“1 เดือนก่อน? ปะ-เป็นไปได้อย่างไร?” ฟู่เจียงเฉินตาโตด้วยความตกใจ เขาตัวสั่น น้ำเสียงแหบพร่า
“มีอะไรหรือ?” จางเซวียนถาม
เขาไม่คิดว่าฟู่เจียงเฉินจะมีปฏิกิริยาแบบนี้กับคำถามของเขา
ฟู่เจียงเฉินเสียงสั่นเสียจนแม้แต่เหล่าศิษย์สายตรงของเขาก็จ้องมองมาอย่างตกตะลึง นั่นดูไม่เหมือนบุคลิกสุขุมนุ่มลึกโดยปกติของท่านอาจารย์เลย
“นั่นก็เพราะ…เมื่อ 40 ปีก่อน, เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ…”
“…ตายไปแล้ว!”
จางเซวียนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีบางอย่างคลิกในหัว เขาร้องออกมาด้วยเสียงที่เกือบเหมือนตะโกน “เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณตายไปตั้งแต่ 40 ปีก่อน? จะเป็นไปได้อย่างไร? เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคือสมญานามที่ตกทอดกันมาไม่ใช่หรือ? คนที่ผมกำลังตามหาคงเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคนใหม่!”
ลั่วชิงเพิ่งแยกทางกับเขาเมื่อเดือนก่อน เธอจะตายไปตั้งแต่ 40 ปีที่แล้วได้อย่างไร?
เขาคงไม่ได้ถูกผีหลอกหรอกนะ ใช่ไหม?
ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด ‘เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ’ น่าจะเป็นแค่ตำแหน่ง โดยเมื่อเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคนก่อนตายไป ผู้สืบทอดก็จะเข้าแทนที่
คงเหมือนกับชื่อ ‘อำมาตย์เฉินหย่ง’ ที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
“เอ่อ…ของแบบนั้นส่งต่อกันได้ด้วยหรือ?” ฟู่เจียงเฉินสงสัยหนัก “ผมไม่คิดว่าจะทำแบบนั้นได้นะ ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง ทั้งสรวงสวรรค์จะต้องรู้ทั่วกันแล้ว ไม่มีทางหรอกที่พวกเราจะไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้…”
“ทั้งสรวงสวรรค์จะต้องรู้ทั่วกันแล้ว?” จางเซวียนยิ่งงงหนักกว่าเดิม “เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเป็นคำเรียกขานที่ทรงเกียรติมากหรือ?”
แม้แต่การส่งมอบตำแหน่งของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติให้กับผู้สืบทอดของเขาก็ยังไม่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ต้องป่าวประกาศให้ทั่วทั้งสรวงสวรรค์รับรู้
“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคือ 1 ใน 9 จอมราชันย์ แล้วจะไม่ใช่คำเรียกขานที่ทรงเกียรติได้อย่างไร?” ฟู่เจียงเฉินตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
จางเซวียนตัวแข็งทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
“เดี๋ยวก่อนนะ, ลั่วชิง…ไม่ใช่สิ…เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณน่ะ คือ 1 ใน 9 จอมราชันย์หรือ?”
เขารู้ดีว่าคนรักของเขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แต่ไม่เคยนึกฝันว่าเธอจะเป็น 1 ใน 9 จอมราชันย์ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสรวงสวรรค์…
เรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ
จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะฟุ้งฝัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็อธิบายได้เลยว่าทำไมตอนแรกเธอถึงไม่เต็มใจจะตกร่องปล่องชิ้นกับเขา อีกทั้งลังเลที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงด้วย
ช่องว่างระหว่างทั้งคู่นั้นห่างไกลกันเหลือเกิน ไม่มีทางที่เขาจะเทียบชั้นกับเธอได้
“ก็เป็นอย่างนั้นแหละ” ฟู่เจียงเฉินพยักหน้า
จางเซวียนสูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะถามต่อ “ไม่ทราบว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณดูแลน่านฟ้าไหน?”
เขาพอรู้จักน่านฟ้าทั้ง 9 แล้ว แต่ความเข้าใจใน 9 จอมราชันย์ยังมีจำกัดมาก เขาอยากรู้ว่าลั่วชิงปกครองดูแลน่านฟ้าไหน จะได้ตรงไปที่นั่นเพื่อตามหาเธอ
“คุณไม่รู้หรือ?”
ฟู่เจียงเฉินประหลาดใจกับคำถามของจางเซวียน เขาจ้องหน้าชายหนุ่มครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ล้อเล่น จึงส่ายหัวและตอบว่า “เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจะต้องเป็นจอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดอยู่แล้ว!”
“น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด?” จางเซวียนชะงักขณะที่อีกชื่อหนึ่งของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดแวบเข้ามาในหัว “คุณกำลังพูดถึง…น่านฟ้าอมตะใช่ไหม? นั่นก็หมายความว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคือจอมราชันย์อมตะ?”
“ใช่แล้ว!” ฟู่เจียงเฉินพยักหน้ารับ
“ฮะ…” จางเซวียนถึงกับจังงัง
เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณนั้น*…แท้ที่จริงแล้วคือจอมราชันย์อมตะแต่จอมราชันย์อมตะก็ตายแล้วนี่**!เขาเห็นแม้กระทั่งป้ายหินหลุมฝังศพของอีกฝ่ายที่อยู่ในมิติเบื้องบน?*
หรือว่าลั่วชิงสืบทอดตำแหน่งจากจอมราชันย์อมตะคนก่อนและกลายเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคนใหม่*?* จางเซวียนพยายามหาคำตอบที่เหมาะสมกับความพิลึกพิลั่นนี้
นี่คือคำอธิบายเดียวที่เขาพอจะคิดออกและทำให้ทุกอย่างดูสมเหตุสมผล
“เอ่อ…ผมเกรงว่าผมไม่รู้เรื่องนั้นจริงๆ” ฟู่เจียงเฉินตอบอย่างกระอักกระอ่วน
ครู่ต่อมาเขาก็เสริม “เรื่องของจอมราชันย์นั้นพูดยาก พวกเขาไม่ใช่คนชนิดที่พวกเราจะนำมาพูดถึงแบบพล่อยๆ และคงโง่เง่าเต็มทีหากจะใช้สามัญสำนึกของพวกเราตัดสินพวกเขา ยังไม่เคยมีจอมราชันย์คนไหนเสียชีวิตนับตั้งแต่ก่อตั้งสรวงสวรรค์ขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของผู้สืบทอดหรือข้อสงสัยที่ว่ามีผู้สืบทอดตั้งแต่แรกหรือไม่…พวกเราก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอก”
จางเซวียนถามต่ออีกสองสามคำถาม แต่ดูเหมือนฟู่เจียงเฉินจะมีความรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณและน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด เขาจึงตัดสินใจไม่ถามต่อ
“ถ้าอย่างนั้น คุณรู้จักจอมราชันย์ของแต่ละน่านฟ้าหรือเปล่า?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่มีการระบุข้อมูลของ 9 จอมราชันย์ไว้ในหนังสือเล่มไหนเลย ความรู้เรื่องจอมราชันย์ส่วนใหญ่ที่จางเซวียนได้รับก็มาจากโม่หยุ่น, อาจารย์คนหนึ่งที่เขาได้พบเป็นระยะเวลาสั้นๆตอนที่มาถึงสรวงสวรรค์ได้ไม่นาน
ในเมื่อฟู่เจียงเฉินดูจะรอบรู้เรื่องสรวงสวรรค์ ถามเขาตรงๆก็คงดีที่สุด
“เรื่องพวกนั้นไม่ใช่ความลับหรอก ใครที่พยายามค้นหา ไม่ช้าก็ย่อมได้คำตอบ!” ฟู่เจียงเฉินตอบ “ดูเหมือนคุณพอรู้เรื่องราวของ 9 น่านฟ้าอยู่บ้าง ผมก็จะไม่พูดเยอะล่ะนะ ส่วน 9 จอมราชันย์…”
“จอมราชันย์มังกรเมฆปกครองน่านฟ้ามังกรเมฆที่อยู่ทางทิศตะวันออก ในฐานะมังกรเลือดบริสุทธิ์ เขาคือผู้ที่เก่งกาจอย่างไม่มีใครเทียบ”
“จอมราชันย์ฟู่เหมิงขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญและไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร เขาปกครองน่านฟ้าทองคำแข็งกล้า ทางทิศตะวันตก”
“น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด หรืออีกชื่อหนึ่งคือน่านฟ้าอมตะ ตั้งอยู่ทางใต้ของสรวงสวรรค์ ผู้ปกครองที่นั่นคือจอมราชันย์อมตะ ซึ่งบางครั้งผู้คนก็เรียกขานเขาว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด หรือสั้นๆก็คือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ”
“ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันคือน่านฟ้านรกโลกันต์ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ หรืออีกชื่อหนึ่งคือมหาสมุทรนรกโลกันต์ มันคือมหาสมุทรขนาดมหึมาที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าก็อาจหลงทางอยู่ในนั้นได้ง่าย ผู้ปกครองที่นั่นคือจอมราชันย์นรกโลกันต์”
“น่านฟ้าตะวันแผดเผาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสรวงสวรรค์ ปกครองโดยจอมราชันย์โจวหยาง หรือที่รู้จักกันในชื่อจอมราชันย์ตะวันแผดเผา การปรากฏตัวของเขาทำให้เกิดภูเขาไฟทุกหนแห่ง สร้างความยำเกรงอย่างมาก”
“ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือน่านฟ้าดาบสวรรค์ หนึ่งในสถานที่ที่ลึกลับที่สุดของสรวงสวรรค์ อาณาบริเวณของมันไม่กว้างนัก แต่ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนกล้าเข้าไปข้องแวะ ร่ำลือกันว่าจอมราชันย์ดาบสวรรค์มีพละกำลังเหนือชั้นกว่าจอมราชันย์คนอื่นๆ และมีแต่คนคนหนึ่งจากน่านฟ้าเสรีเท่านั้นที่เอาชนะเขาได้”
“น่านฟ้าที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้คือน่านฟ้าหลิงหลง ทุกวันนี้ผมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น เท่าที่ผมรู้ เทพธิดาหลิงหลงคือจอมราชันย์หญิงเพียงคนเดียวในบรรดา 9 จอมราชันย์ ผมเคยพบเธอ 2 ครั้งแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่ถือตัวและติดดินมาก ผมเคารพเธอจริงๆ
“ส่วนอาณาบริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสรวงสวรรค์ ซึ่งก็คือจุดที่พวกเราอยู่กันตอนนี้ คือน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน จอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนคือจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น คุณคงคุ้นเคยกับชื่อของเขาดีกว่าผม ผมจึงจะข้ามไป”
“และที่เป็นศูนย์กลาง ถูกห้อมล้อมด้วย 8 น่านฟ้าก็คือน่านฟ้าเสรี จอมราชันย์ของน่านฟ้าเสรีคือผู้ยิ่งใหญ่มาก ผมไม่เคยพบเขามาก่อน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เป็นหญิงหรือชาย แล้วก็ไม่กล้าพูดถึงแบบไม่ระมัดระวังด้วย ทั้งหมดที่ผมรู้ก็คือจอมราชันย์ของน่านฟ้าเสรีใช้กระบวนการที่ล้ำลึกเกินหยั่ง ถึงขนาดที่อีก 8 จอมราชันย์ยกให้เขาเป็นผู้นำ”
ฟู่เจียงเฉินรีบอธิบายรายละเอียดของเก้าจอมราชันย์ให้จางเซวียนฟัง
“จอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์ฟู่เหมิง จอมราชันย์โจวหยาง…” จางเซวียนจดจำชื่อของทั้ง 9 จอมราชันย์ไว้ก่อนจะพยักหน้า
ในเมื่อหลัวลั่วชิงเรียกตัวเองว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ เธอก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดของจอมราชันย์อมตะ เขาจะต้องมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แต่ปัญหาก็คือน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสรวงสวรรค์ ขณะที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เขาต้องใช้ค่ายกลทะลุมิติเท่านั้น ความห่างไกลกันของทั้งสองน่านฟ้าไกลเกินกว่าที่จะเดินทางด้วยวิธีปกติทั่วไป
“ถ้าคุณไม่มีคำถามอื่นล่ะก็ ผมขอตัวก่อน”
หลังจากพูดถึงเก้าจอมราชันย์ ฟู่เจียงเฉินก็บอกความลับบางข้อที่เขาพอจะบอกได้ก่อนจะกล่าวอำลา
“ผมสำนึกในบุญคุณอย่างยิ่งสำหรับการตอบคำถามอย่างจริงใจของคุณ นักปรุงยาฟู่” จางเซวียนพูดขณะโค้งคำนับอย่างงาม
คนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงการพูดถึง 9 จอมราชันย์ เพราะเกรงว่าจะเป็นการหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว พูดได้เลยว่าฟู่เจียงเฉินช่วยเหลือเขาได้มาก
“นักปรุงยาจาง คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป สำหรับใครคนหนึ่งที่ได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง และหลอมยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธกับยาเม็ดเพิ่มความงามได้ทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ ผมก็เชื่อว่าอีกไม่นาน คุณก็จะได้เป็นราชันย์เทพเจ้า ต่อให้วันนี้ผมไม่พูด ต่อไปคุณก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองอยู่ดี ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณกันหรอก!” ฟู่เจียงเฉินหัวเราะหึๆ
ถ้าเป็นสถานการณ์ทั่วไป เขาคงไม่พูดถึงเก้าจอมราชันย์ แต่เมื่อได้เห็นทั้งศักยภาพ ความแข็งแกร่ง และทักษะการหลอมยาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนด้อยกว่าตัวเขาเลย และในอนาคตอันใกล้ ก็น่าจะเหนือชั้นกว่าเขาด้วยซ้ำ
ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำดีไว้ก่อนย่อมไม่เสียหาย
จางเซวียนยังไม่ลงมือทำอะไรเมื่อฟู่เจียงเฉินจากไป เขาครุ่นคิดหนัก
ตอนนี้เขามีสองทางให้เลือก
ทางแรกคือมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อตามหาหลัวลั่วชิง จะได้บอกเธอว่าตัวเขาอยู่ในสรวงสวรรค์แล้ว ทั้งยังเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงด้วย ต่อให้ยังห่างไกลจากการได้เป็นจอมราชันย์ แต่ขอแค่เขาหมั่นเพียรและอดทน บวกกับความช่วยเหลือของหอสมุดเทียบฟ้า ก็มั่นใจว่าไม่ช้าจะต้องลดช่องว่างระหว่างตัวเขากับเธอได้
ส่วนทางที่ 2 ก็คืออยู่ที่นี่และขายยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธกับยาเม็ดเพิ่มความงามต่อไป วิธีนี้จะทำให้เขาสร้างฐานอิทธิพลและรวบรวมกระแสจิตปรารถนาได้มากขึ้น ซึ่งในอนาคตก็อาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าหรือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้สำเร็จ และบางที…อาจได้เป็นจอมราชันย์เหมือนปรมาจารย์ขง!