เขาจะคู่ควรกับหลัวลั่วชิงก็ต่อเมื่อมีสถานภาพทัดเทียมกับเธอ
ไม่อย่างนั้น ด้วยระดับวรยุทธของเขาในเวลานี้ ต่อให้พบหลัวลั่วชิง ก็ไม่อาจคบกันอย่างเปิดเผยได้
แต่ก็ยังมีปัญหา
“เมื่อกระแสความนิยมครั้งใหญ่นี้สร่างซา เราคงไม่อาจเผยแพร่ชื่อเสียงของเราให้สะพัดออกไปกว่าเดิมได้ในเร็วๆนี้…”
ตั้งแต่เปิดตัวยาเม็ด 3 ขนาน กระแสจิตปรารถนาที่จางเซวียนได้รับก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด แต่อัตราการเพิ่มของมันกลับค่อยๆช้าลง หากเขาได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง ปริมาณพลังจิตวิญญาณที่ต้องใช้สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธก็ย่อมสูงกว่านี้หลายเท่า
อย่างน้อยที่สุด เขาคงต้องใช้เวลาราว 1 หรือ 2 เดือนกว่าจะเตรียมตัวพร้อมสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้า
อีกอย่าง จางเซวียนยังไม่พบแรงบันดาลใจใดๆที่จะนำไปสู่การสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าเลย ทั้งหมดนี้หมายความว่าเขาคงไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จในระยะเวลาอันใกล้
หากการได้เป็นราชันย์เทพเจ้ามันยากเย็นขนาดนี้ ก็แปลว่าเขาคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปีใช่ไหมกว่าจะได้เป็นจอมราชันย์?
แบบนั้นก็ช้าเกินไป!
จางเซวียนถอนหายใจอีกเฮือก
หากเขาไม่รู้ว่าหลัวลั่วชิงอยู่ที่ไหนก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว ก็ไม่อาจอดทนรอได้
“ช่างมันเถอะ เราจะมุ่งหน้าไปน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดก่อน เมื่อพบเธอแล้ว ก็ค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป…” จางเซวียนบอกตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าจอมราชันย์อมตะคนก่อนเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ถ้าหลัวลั่วชิงคือผู้สืบทอดตำแหน่ง การปกครองดูแลน่านฟ้าของเธอก็คงไม่ราบรื่นนัก พละกำลังของเธอน่าจะยังอ่อนด้อยกว่าจอมราชันย์แปดคนที่เหลือ ซึ่งนั่นหมายความว่าเธออยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม
ถ้าหลัวลั่วชิงกำลังเผชิญกับความยากลำบาก เขาก็ควรไปยืนเคียงข้างเธอและร่วมกันต่อสู้กับปัญหานั้น
เมื่อตัดสินใจแล้ว จางเซวียนลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ฉีหลิงเอ๋อเข้ามาตอนนั้นพอดี
“นายน้อยจาง, ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ 100 เม็ดและยาเม็ดเพิ่มความงาม 3,000 เม็ดขายหมดแล้ว ส่วนแคปซูลถ่ายทอดพลัง เรากำลังรอให้ร้านยาเม็ดจางเซวียนเปิดขายอย่างเป็นกิจจะลักษณะภายใน 3 วันนี้ก่อนจะนำออกวางขาย”
เพราะแคปซูลถ่ายทอดพลังมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักรบทั่วไป จึงควรกระตุ้นความอยากได้อยากมีของพวกเขาสักหน่อยก่อนจะวางขายจริง เพราะหากทุกคนหาซื้อได้ง่ายๆ ความชื่นชมในแคปซูลของจางเซวียนก็จะลดลงมาก
ซึ่งนั่นจะเป็นการลดปริมาณกระแสจิตปรารถนาที่เขาจะได้รับ
“คุณทำดีมาก” จางเซวียนพยักหน้า “ผมกำลังวางแผนจะออกเดินทางสู่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อจัดการธุระสักหน่อย ขอฝากธุรกิจทางนี้ให้คุณกับซุนฉางดูแลด้วยนะ”
เมื่อมีนักธุรกิจผู้เฉียบแหลม 2 คนคอยรับมือ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ใช้เวลาไปกับการตามหาหลัวลั่วชิงจะดีกว่า
“คุณจะเดินทางไปน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด?” ฉีหลิงเอ๋อชะงัก “นายน้อย คุณคิดจะเดินทางไปที่นั่นด้วยวิธีไหน? สำหรับระยะทางของมัน ต่อให้คุณขี่อสูรสวรรค์สร้างบินได้ไป กว่าจะถึงก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปี!”
น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดอยู่ทางใต้ ด้วยความกว้างใหญ่ของสรวงสวรรค์ ความห่างของสองน่านฟ้าถือว่าไกลมาก
“มีค่ายกลทะลุมิติที่เชื่อมต่อระหว่างน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนกับน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดไม่ใช่หรือ?” จางเซวียนถาม
เมื่อครั้งอยู่ที่เมืองตะวันรอน ฉีหลิงเอ๋อเป็นคนเสนอให้พวกเขาใช้ค่ายกลทะลุมิติเดินทางมาที่นี่ แล้วทำไมถึงถามคำถามแบบนี้?
“ค่ายกลทะลุมิติอันนั้นเป็นค่ายกลทะลุมิติขนาดเล็ก มีไว้สำหรับการเดินทางภายในอาณาเขตของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้น ถ้าคุณอยากข้ามอาณาเขตและถูกส่งทะลุมิติตรงไปยังน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดล่ะก็ คุณจะต้องใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ แต่การใช้ก็ไม่ง่าย” ฉีหลิงเอ๋ออธิบาย
“ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่?”
คราวนี้จางเซวียนเป็นฝ่ายไม่เข้าใจ
ฉีหลิงเอ๋อส่ายหน้าอย่างระอากับความบื้อของจางเซวียน จริงอยู่ว่าการที่ชายหนุ่มรอบรู้ไปหมดทุกเรื่องนั้นแสนจะน่าทึ่ง แต่บางทีก็กลับไม่รู้ในเรื่องที่ง่ายที่สุดเสียอย่างนั้น
“9 น่านฟ้าและ 9 จอมราชันย์ คือดินแดนที่เป็นเอกเทศต่อกัน ทุกน่านฟ้ามีอาณาเขตของตัวเอง คนนอกไม่มีทางได้รับอนุญาตให้ข้ามอาณาเขตง่ายๆ ส่วนการใช้ค่ายกลทะลุมิติยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าการเดินทางจากน่านฟ้าหนึ่งไปอีกน่านฟ้าหนึ่งมันง่ายดายอย่างนั้น กลุ่มอำนาจต่างๆคงต้องอารักขาดินแดนของตัวเองอย่างเข้มงวด และคงวุ่นวายหนักแน่หากมีกลุ่มอำนาจสักกลุ่มแสดงความอ่อนแอออกมา” ฉีหลิงเอ๋ออธิบาย
การเดินทางไปมาภายในอาณาเขตของน่านฟ้าหนึ่งๆย่อมไม่เป็นปัญหากับนักรบ แต่จะเกิดปัญหาแน่หากเป็นน่านฟ้าอื่น เพราะถ้าแต่ละน่านฟ้าปล่อยให้คนนอกเดินทางเข้านอกออกในได้ตามสบาย ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้มีผู้บุกรุกได้ทุกเวลาที่พวกเขาต้องการ!
“ผมเข้าใจแล้ว…แล้วค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่มีเงื่อนไขในการเข้าใช้อย่างไร?” จางเซวียนถาม
“เท่าที่ฉันรู้ มี 3 วิธีที่จะทำให้คุณใช้ค่ายกลนั้นได้” ฉีหลิงเอ๋อตอบ “วิธีแรก ถ้าคุณได้เป็นราชันย์เทพเจ้า หรือติด 1 ใน 30 ของการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้า และมีทักษะเชี่ยวชาญในวิชาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้, เหมือนนักปรุงยาฟู่เจียงเฉิน คุณก็จะใช้ค่ายกลทะลุมิติเดินทางไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ!”
“ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือคุณจะต้องได้รับตำแหน่งผู้แทนของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน แต่เงื่อนไขต่ำสุดของการได้เป็นผู้แทนก็คือต้องได้เป็นนายพลเกราะทองในสังกัดของกองทัพ อีกทั้งยังต้องสั่งสมความดีความชอบไว้มากพอจนได้รับอำนาจโดยตรงจากจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น”
“ส่วนวิธีสุดท้ายก็คือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษจากน่านฟ้าเสรี เพราะน่านฟ้าเสรีคือผู้นำของ 9 น่านฟ้า การได้รับอนุมัติเป็นพิเศษจากน่านฟ้าเสรีจึงส่งผลให้คุณใช้ค่ายกลทะลุมิติเดินทางไปทั่วสรวงสวรรค์ได้ตามใจ แต่เงื่อนไขของการได้รับอนุมัติเป็นพิเศษก็เหมือนกับวิธีแรก คือคุณจะต้องได้เป็นราชันย์เทพเจ้าหรือติด 1 ใน 30 ของการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้า ไม่อย่างนั้น การบิดเบี้ยวของกฎเกณฑ์แห่งมิติจะส่งผลกระทบต่อคุณอย่างรุนแรงเมื่อคุณพยายามจะเดินทางโดยใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่”
“ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน คุณก็ต้องฝึกฝนวรยุทธจนได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเป็นอย่างน้อย แต่ตอนนี้วรยุทธของนายน้อยจางคือ…”
ฉีหลิงเอ๋อเงียบเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดไปหมดแล้ว
เธอเห็นชายหนุ่มยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นต่ำมาเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางได้ภายในระยะเวลาเพียง 2-3 วัน
ซึ่งก็แน่นอนว่าการได้เห็นภาพแบบนี้ย่อมทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ฉีหลิงเอ๋อจึงเริ่มทุ่มเทความพยายามให้กับการฝึกฝนวรยุทธ
โชคดีที่เธอมีสถานภาพสูงขึ้นในตระกูลฉี จึงได้รับทรัพยากรทุกชนิดที่จำเป็นต่อการฝึกฝนวรยุทธ แต่ถึงจะมีทั้งทรัพยากรชั้นยอดและความขยันหมั่นเพียรอย่างไม่ลดละ แต่ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เธอก็ทำได้แค่ขัดเกลาวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำที่มีอยู่เท่านั้น
คงอีกยาวไกลกว่าจะได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลาง
ในเมื่อตัวเธอเจอปัญหาแบบนี้ ชายหนุ่มก็คงไม่ต่างกัน
การยกระดับวรยุทธแต่ละขั้นย่อยของนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างนั้นยากกว่านักรบระดับเทพเจ้าหลายเท่า
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีทางที่จางเซวียนจะต้านทานแรงกดดันของค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ได้
ลำพังแค่ค่ายกลทะลุมิติขนาดเล็กก็น่าสะพรึงจนต้องอาศัยการคุ้มกันจากตราสัญลักษณ์เจ้าเมือง ดังนั้น ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ก็ย่อมมีอานุภาพรุนแรงกว่ากันหลายเท่า มันไม่ใช่เครื่องมือที่ใครจะใช้งานได้ง่ายๆ
“อ๋อ คุณกังวลเรื่องวรยุทธของผมใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง ผมสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงแล้ว!”
จางเซวียนพูดขณะเปิดเผยวรยุทธที่แท้จริงต่อสายตาของฉีหลิงเอ๋อ
เพราะเขาเป็นคนนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัว จึงไม่มีทางจะเปิดเผยวรยุทธของตัวเองกับใครโดยปราศจากเหตุผล ราชันย์เทพเจ้าอาจมองเห็นวรยุทธที่แท้จริงของเขา แต่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำไม่มีทางทำแบบนั้นได้
“คุณ…”
แรงกดดันมหาศาลที่แผ่ซ่านออกจากร่างของจางเซวียนทำให้ฉีหลิงเอ๋อถอยไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เธออ้าปากค้างและตาโตด้วยความตกใจ
ฉีหลิงเอ๋อตัวสั่นไม่หยุด จากนั้นก็ค่อยๆยกมือขวาขึ้นมาทาบอก ช่วยกดหัวใจที่กำลังเต้นรัว
นี่มันเกินไปแล้ว*!*
เธอกับเขาเพิ่งพบกันได้ราว 10 วันเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสามารถยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นต่ำมาเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง กลายเป็นผู้มีวรยุทธสูงส่งเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง
มนุษย์ยกระดับวรยุทธได้เร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในตอนนั้น ฉีหลิงเอ๋อสาบานกับสรวงสวรรค์ว่าเธอจะไม่มีวันพูดเรื่องวรยุทธหรืออะไรทำนองนี้กับจางเซวียนอีก ไม่อย่างนั้น คงได้หัวใจวายตายเข้าสักวัน…
“อะไรกัน? พละกำลังของผมยังอ่อนด้อยหรือ? ผมต้องสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง-สูงสุดใช่ไหม?”
เห็นฉีหลิงเอ๋อเงียบไป จางเซวียนขมวดคิ้ว
ฉีหลิงเอ๋อสูดหายใจลึกและพยายามข่มความคับข้องใจไว้ก่อนจะพูดออกไป “ผู้ที่ติด 1 ใน 30 อันดับแรกในการจัดอันดับศักยภาพของราชันย์เทพเจ้าล้วนเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง-สูงสุด นั่นคือเงื่อนไขพื้นฐานที่แบ่งแยกพวกเขาออกจากนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงคนอื่นๆ…”
ถึงจางเซวียนจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงแล้ว แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างตัวเขากับผู้เป็นสุดยอดของวรยุทธขั้นนั้น
ก้าวต่อไปของนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงคือราชันย์เทพเจ้า แม้จะห่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธถือว่ามหาศาล ถึงขนาดที่นักรบจำนวนหนึ่งต้องขัดเกลารากฐานวรยุทธของพวกเขายาวนานหลายร้อยปี เพียงเพื่อในท้ายที่สุด ก็ฝ่าด่านวรยุทธไม่สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า
ด้วยเหตุนี้ ช่องว่างของวรยุทธแต่ละขั้นย่อยในวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างจึงห่างกันมาก ผู้ที่เพิ่งได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้ที่สำเร็จวรยุทธระดับนั้นตั้งแต่ 100 ปีก่อน
แม้ด้วยศักยภาพของจางเซวียน เขาก็ยังต้องฝึกฝนอีกอย่างน้อย 1 ปีกว่าจะพัฒนาตัวเองได้
ขนาดฉีเยว่ซึ่งเป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องและมีทรัพยากรมากมายของตระกูลฉี ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง-ขั้นต้นไปเป็นขั้นสูงสุดได้สำเร็จ
“อย่างนั้นหรือ?”