คนของภูเขาฟีนิกซ์ล้มตายไปมากมาย ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ส่วนแบ่งเป็นก้อนผลึกพลังวิญญาณ 20,000 ก้อน เหล่าผู้คนจึงไม่มีใครติดใจอะไร
ส่วนสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์และเหล่านักบวชของภูมิภาคอี้ซางนั้นก็รับหน้าที่ชำระล้างวิญญาณร้ายจำนวนมหาศาลจนเหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด ซึ่งการกระทำพวกเขานับได้ว่าเป็นบทบาทใหญ่ ดังนั้นจึงยิ่งไม่มีใครว่าอะไรพวกเขาที่พวกเขาได้ส่วนแบ่งไปฝั่งละ 15,000 ก้อน
ดังนั้นทุกอย่างจึงจบลงที่ก้อนผลึกพลังวิญญาณอีก 15,000 ก้อน กลายเป็นทุกคนที่เหลือมาแบ่งพวกมันไปเท่า ๆ กัน
ถึงแม้ว่าภูเขาฟีนิกซ์จะเสียทหารไปเกือบครึ่ง แต่พวกเขาเองก็ยังคงรู้สึกดีใจเพราะตอนนี้พวกเขาได้ขจัดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาไปได้แล้ว ซึ่งมันทำให้นับจากนี้พวกเขาสามารถยกทัพออกไปไหนต่อไหนได้ตามใจนึก
หวงซีพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “สามี หลังจากที่พวกข้ากลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์และพักรักษาตัวเสร็จ ข้าจะนำทัพออกไปช่วยยี่เทียนยึดอาณาเขตทันที!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เรื่องนั้นเจ้าสามารถส่งคนไปคุยกับยี่เทียนได้เลย ข้าเองยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ”
แน่นอนว่าภารกิจของเขาต่อไปคือการไปล่าตัวผู้ส่งสาสน์ที่ลงมาจากโลกเบื้องบนทั้งหมดเพื่อล่าเต๋าของพวกเขาเอามาให้ทุกคนในครอบครัวเอามาใช้บ่มเพาะ
หลังจากทุกคนกลับไปถึงภูเขาฟีนิกซ์ พวกเขาใช้ประตูเคลื่อนย้ายของภูเขาฟีนิกซ์เดินทางกลับไปที่อาณาจักรจันทราทันที ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีคนเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยก้อนผลึกพลังวิญญาณขั้นสูงสุดจำนวนมากที่พวกเขารับมามันจึงไม่มีปัญหาในการแบ่งออกไปจ่ายเป็นค่าพลังงานของประตูเคลื่อนย้าย
เมื่อกลับไปถึงอาณาจักรจันทรา หลิงตู้ฉิงก็เห็นกระต่ายน้อยที่ยังคงอยู่ในอุ้งเท้าของง้าวพินาศเทวะทันที ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดขึ้นว่า “อสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญงั้นเหรอ? ดีเลยข้ากำลังต้องการเต๋าอยู่พอดีถึงแม้ว่าคุณภาพมันจะห่วยไปสักหน่อยแต่มันก็พอที่จะทำให้ใครสักคนกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า!”
มี่ไล เมื่อสัมผัสได้ว่าหลิงตู้ฉิงกลับมาแล้วนางจึงรีบเดินออกมาหาเขาทันที แต่เมื่อนางมองไปที่ร่างกายของเขา คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแน่นก่อนที่จะถามขึ้นว่า “ทำไมพลังชีวิตของท่านถึงลดลงไปแบบนี้!?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “บังเอิญว่าที่แดนกระดูกขาวกำลังมีเผ่าพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดขึ้น ข้าเลยแบ่งไปให้กับมันเพื่อทำให้เผ่าพันธุ์ของมันสมบูรณ์!”
มี่ไลตวาดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท่านไม่คิดจะถามพวกข้าก่อนบ้างรึไง?”
จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“นั่นสิ มันเป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นเช่นกัน
มี่ไลจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “พวกเจ้าไม่เอะใจกันบ้างเหรอว่าทำไมพวกเราถึงไม่ท้องกันสักที เหตุผลที่พวกเราไม่ท้องก็เพราะพลังชีวิตในการให้กำเนิดของเขามันแทบไม่มีอยู่เลยในตอนแรก แต่เมื่อเขาบ่มเพาะเต๋าอารมณ์ไปเรื่อย ๆ พลังแห่งการให้กำเนิดมันก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับอย่างช้า ๆ ซึ่งข้าเองก็เฝ้ารอดูมันอยู่ตลอดเพื่อหวังว่าสักวันเขาจะพร้อมให้กำเนิดบุตรกับพวกเราสักคน และจากนั้นพวกเราค่อยมาตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้ให้กำเนิดลูกของเขา แต่ตอนนี้เขากลับเอาพลังนั้นมอบให้กับตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้นพวกเราทั้งหมดเลิกฝันว่าจะมีลูกกับเขาได้เลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แน่นอนว่าบรรดาภรรยาของเขาทั้งหมดเริ่มบ่นกันในทันที
พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานเกือบ 1,000 ปีแล้ว ซึ่งความฝันของพวกนางทุกคนล้วนมีเพียงอย่างเดียวคือการให้กำเนิดบุตรของหลิงตู้ฉิง แต่ตอนนี้จากคำพูดของมี่ไลมันดูเหมือนฝันของพวกนางได้พังทลายไปหมดเรียบร้อย
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจว่า “เอาน่า ไม่ใช่ว่าข้าจะฟื้นฟูพลังแห่งการให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ไม่ได้สักหน่อย พวกเจ้าก็แค่ต้องรอกันต่อไปเท่านั้นเอง พวกเจ้าจะบ่นกันให้เหนื่อยทำไม”
มี่ไลกลอกตาและพูดว่า “พวกข้าต้องบ่นสิ ในอนาคตเมื่อท่านกลายเป็นตัวตนนิรันดร์ ท่านก็มีหน้าที่ต้องให้กำเนิดสรรพสิ่งมากมาย เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะให้กำเนิดบุตรกับพวกข้าได้ยังไง!”
เนื่องจากนางมีความรู้หลายอย่าง ดังนั้นความกังวลใจของนางจึงมีมากกว่าคนอื่น ๆ
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “เชื่อข้าสิมันมีโอกาสแน่นอน พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมันมีโอกาสแน่ ๆ เอาล่ะตอนนี้เอาเรื่องนี้ไว้ก่อน ให้ข้าได้ดูหน่อยว่าเต๋าของไอ้เจ้าอสูรตนนี้มันเป็นเต๋าอะไร ข้าจะได้ตัดสินใจได้ว่าใครเหมาะกับมัน”
ถึงแม้ว่าบรรดาภรรยาของเขาจะไม่พอใจ แต่ในเมื่อหลิงตู้ฉิงพูดแบบนี้แล้วพวกนางจะบ่นต่อไปได้ยังไงอีก?
หลิงตู้ฉิงเดินไปหากระต่ายน้อยที่อยู่ในอุ้งเท้าของง้าวพินาศเทวะ จากนั้นเขามองสำรวจมันสักพักและพูดว่า “เต๋าแห่งธาตุโลหะ น่าเสียดายไม่มีใครในพวกเราใช้มันได้เลย”
“ถ้างั้นข้าจะบี้มันให้จมดินล่ะนะ!” ง้าวเทวะพินาศเอ่ยขึ้นด้วยสิหน้าเหนื่อยหน่าย
“เดี๋ยวก่อน! มันน่าเสียดายเกินไปที่จะฆ่ามันทั้งแบบนี้ เดี๋ยวเจ้าจงช่วยข้าดึงเอาเต๋าธาตุโลหะของมันออกมาเพื่อที่ข้าจะได้เก็บมันเอาไว้ก่อนเผื่อในอนาคตข้าอาจจะสามารถเอาไปให้คนอื่นได้ รวมไปถึงดวงวิญญาณของมันข้าก็จะควบแน่นให้กลายเป็นผลึกพลังวิญญาณ ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นอสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ พวกเราคงได้ผลึกมาไม่น้อย” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
ในเวลานี้เสี่ยวจินหู่รู้แล้วว่าหมาสีทองที่เหยียบมันอยู่เป็นใคร ที่แท้มันก็คือง้าวเทวะพินาศผู้โด่งดังในอดีต ซึ่งแม้แต่เหล่าจักรพรรดิเทพยังต้องขยาดเมื่อเห็นมัน!
ถ้าหากว่ามันรู้มาก่อนว่าง้าวเทวะพินาศอยู่ในโลกเบื้องล่างด้วยต่อให้ตายมันก็ไม่ยอมลงมา!
แน่นอนว่าตอนนี้เมื่อมันตกอยู่ในอุ้งเท้าของง้าวเทวะพินาศแบบนี้แล้วมันก็รู้ตัวดีว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัน
จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของง้าวเทวะพินาศ หลิงตู้ฉิงก็สามารถดึงเต๋าและควบแน่นผลึกพลังวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นง้าวเทวะพินาศก็ใช้กรงเล็บในอุ้งเท่าของมันแยกร่างของอสูรเสือออกเป็นชิ้น ๆ และปล่อยให้หลิงตู้ฉิงจัดการเก็บกระดูกและนำเนื้อไปย่างมาให้ทุกคนกิน
หลิงตู้ฉิงมองดูที่เนื้อจำนวนมหาศาลที่ได้มาด้วยรอยยิ้มขมขื่น จากนั้นเขาพูดว่า “เรื่องย่างมันคงต้องรอให้ข้าส่งคนไปตามไช่หยุนมาที่นี่ก่อน เพราะตอนนี้มีแต่พลังเพลิงของนางเท่านั้นที่สามารถย่างเนื้ออสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญได้ ยี่เทียน เจ้าจงเอาเนื้ออสูรเสือจำนวน 10,000 กิโลกรัมไปให้กับเก๋าหยู หลังจากกินมันหมดเขาน่าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ แต่อย่าลืมเตือนให้เขาค่อย ๆ กินทีละน้อย ๆ เพราะนี่คือเนื้อของอสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ พลังที่อัดแน่นอยู่ในเนื้อของมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะย่อยได้ง่าย ๆ”
“รับทราบท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า
“ว่านจุน พ่อจะเบ่งเนื้อให้เจ้า 50,000 กิโลกรัมเพื่อให้เจ้าเอาไปแบ่งให้กับกองทัพมังกรของเจ้า!” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงว่านจุน “แต่เจ้าต้องย้ำกับเหล่าทหารของเจ้าว่าพวกเขากินได้แค่ครั้งละ 1 คำเท่านั้น จากนั้นพวกเขาต้องบ่มเพาะเพื่อดูดซับพลังมันให้หมดก่อนจากนั้นค่อยกินเพิ่ม หลิงอู่ ซวนหยวน ข้าจะแบ่งเนื้อให้พวกเจ้า 10,000 กิโลกรัม พวกเจ้าทั้งคู่จงไปแบ่งกันเอาเอง อ๋อ เดี๋ยวข้าจะแบ่งกระดูกของมันให้กับพวกเจ้าคนละชิ้นด้วย”
ซวนหยวนและกวนหลิงอู่ต่างแสดงสีหน้าเบิกบานกันในทันที กระดูก 1 ชิ้นมันเท่ากับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ 1 ชิ้น ถ้าหากพวกเขานำมันไปสร้างเป็นอาวุธแถมยังมีเนื้ออีกคนละ 5,000 กิโลกรัม ซึ่งถ้าพวกเขากินหมดเมื่อไหร่ในอนาคตร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกระดับ!
หลังจากแบ่งเนื้อเสร็จเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็รอการมาของหลิงไช่หยุน เพื่อที่เขาจะได้ใช้เพลิงของนางในการย่างเนื้อให้กับคนในครอบครัวกินรวมไปถึงง้าวเทวะพินาศด้วยเช่นกัน
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังยินดีกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ จู่ ๆ ปรากฏการณ์ฝนทองคำก็บังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับดอกบัวสีทองก็เบ่งบานขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งปรากฏการณ์นี้สำหรับคนที่คุ้นชิ้นแล้วพวกเราเขาจะทราบได้เป็นอย่างดีว่ามันคือปรากฏการณ์ของการปรากฏตัวของผู้สำเร็จเต๋าคนที่ 4 ของยุคนี้!
“ใครกันที่เป็นผู้สำเร็จเต๋าคนล่าสุด?” ทุกคนต่างมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในใจ