ตอนที่ 1489

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในสิบหกผู้แข็งแกร่ง มีราชาระดับสามทั้งเจ็ดคนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากทั้งเจ็ดที่เป็นราชาระดับสามอยู่ก่อนแล้วก็มีราชาที่เพิ่งกลายเป็นราชาระดับสามอย่างจักรพรรดิพิรุณและเซียนหวู่เซียงอยู่ด้วย พวกเขาบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มีถือครองอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้

ผู้แข็งแกร่งที่สุดสิบหกคนมีถึงสี่คนที่มาจากดาวเหอหนิง

น่าเสียดายที่ติงผิงกับจิ่วเยานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำเกินไป ส่วนAnchorสวีเหลินนั้นเขาทะลวงผ่านระดับนวารีนิรันดร์ล้มเหลว ต่อให้จะมีพรสวรรค์สูงส่ง แต่ในสำนักละอองดาราแห่งนี้เขาก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าใคร

ผู้ประลองจับฉลากอีกครั้ง ซึ่งการประลองในรอบรี้จะถูกแบ่งออกเป็นลานประลองส่วนบนและส่วนล่าง

หลิงฮันมองฉลากที่จับได้และพบว่าเขากับจักรพรรดินั้นถูกแบ่งแย่งออกกัน เขาได้ประลองในลานประลองส่วนบน ในขณะที่จักรพรรดินีได้ประลองในลานประลองส่วนล่างซึ่งเป็นลานประลองเดียวกับกู่ต้าวอี้ มีโอกาสสูงมากที่นางกับกู่ต้าวอี้จะได้ปะทะกันตั้งแต่แรก

จักรพรรดิพิรุณเองก็อยู่ในลานประลองส่วนล่าง โอกาสที่เขาจะเป็นอันดับหนึ่งในลานประลองนี้แทบจะไม่มีเลยเนื่องจากเขายังไม่ทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์

ในกรณีของหลิงฮัน ถึงแม่กู่ต้าวอี้จะไม่ได้อยู่ในลานประลองส่วนบนแต่ก็ยังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งคนอื่นอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นหลงเซียงเยว่ เทียนเซี่ยตี้เอ้อและหงหม่า คู่ต่อสู้คนแรกของหลิงฮันคือเทียนเซี่ยตี้เอ้อ

“ข้าต้องการเอาชนะเจ้าด้วยตัวข้าเอง!” หลงเซียงเยว่เอ่ยพร้อมกับชี้นิ้วมาทางหลิงฮัน “เพราะงั้น ก่อนการประลองรอบรองสุดท้ายเจ้าห้ามแพ้เด็ดขาด!”

เทียนเซี่ยตี้เอ้อที่อยู่ข้างๆมุมปากกระตุกไปมา นี่เจ้ามองไม่เห็นหัวข้าเลย?

หลิงฮันยิ้ม ทั้งหลงเซียงเยว่และเทียนเซี่ยตี้เอ้อต่างก็บรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้ว ทั้งคู่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีให้แก่เขาได้ หลิงฮันกล่าว “เผ่าของเจ้าสามารถพัฒนากลายเป็นมังกรแท้จริงได้? ข้าอยากขอซื้อเขามังกรจากเผ่าของเจ้า เงื่อนไขต่างๆสามารถพูดคุยกันก่อนได้”

หมอนี่ยังกล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก?

ใบหน้าของหลงเซียงเยว่กลายเป็นบูดบึ้ง ในตระกูลของนางมีอยู่คนหนึ่งที่สามารถพัฒนาเป็นมังกรแท้จริงได้ซึ่งนั่นก็คืออาสาวของนาง อีกฝ่ายคืออัจฉริยะแห่งเผ่ามังกรแถมยังเป็นสตรีงามล่มเมืองที่งดงามยิ่งกว่านางเสียอีก

“คิดจะครอบครองอาสาวของข้า? ฝันหวานเกินไปแล้ว!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลิงฮันไม่รู้ว่าเผ่ามังกรมีกฎเช่นนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากว่าทำไมนางต้องโกรธเขาด้วย?

เขาไม่ได้บอกว่าจะขโมยเขามังกรมาเสียหน่อย เขาเสนอการแลกเปลี่ยนให้แล้วแท้ๆ

สตรีช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจอยากยิ่งนัก

“หลิงฮัน ข้ารอคอยที่จะได้สู้กับเจ้ามานานแล้ว!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อกล่าวด้วยน้ำเสียงดังกึกก้อง

ร่างกายของเขาบึกบึนใหญ่โตราวกับหมี หลิงฮันที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาราวกับเป็นเด็กเล็กไปเลย

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เช่นนั้นก็มาสู้กันให้สุดความสามารถ!”

“เหอๆ ตามที่เจ้าต้องการ!”

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง การประของแปดคู่ของราชาสิบหกก็เริ่มขึ้นพร้อมกัน

เทียนเซี่ยตี้เอ้อคำราม ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็มีขนสีดำงอกออกมาทั่วร่าง

ก่อนหน้านี้เขาเพียงเหมือนหมี แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นไม่ใช่คนแล้ว ปากของเขามีเขี้ยวงอกออกมา เล็บมีขนาดใหญ่หนาและแหลมคมขึ้น รอบกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับเป็นสัตว์อสูรคลั่งแห่งยุคบรรพกาล

“สายเลือดAnchorหมีกระดูกเหล็กกล้า!”

หลิงฮันรู้สึกสนใจ หมีกระดูกเหล็กกล้าคือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาล แม้มันจะด้อยกว่ามังกรแท้จริง แต่หมีกระดูกเหล็กกล้าก็เป็นสัตว์อสูรระดับสร้างสรรพสิ่ง พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก

“ฮึ่ม!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อคำรามและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน

หมีกระดูกเหล็กกล้ามีกายหยาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้วยความพิเศษนี้ทำให้มันมีสามารถต่อกรกับมังกรแท้จริงได้

ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความมึนงง คิดจะต่อสู้ระยะประชิดกันข้า? เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

บางทีกายหยาบของหมีกระดูกเหล็กกล้าอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเทียบชั้นได้กับมังกรแท้จริง แต่มันก็แค่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่เขาบ่มเพาะอยู่แม้จะไม่มีความสามารถด้านโจมตี แต่หากเป็นด้านความแข็งแกร่งของกายหยาบล่ะก็…

เข้ามา!

หลิงฮันเองก็พุ่งทะยานเข้าหาเทียนเซี่ยตี้เอ้อ

ปัง!

ทั้งสองไม่หลบหลีก พวกเขาปะทะเข้าใส่กันโดยตรงและกระเด็นล่าถอนพร้อมกัน ทั้งสองเป็นราชาระดับสามและมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเหมือนกัน ตามหลักแล้วพลังต่อสู้ของพวกเขาจึงทัดเทียมกัน

เทียนเซี่ยตี้เอ้อส่ายหัว การกระแทกเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกมันงงเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าว “ในระดับพลังเดียวกัน ข้าไม่เคยพบเจอคนที่สามารถปะทะกับข้าได้อย่างซึ่ง   ๆหน้ามาก่อน มาดูกันว่าเจ้าจะทนได้กี่กระบวนท่า”

“คงตัดสินได้ในไม่กี่กระบวนท่า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ การกระแทกเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรแม้แต่น้อย

“ฮ่าๆๆ!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อหัวเราะลั่นและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน ครั้งนี้เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วและกำลังที่มากขึ้น

หลิงฮันไม่หวั่นเกรงและพุ่งทะยานเข้าใส่อีกฝ่ายเช่นกัน

ปัง! ปัง! ปัง!

ทั้งสองคนพุ่งกระแทกเข้าหากันอย่างต่อเนื่องในขณะที่ศิษย์คนอื่นนอกลานประลองหัวเราะสนุกสนาน

ทั้งสองคือราชาระดับแนวหน้าแท้ๆแต่กลับพุ่งชนกันราวกับวัวกระทิงสองตัวโดยไม่เหลือความเป็นปรมาจารย์แม้แต่น้อย แต่หากคิดกลับกันแล้ว ใครบ้างจะกล้าทำอย่างพวกเขา?

เกรงว่าแต่ถูกกระแทกไม่กี่ครั้งกระดูกในร่างก็คงบิดเบี้ยวผิดรูปร่างแล้ว

แต่ทั้งสองคนกลับกระแทกใส่กันอย่างต่อเนื่องหลายร้อยครั้งโดยที่ดูเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

แต่ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเทียนเซี่ยตี้เอ้อนั้นชอบเอาชนะศัตรูด้วยวิธีแบบนี้ เขามั่นใจในกายหยาบของตัวเองเป็นอย่างมาก ตราบใดที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากันไม่มีใครสามารถมีกายหยาบที่แข็งแกร่งเทียบเท่าเขาได้

ทว่าตอนนี้เขาหัวของเขากลับรู้สึกมึนงง ท้องเริ่มปั่นป่วนราบกับจะสำลักอะไรบางอย่างออกมาจากภายใน

เขารู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงคนธรรมดาส่วนหลิงฮันเป็นโขดหิน เขาคือคนธรรมดาที่พยายามกระแทกใส่โขดหินด้วยร่างกายเปล่าๆ

บ้าไปแล้ว สรุปใครกันแน่ที่มีสายเลือดของหมีกระดูกเหล็กกล้า เจ้าช่วยบอกหน่อยได้รึไม่ว่าทำไมร่างกายของเจ้าถึงแข็งทนทานกว่าของข้าอีกท

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ยังจะต่อรึไม่?”

“แน่นอน เข้ามา!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อกัดฟัน นี่คือวิธีการต่อสู้ในแบบที่เขาถนัด หากเขาพ่ายแพ้หลิงฮันตัวเขาคงจะรู้สึกเศร้าโศกมาก

ปัง! ปัง! ปัง!

ทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้งราวกับเป็นวัวกระทิงคลั่ง

ศิษย์บางคนที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมสามารถมองออกอย่างรวดเร็วว่าการเคลื่อนไหวของเทียนเซี่ยตี้เอ้อนั้นค่อยๆช้าลง

เมื่อการเคลื่อนไหวช้าลงแรงกระแทกย่อมลดลงไปด้วย