เมื่อได้หยดน้ำพลังชีวิตมาจากบรรดาพืชศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หลิงตู้ฉิงก็นำพวกมันมาหลอมรวมกันทันทีจนกลายเป็นเป็นของเหลวที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
จากนั้นเขาก็เริ่มปรับแต่งของเหลวที่เพิ่งหลอมรวมอย่างเคร่งเครียด
ในเวลานี้บรรดาผู้คนต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
หลิงตู้ฉิงนั่งปรับแต่งของเหลวในมือของเขาเป็นเวลาถึงครึ่งปี จากนั้นเขาจึงโยนของเหลวไปที่กะโหลกสีขาวที่ลอยอยู่กลางแอ่งพร้อมกับพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าจงกำเนิดขึ้นได้แล้ว!”
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ก่อนที่ของเหลวที่หลิงตู้ฉิงโยนไปมันจะไปถึงกะโหลกสีขาว จู่ ๆ กลับมีพลังงานบางอย่างแผ่ออกจากกะโหลกยับยั้งไม่ให้ของเหลวสัมผัสมันราวกับว่ามันไม่ต้องการสิ่งนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นของเหลวที่หลิงตู้ฉิงปรับแต่งขึ้นกลับร่วงหล่นลงไปในแอ่งผสมกับน้ำสีขาวขุ่นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อกะโหลกสีขาวดูดซับน้ำสีขาวในแอ่งเข้าไปในมัน ซึ่งมันก็เท่ากับว่ามันได้ดูดซับของเหลวที่หลิงตู้ฉิงปรับแต่งขึ้นเข้าไป แค่เพียงช่วงเวลาเพียงอึดใจเดียว กะโหลกก็สั่นอย่างรุนแรงและเริ่มเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นต่อหน้าสายตาของผู้คน น้ำสีขาวในแอ่งก็ม้วนตัวขึ้นไปหลอมรวมเข้ากับกะโหลกสีขาวส่งผลให้เริ่มมีอวัยวะอื่น ๆ งอกออกจากกะโหลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งอวัยวะที่งอกออกมานั้นมันคล้ายกับของมนุษย์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นี้ทั้งหมดมันล้วนเป็นกระดูกสีขาว แม้กระทั่งอวัยวะภายในหรือเส้นเลือดก็ยังมีคุณลักษณะเป็นกระดูก
แต่ในเบ้าตาที่กลวงโบ๋ทั้งสองข้างมันกลับมีดวงไฟสีฟ้าสองดวงลุกโชนอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงตาทั้งสองข้าง
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทำให้บรรดาผู้คนต่างตะลึงจนอ้าปากค้าง
“ในเมื่อเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูก งั้นจะตั้งชื่อให้เจ้าว่า ‘กระดูก’ ก็แล้วกัน และเผ่าพันธุ์ของเจ้า ข้าก็จะต้องชื่อให้ว่าเผ่าพันธุ์กระดูกขาว!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณท่านพ่อผู้สร้าง!” สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งเกิดใหม่ตอบกลับทางวิญญาณ
หลิงตู้ฉิงลูบไปที่ศีรษะของมันและพูดว่า “แรกเริ่มแล้วจริง ๆ เจ้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งความตายล้วน ๆ ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้เจ้าจะต้องเชิญกับจุดจบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงเพิ่มพลังแห่งชีวิตเข้าไปจนในร่างของเจ้าตอนนี้มีพลังทั้งสองแบบรวมกันอยู่ สักวันหนึ่งในอนาคตเมื่อเจ้าสามารถหลุดพ้นจากเส้นกั้นระหว่างพลังแห่งชีวิตและพลังแห่งความตายได้แล้ว เส้นทางของเจ้าจะแจ่มชัดขึ้น”
กระดูกเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นมันตอบกลับทางวิญญาณว่า “ข้าเข้าใจในความหมายของท่านพ่อผู้สร้างแล้ว!”
“แดนกระดูกขาวแห่งนี้คือสถานที่ที่ให้กำเนิดเจ้าและเจ้ามีสิทธิ์เต็มภาคภูมิในที่แห่งนี้ แต่ว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควรจะดำรงอยู่ บรรดาสัตว์ประหลาดทั้งหลายที่มีร่างกาย ข้าอนุญาตให้เจ้านำมาเป็นข้ารับใช้ได้ แต่พวกที่ไม่มีร่างกายทั้งหมดเจ้าจะต้องจัดการกับพวกมันอย่าให้เหลือ! และอีกอย่างนับจากนี้ 1 ล้านปี เจ้าห้ามออกจากที่นี่เป็นอันขาด เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะปรากฏกายให้กับคนทั้งโลกเห็น” หลิงตู้ฉิงเตือนขึ้น
กระดูกพยักหน้าทันทีและพูดว่า “รับทราบ งั้นข้าขอตัวจัดการเหล่าดวงวิญญาณและภูตผีทั้งหมดที่อยู่ในแดนกระดูกขาวตามที่ท่านพ่อผู้สร้างรับสั่ง!”
เมื่อพูดจบ กระดูกกางแขนของมันออกและจากนั้นมันดูดหมอกสีเทาที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งความตายที่อยู่ทั่วแดนกระดูกขาวเข้ามาในร่างของมันส่งผลให้ร่างของมันที่เคยเป็นสีขาวก็กลายเป็นสีโทนขาวเทา
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดว่า “ร่างของเจ้าในตอนนี้หากไม่ใช้อาวุธเต๋า ข้าเกรงว่าคงไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำอันตรายกับเจ้าได้ แต่เจ้าก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ซึ่งก็คือดวงวิญญาณของเจ้าเอง เอาไว้หลังจากนี้เมื่อข้าควบแน่นพลังวิญญาณบริสุทธิ์จากเหล่าวิญญาณร้ายเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะแบ่งผลึกพลังวิญญาณให้เจ้าครึ่งหนึ่ง”
“ขอบคุณท่านพ่อผู้สร้าง!” กระดูกพยักหน้า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาหันไปพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกเจ้าทุกคนจงแยกย้ายกันไปจัดกับเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายให้หมดและอย่าลืมชำระล้างพวกมันให้เหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย ข้าต้องควบแน่นพวกมันให้กลายเป็นผลึกพลังวิญญาณ ส่วนบรรดาสัตว์ประหลาดพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวพวกมัน นับจากนี้พวกมันจะช่วยพวกเราในการกวาดล้างแดนกระดูกขาวทั้งหมด”
หลังจากนั้นกองทัพพันธมิตรก็ดำเนินการกวาดล้างแดนกระดูกขาวต่อ ซึ่งคราวนี้พวกเขารุกคืบได้เร็วขึ้นมากเพราะพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าสัตว์ประหลาดมากมายที่เป็นข้ารับใช้ของกระดูก
แต่ในระหว่างที่คนส่วนใหญ่กำลังตั้งใจกับการสู้รบ บางคนกลับรู้สึกสับสนอยู่ในใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหลิงไช่หยุน ซึ่งทนไม่ไหวจนต้องมาหาหลิงตู้ฉิง และถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน “ท่านพ่อ ไอ้เจ้าสิ่งมีชีวิตนั่นข้าควรนับว่าเขาเป็นน้องชายข้ารึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดว่า “จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ พ่อแค่มอบส่วนหนึ่งของพลังชีวิตของพ่อให้กับเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขากำเนิดขึ้นได้นั้นคือสภาพแวดล้อมที่พิเศษของแดนกระดูกขาวรวมไปถึงโชคของเขาเอง แต่จะว่าไปแดนกระดูกขาวเริ่มแรกนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของพ่อ ดังนั้นหากเจ้าจะเรียกเขาว่าน้องชายมันก็คงไม่ผิดหรอก”
“ถ้างั้นนับจากนี้ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายก็แล้วกัน!” หลิงไช่หยุนหัวเราะ
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
ดูเหมือนว่าบางสิ่งบางอย่างมันคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สินะ…แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อข้าเลือกชีวิตนี้ของข้าให้เป็นแบบนี้มันก็เป็นสิ่งที่ข้าต้องยอมรับ…
หลิงตู้ฉิงสามารถยับยั้งการกำเนิดของเผ่าพันธุ์ใหม่นี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในเมื่อชีวิตนี้เขาบ่มเพาะเต๋าแห่งอารมณ์ ดังนั้นเขาจะสามารถทำลายเผ่าพันธุ์ทั้งเผ่าพันธุ์ได้ยังไง?
แน่นอนว่าการที่เขาให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ใหม่แบบนี้เขาย่อมต้องจ่ายราคาออกไปอย่างมหาศาล แต่ว่าราคาที่เขาจ่ายไปนั้นมันคงไม่มีใครเห็นนอกซะจากมี่ไลและหยิงหยิงที่คงจะจับได้ทันทีเมื่อเห็นร่างของเขา
ด้วยการช่วยเหลือของกระดูก การกวาดล้างแดนกระดูกขาวจึงเป็นไปได้อย่างง่ายดายมาก และเพียงเวลาแค่ 1 ปีผ่านไปแดนกระดูกขาวทั้งหมดก็ไร้ซึ่งอันตรายจากเหล่าภูตผีและวิญญาณร้าย
แต่ถึงแม้ว่าภารกิจกวาดล้างแดนกระดูกขาวงจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ความเสียหายที่กองทัพพันธมิตรได้รับนั้นไม่ใช่น้อย ๆ เอาแค่กองทัพของภูเขาฟีนิกซ์เพียงอย่างเดียวที่ในตอนนี้มีจำนวน 10 ล้านนาย ตอนนี้พวกเขาเหลือไม่ถึง 6 ล้านนาย แต่ถึงแม้จะเหลือแค่เพียง 6 ล้าน แต่ด้วยประสบการณ์การสู้รบที่พวกเขาเผชิญมามันจึงหล่อหลอมทำให้พวกเขาทุกคนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าตอนเริ่มต้นแบบเป็นคนละคน
ทางด้านของกองทัพมังกรของหลิงว่านจุนก็เสียหายไม่น้อยเช่นกัน เขาเสียทหารไปถึงหนึ่งในสิบส่วน ซึ่งเท่ากับ 50,000 นาย ต้องไม่ลืมว่ากองทัพมังกรทุกคนคือทหารชั้นหัวกะทิของกะทิอีกที ดังนั้นการที่พวกเขาเสียทหารไปถึง 50,000 นายในเวลาเพียงแค่ปีกว่ามันจึงเป็นเรื่องที่น่าใจหาย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความสูญเสียจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่หลิงว่านจุนก็ไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขาเพราะถึงแม้ว่าเหล่าทหารของเขาจะตายไปหนึ่งในสิบส่วน แต่เก้าส่วนที่เหลือรอดอยู่กลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ส่วนทางด้านของคนสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์และกองกำลังอื่น ๆ ที่มาช่วย พวกเขาเองก็เสียหายกันอย่างหนักเช่นกัน
หลิงตู้ฉิงกวาดตามองไปที่เหล่าผู้คนที่มาช่วยเขาร่วมรบ และพูดขึ้นด้วยเสียงก้องกังวานว่า “หลังจากจัดการเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายที่อยู่ที่แดนกระดูกขาวได้ทั้งหมด ข้าควบแน่นก้อนผลึกพลังวิญญาณขั้นสูงสุดได้ 130,000 ก้อน ซึ่งข้าจะแบ่งมันให้กับพวกเจ้าทั้งหมด และตามที่ข้าได้ตกลงเอาไว้จำนวนครึ่งหนึ่งจะเป็นของกระดูก ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นของพวกเจ้า”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงมอบผลึกพลังวิญญาณให้กับกระดูกเป็นจำนวน 65,000 ก้อน ซึ่งกระดูกเองเมื่อได้รับก้อนผลึกพลังวิญญาณมา มันก็แบ่งก้อนผลึกพลังวิญญาณให้กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่เป็นข้ารับใช้ของมัน
หลังจากที่เหล่าสัตว์ประหลาดใช้ก้อนผลึกพลังวิญญาณ พวกมันก็เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจว่ากระดูกจะตัดสินใจยังไง เขาหันไปมองทุกคนอีกครั้งและพูดว่า “ในกระบวนการทั้งหลายที่ทำร่วมกัน สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์และเหล่านักบวชจากอี้ซางทำผลงานได้เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นข้าจะมอบก้อนผลึกพลังวิญญาณให้ฝ่ายละ 15,000 ก้อน ส่วนภูเขาฟีนิกซ์ที่สูญเสียคนไปเยอะที่สุด ข้าแบ่งก้อนผลึกพลังวิญญาณให้ 20,000 ก้อน และที่เหลืออีก 15,000 ก้อน ข้าจะมอบให้พวกเจ้าที่เหลือเอาไปแบ่งเท่า ๆ กัน”