ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 800 เยี่ยนจ้าวเกอผู้โด่งดัง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ลูกศิษย์ขององค์ประมุขทักษิณ หลิวเซี่ยนถิงหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอทวนชื่อนี้อีกรอบ

มู่จวินพยักหน้า เอ่ยว่า “ข้าเคยพบนางแค่ครั้งเดียว เมื่อสามสิบปีก่อน แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน”

เว้นครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อว่า “หลายปีมานี้ไม่เคยได้ยินข่าวของนางเพิ่ม และไม่เคยได้ยินว่านางออกเดินทาง ใช่ยังอยู่ที่เนินต้นจักรพรรดิหรือไม่ก็ยังไม่อาจยืนยัน ข้ารู้เรื่องเกี่ยวกับหลิวเซี่ยนถิงจำกัดนัก”

“ใต้หล้ากว้างใหญ่ ผู้คนไม่ได้มีแค่ล้านคน คนที่คล้ายกันก็มีให้เห็นไม่น้อย หลายๆ คนก็ไม่ใช่ญาติที่เกี่ยวพันทางสายเลือดด้วย ดังนั้นข้าจึงไม่กล้ายืนยันว่า นางกับคนที่ท่านกับศิษย์น้องถังพูด เกี่ยวข้องกันจริงๆ หรือไม่

“แต่หากเชื่อมโยงกับเรื่องที่นางถูกจวงเจาฮุยพาตัวไปอย่างไร้สาเหตุ ข้ารู้สึกว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน”

มู่จวินพูดพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง

ถังหย่งฮ่าวจะต้องอยากให้เขาโถงทองหาวิธีช่วยเหลือเมิ่งหวานแน่นอน

เพียงแต่กระดูกหงส์เพลิงของเขาถูกเขตเพลิงทักษิณหมายตา เรื่องนี้จึงไม่อาจสอดปากได้มากนัก ได้แต่ฟังคำสั่งจากสำนักในตอนนี้

หากต้องการให้มู่จวินตัดสินใจ เขาจะต้องไม่ยอมให้มีกิ่งขึ้นบนข้อแน่นอน

ในตอนที่เขาโถงทองเจรจากับเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์เกี่ยวกับเรื่องกระดูกหงส์เพลิง พวกเขาจะเป็นต่ออย่างมาก

เยี่ยนจ้าวเกอเงียบงัน ‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยเมิ่งหวานที่ถูกจวงเจาฮุยพาไปก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต’

“ที่จวงเจาฮุยพานางไป ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกระดูกหงส์เพลิง”

มู่จวินว่า “ถ้าหากคนรู้จักของท่านกับศิษย์น้องถังเกี่ยวข้องกับหลิวเซี่ยนถิงจริงๆ ล่ะก็”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเชื่องช้า

มีโอกาสจวงเจาฮุยที่จะจำคนผิด

ตามคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่จวิน คนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันแต่ไม่เกี่ยวข้องกันก็มีอยู่ไม่น้อย เมิ่งหวานหน้าเหมือนกับหลิวเซี่ยนถิง แต่ก็อาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้

หลังจากบอกลามู่จวินออกมาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็พบกับพวกเฟิงอวิ๋นเซิง จากนั้นก็บอกเล่าเรื่องราว

“นี่เป็นเบาะแสอย่างหนึ่ง” เมื่อเล่าจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยว่า “สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเมิ่งหวานยังคงไม่ชัดเจน”

เขาแบมือ “อย่างเช่นว่า สมมติมารดาของเมิ่งหวานเป็นหลิวเซี่ยนถิงจริงๆ เช่นนั้นบิดาของนางเป็นใคร?”

เฟิงอวิ๋นเซิงนวดขมับ “ตอนนี้ข้าหวังเพียงว่าจวงเจาฮุยจะปฏิบัติกับนางอย่างดี”

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ถ้าหากว่ามู่จวินไม่ได้นึกถึงหลิวเซี่ยนถิง ลูกศิษย์ของเนินต้นจักรพรรดิตามหน้าตาของเมิ่งหวาน เช่นนั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่”

“ต่อให้เมิ่งหวานไม่เกี่ยวข้องกับหลิวเซี่ยนถิง เป็นจวงเจาฮุยจำคนผิด เมิ่งหวานก็ไม่น่ามีอันตรายถึงชีวิต อย่างมากก็แค่ถูกเค้นข้อมูลเกี่ยวกับข้า เกี่ยวกับสำนัก เกี่ยวกับมงกุฎจันทรา และโลกแปดพิภพ”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า

ชายหนุ่มมองเยี่ยนตี๋ “ตามคำบอกเล่าของเสี่ยวอ้าย ท่านแม่เหมือนจะซ่อนตัวจากศัตรู พวกเราเองก็ไม่ทราบว่าคนที่หาเรื่องนางเป็นใคร เพื่อปกปิดร่องรอย ข้าจึงไม่ได้สอบถามข่าวของนางจากคนของเขาโถงทอง”

เยี่ยนตี๋ว่า “เจ้าทำถูกต้องแล้ว”

เขากวาดมองสภาพแวดล้อมของเขาโถงทอง เอ่ยว่า “การเดินทางมาเขาโถงทองในครั้งนี้ พวกเราได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว

“ต่อจากนี้ข้าจะกลับทะเลหวงเจีย ส่วนเจ้าก็ไปจัดการการเดินทางตามใจเจ้า”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พูดว่า “ท่านพ่อวางใจเถอะ หลุมดำก้นทะเลในดินแดนสุทธทัศน์จะหายไปเมื่อไหร่ พวกคังผิงจะหลุดออกมาตอนไหน ข้าพอจะมั่นใจแล้ว”

หลังจากเขาบอกลาเยี่ยนตี๋ จากนั้นก็พักอยู่ที่เขาโถงทองสองวัน ทำความรู้จักกับคนของที่นี่จนคุ้ยเคย

เวลาว่างก็สืบหาข้อมูลว่าในอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์ มีตรงไหนบ้างที่มีต้นอัคคีสวรรค์ขึ้น

นอกจากเยี่ยนตี๋แล้ว เขาโถงทองยังได้ส่งยอดฝีมือจำนวนมากออกจากเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตก เพื่อเดินทางไปยังทะเลหวงเจียตามที่คาดไว้

ที่นั่นเป็นแนวหน้าที่เขตตะวันอาคเนย์กับเขตเพลิงทักษิณจะปะทะกัน เกี่ยวกับเรื่องกระดูกหงส์เพลิง สองฝ่ายยังมีสิ่งที่ต้องช่วงชิง พวกจวงเจาฮุยไม่ยอมถอfใจง่ายๆ

หลายวันต่อมา พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็บอกลาประมุขอาคเนย์เพื่อออกเดินทาง ผละจากเขาโถงทอง

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกล่าว “เสี่ยวอ้าย ต่อจากนี้ต้องพึ่งพาม้าแก่ชำนาญทางอย่างเจ้าแล้ว”

เสี่ยวอ้ายพูดอย่างจริงจัง “คุณชาย เป็นม้าสาวต่างหาก”

ตามคำบอกเล่าของเสี่ยวอ้าย เส้นทางที่เสี่ยวชูฉิงเคยผ่านเมื่อครั้งอดีต กระจัดกระจายอยู่ทุกที่

ยังไม่พูดถึงที่ที่นางเคยไปคนเดียว แค่ที่ที่เสี่ยวอ้ายร่วมทางด้วยก็มีอยู่มากมายแล้ว

ในจำนวนนี้ไม่ได้มีแค่สถานที่บนโลกซ้อนโลกเท่านั้น ยังรวมถึงมิติต่างแดนจำนวนหนึ่งด้วย เสี่ยวอ้ายถึงกับเคยลงไปยังโลกเบื้องล่างใบหนึ่งกับนาง ก่อนจะกลับขึ้นมา

สุสานจักรพรรดิประกายกาฬเป็นสถานที่หนึ่ง ด้านในเขตตะวันอาคเนย์ยังมีอีกหลายที่

มีบางแห่งถึงขั้นอยู่ที่ทิศใต้ของทะเลหวงเจีย ไม่ไกลจากทะเลหวงเจียมากนัก

พวกเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางออกจากเขาโถงทอง ค้นหาแต่ละที่จากใกล้ไปไกล

น่าเสียดายที่สถานที่เหล่านี้ไม่ได้เหลือเบาะแสอะไรไว้

ความจริงแล้วเป้าหมายที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจที่สุด ก็คือเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลาง

ความรู้สึกบอกกับเขาว่า มารดาของตนเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมาจากที่นั่น และสามารถตามหาเบาะแสที่คู่ควรได้จากที่แห่งนั้น

แต่ข้อแรกเป็นเพราะไกลเกินไป ข้อสองเป็นเพราะที่นั่นมีสภาพแวดล้อมซับซ้อน ตอนนี้เสวี่ยชูฉิงอาจจะโดยคนไล่ตามจับ ตนเอาตัวเองไปส่งถึงที่ ไม่แน่ว่าจะตรงตามความปรารถนาของพวกเขาพอดี

หลังจากครุ่นคิด เยี่ยนจ้าวเกอก็ละทิ้งความคิดที่ดึงดูดความสนใจมากนี้

“คุณชาย หากเดินทางอีกสักพัก ก็สมควรถึงหมู่เกาะอาทิตย์ตกแล้วกระมัง?” อาหู่ใช้มือป้องตา มองออกไปไกล

เยี่ยนจ้าวเกอในมือถือเนื้อเสียบไม้ นั่งบนหลังพ่านพ่าน ทางหนึ่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ทางหนึ่งกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “หากพูดให้ถูกต้อง พวกเราอยู่ในอาณาเขตของหมู่เกาะอาทิตย์ตกแล้ว”

พวกเขาเดี๋ยวเดินทางเดี๋ยวหยุดเป็นเวลาครึ่งปีกว่าๆ

ขณะเดินทางก็ไม่ได้ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ต่างคนต่างฝึกฝนไปด้วย

พ่านพ่านตื่นจากการหลับลึก หลอมเปลี่ยนหัวใจปีศาจและเลือดปีศาจของเทาเที่ยสำเร็จแล้ว

หมู่เกาะอาทิตย์ตกอยู่ที่มุมหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเขตตะวันอาคเนย์ หากมุ่งหน้าไปทางเหนือโดยเบนไปทางตะวันตกเล็กน้อย จะพบกับทะเลหวงเจียที่อยู่ติดกัน

ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในน่านน้ำทางตะวันตกของเขตตะวันอาคเนย์ แม้จะบอกว่าเป็นหมู่เกาะ แต่ความจริงแล้วมีพื้นที่ใหญ่มาก เหมือนกับแผ่นดินเล็กๆ หลายผืนมาเบียดอยู่ด้วยกัน

ในเขตของหมู่เกาะอาทิตย์ตก แผ่นดินกินพื้นที่มากกว่าท้องทะเล

ตามคำพูดของเสี่ยวอ้าย เสวี่ยชูฉิงเคยพักอยู่บนหมู่เกาะนี้ระยะหนึ่ง

หากเดินทางจากที่นี่ไปยังทางตะวันออกเฉียงใต้ จะถือว่าขึ้นสู่แผ่นดินอย่างเป็นทางการ มีเทือกเขาอาทิตย์หยกตั้งตระหง่าน ด้านในมีต้นอัคคีสวรรค์ขึ้นอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมหาที่พักเก่าของมารดาก่อน จากนั้นค่อยตรวสอบความเกี่ยวข้องระหว่างต้นไม้อัคคีสวรรค์กับโอสถทองโอบอุ้มที่เทือกเขาอาทิตย์หยก

“นายหญิงน้อย ฝีมือการทำอาหารของท่านยอดเยี่ยมยิ่ง!” เสี่ยวอ้ายยามนี้นั่งอยู่ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ กางสองมืออกซ้ายขวา ในมือแต่ละข้างมีตะเกียบอยู่ด้านละแท่ง รับประทานอย่างเบิกบาน

เฟิงอวิ๋นเซิงในมือก็ถือตะเกียบคู่หนึ่งอยู่เช่นกัน รับประทานพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชอบก็ประเสริฐแล้ว”

ตรงหน้านางมีหม้อใหญ่ใบหนึ่งลอยอยู่ ด้านล่างจุดเปลวเพลิงลุกโชน น้ำแกงที่เดือดพล่านในหม้อมีกลิ่นหอมน่ารับประทานลอยมา

มีไม้เสียบสิ่งของหลายแท่งพาดอยู่บนขอบหม้อ เฟิงอวิ๋นเซิงหยิบขึ้นมาแท่งหนึ่ง จากนั้นก็โยนออกไปด้านหน้า

ไม้ยาวหล่นโค้งลงไป พ่านพ่านที่อยู่ด้านล่างหันมาอ้าปาก แล้วกลืนเข้าไป ดวงตาสองข้าหรี่ลงอย่างชอบใจ

อาหู่ถือเนื้อเสียบไม้อยู่เช่นกัน รับประทานไปพลาง กล่าวพลางหัวเราะไปด้วย “ที่นี่อยู่ติดกับทะเลหวงเจีย ข่าวคราวทางทะเลหวงเจียส่งมายังที่นี่แล้ว คุณชายท่านนับเป็นคนมีชื่อเสียงของที่นี่”

เยี่ยนจ้าวเกอสนอกสนใจ “โอ้ พูดว่าอย่างไรกันบ้าง”

………………..