอโอสถจากห้างยอดโอสถอีกเลย!”
นั่นทำให้สีหน้าของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องซีดเผือด
พวกเขานั้นได้เห็นวิชาฝีมือของเย่หยวนไปแล้ว แน่นอนว่าแม้พวกเขาทั้งหลายจะไม่ได้เก่งกาจขึ้นทันที แต่มันก็ทำให้พวกเขาได้มีความเข้าใจต่อเต๋าโอสถที่มากขึ้น
มีหรือที่คนเช่นนี้จะเป็นตัวตนที่คิดลบหลู่ก็ลบหลู่ได้?
ต่อให้เป็นเทพสวรรค์ปิงหยุนเอง นางเองก็ยังได้แต่ต้องทนรับการด่าว่าจากเย่หยวน
ซ่งเฉาและพวกที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลได้แต่ต้องยืนตัวสั่น อาจารย์ปู่ของพวกเขานี้จะเหนือล้ำโลกจนเกินไปแล้ว!
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้แต่สูดหายใจเข้าลึกพร้อมกัดฟันแน่น “ได้ ๆ! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็ไม่คิดว่าทุ่งราบสุดอุดรนี้มันจะมีแค่พวกเจ้ากลุ่มเดียวที่เป็นนักหลอมโอสถ!”
พูดจบนางก็สะบัดแขนเสื้อเดินหายไป
“อาจารย์ นี่มัน…” เทพสวรรค์กู้หงเองก็ไม่นึกว่าเย่หยวนจะกลับทำการดุดันอย่างไม่คิดลังเลเช่นนี้
ในทุ่งราบสุดอุดรนี้จอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้นมันไม่ได้มีแค่ตัวเขาผู้เดียว
ได้ยินคำของเทพสวรรค์ปิงหยุนมันย่อมจะหมายความว่านางคงไปหาความช่วยเหลือจากจอมเทพโอสถเจ็ดดาวจากชุมอื่นแน่แล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย “กู้หง จำไว้! ภายใต้ข้าแล้วนักหลอมโอสถเราจะไม่ยอมรับคำพูดดูถูกใด ๆ อีก! และมันมิใช่แค่จี้ผู้นี้เท่านั้น แต่รวมไปถึงตัวเจ้าและพวกซ่งเฉาทั้งหลายด้วย พวกเจ้าต้องพกความมั่นใจในระดับนี้ติดตัวไว้ เข้าใจหรือไม่?”
เทพสวรรค์กู้หงเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงพร้อมก้มหัวลงรับ “ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว”
เย่หยวนพยักหน้ารับพร้อมบอกต่อ “กู้หง จากวันพรุ่งนี้ไปเจ้าเตรียมตัวออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนเหล่าสหายบนเส้นทางเต๋าโอสถทั้งหลายในทุ่งราบกัน”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างก็ขนลุกเกรียว
พระเจ้าช่วย นี่มันการกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งโดยแท้!
หากไม่ยอมรับ ก็ต้องถูกบดขยี้อย่างไม่เหลือซาก!
มันมิใช่แค่ฝีมือของเด็กหนุ่มผู้นี้ที่เก่งกาจ แต่ความมั่นใจและนิสัยของเขานี้ก็เองก็สุดแสนเหนือล้ำ
คนเช่นนี้ต้องห้ามไปลบหลู่อย่างเด็ดขาด
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้แต่นั่งฟังด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน เข้าใจทันว่าเย่หยวนจะเริ่มเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว
“ขอรับท่านอาจารย์!”กู้หงร้องตอบ
แต่ในเวลานี้ตัวเขากลับรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาในหัวใจ
เมื่ออาจารย์ของเขานำทัพเช่นนี้แล้วมันย่อมจะหมายความว่าเป็นโอกาสที่ห้างยอดโอสถนั้นจะกลืนกินทุ่งราบสุดอุดรนี้ลงไปได้
“ฮ่า ๆ อาจารย์จี้ เทพสวรรค์ผู้นี้ก็สนิทรู้จักกับกู้หงมานาน ที่มาครั้งนี้ก็หวังว่าจะขอให้ท่านช่วยหลอมโอสถให้หลายรายการทีเดียว” เทพสวรรค์ฉือหยูกล่าวขึ้นมา
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เรื่องนั้นย่อมจะไม่เป็นปัญหา หากเจ้าต้องการโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกก็จงไปรวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่จะใช้มาแล้วข้าจะเอาโอสถขั้นเทวะส่งมอบกลับไปให้ ส่วนเรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด พวกเจ้ารออีกหน่อย ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานกู้หงจะต้องทำให้พวกเจ้าทั้งหลายตื่นตะลึงได้อย่างแน่”
เมื่อทุกผู้คนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น
เพราะโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั้นมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในทุ่งราบสุดอุดรนี้!
…………………